bni กับแนวคิดของ การทำ farming ไม่ใช่ hunting

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4121

วิธีการทำการตลาดแบบบอกต่อที่เป็นหัวใจของ bni เป็นวิธีที่เน้นการปลูกสร้างสายสัมพันธ์  หลายคำศัพท์ที่มักจะได้ยินในกลุ่มของนักธุรกิจ bni คือ เรามาทำ farming ไม่ใช่ hunting

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4142

farming คืออะไร  ย้อนกลับไปที่คำศัพท์การทำฟาร์ม  การทำฟาร์มใดๆก็ตาม เราจะต้องได้ผลผลิตจากสิ่งนั้นอย่างสม่ำเสมอ  เช่น ถ้าเราทำฟาร์มไก่ เราก็เลี้ยงไก่ ผลผลิตเป็นไก่ เราได้ไก่กินทุกวัน เรามีไก่ไปขายทุกวัน  แม้เราหลับ เราตื่นมาก็มีไก่ให้กิน  เพราะฟาร์มจะมีผลลัพธ์ให้เราตลอดเวลา

ถ้าเราปลูกเห็ดขาย เรากำลังทำฟาร์มเห็ด  เราก็จะมีเห็ดให้เก็บขายทุกวัน  วันนี้เก็บไปแล้ว พรุ่งนี้มีเห็ดต้นใหม่ให้เก็บ เก็บขายทุกวัน นอนหลับตื่นมา พรุ่งนี้ก็มีเห็ดต้นใหม่

สิ่งที่ยกตัวอย่างมาคือเราทำฟาร์ม  ฟาร์มนั้นๆจะต้องให้ผลลัพธ์กับเราตลอดเวลา สิ่งที่เราต้องทำก็คือ หล่อเลี้ยงฟาร์มนั้นด้วยสิ่งที่จำเป็น เลี้ยงไก่ ก็ต้อง ให้อาหาร ให้น้ำ เก็บกวาดขี้ไก่ทำความสะอาด  ปลูกเห็ดก็ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย สิ่งที่เราทำเพิ่มลงไปทุกวันๆก็เพื่อให้วันพรุ่งนี้มีผลผลิต

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4182

เรามา farming ใน bni  ก็คือ ฟาร์มแห่งนี้จะต้องให้ธุรกิจกับเราทุกวัน หรือ ให้บ่อยๆ หรือ ให้อย่างสม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับธุรกิจของเราด้วย  ถ้าเราเป็นคนรับเหมาสร้างบ้าน  ฟาร์มแห่งนี้ก็ควรจะให้ลูกค้าสร้างบ้านกับเราตลอดปี  จบหลังแรก ก็มีหลังที่สองให้สร้างต่อ ทำให้บริษัทไม่ว่างงาน   หรือถ้าเราทำธุรกิจโรงพิมพ์  ฟาร์มแห่งนี้ก็ควรจะให้ลูกค้าที่สั่งพิมพ์งานทุกวัน หรือทุกสัปดาห์แล้วแต่ชนิดงาน ถ้าปีนึงลูกค้าสั่งงานโรงพิมพ์ 1 ครั้ง และเราใช้เวลาผลิตงานประมาณ 1 สัปดาห์  ฟาร์มแห่งนี้ก็ควรจะทำให้เราได้ลูกค้า 52 รายเพื่อให้โรงพิมพ์ได้ทำงานส่งทุกสัปดาห์นั่นเอง

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4183

farming ใน bni คือการพาตัวเองเข้าไปสู่สังคมของกลุ่มคนประมาณ 40-50 คน  คนในกลุ่มนี้จะมีหลายหลายอาชีพ และทุกคนอาชีพไม่ซ้ำกัน  การที่จะให้คนเหล่านี้แนะนำบอกต่อลูกค้ามาสั่งงานกับเรา ก็ต้องมีขั้นตอนหลายอย่าง เช่น เราจะต้องได้รับความไว้วางใจว่าเรามีคุณภาพ เพื่อนถึงจะกล้าแนะนำงานให้  เราต้องเป็นเพื่อนเขา สนิทสนมกับเขาในระดับนึง  และ เขาต้องรู้จักเรา รู้จักธุรกิจของเรา  และรู้ว่า งานที่เขาจะช่วยบอกต่อมาถึงเรานั้น เป็นงานที่เราต้องการจริงๆหรือไม่  ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราทำธุรกิจโรงพิมพ์  เราก็อยากจะพิมพ์งานหลายอย่าง  แต่งานที่เราทำไม่ได้ก็มี เช่น งานพิมพ์หนังสือพิมพ์ เพราะเครื่องจักรของเราผลิตหนังสือพิมพ์ไม่ได้  ดังนั้นเพื่อนในกลุ่มถ้าเขารู้จักเรา รู้จักธุรกิจเรา เขาจะไม่แนะนำงานหนังสือพิมพ์มาให้เรานั่นเอง

IMG_0048

ในขณะที่เรากำลังสร้างฟาร์มที่จะมีลูกค้า มีงานส่งมาถึงเราอย่างต่อเนื่อง  เราก็เป็นฟาร์มของคนอื่นเช่นกัน  คนอื่นจะต้องพยายามสร้างความไว้วางใจให้ได้  เขาจะต้องทำให้เราเชื่อและไว้ใจว่าเขามีคุณภาพ และจะไม่ทำเรื่องไม่ดีกับลูกค้าที่เราส่งไปให้  การหล่อเลี้ยงฟาร์มแห่งนี้เพื่อให้เกิดการแนะนำบอกต่ออย่างต่อเนื่องนั้น เราจะต้องมีวิธีการประจำวันที่จะทำงานกับระบบแบบนี้  ดังต่อไปนี้

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4280

1  ต้องพบกันอย่างสม่ำเสมอ  ในทางปฏิบัติ ก็คือการเจอกัน คุยกันอย่างเป็นประจำ  คำว่าเป็นประจำมีความหมายยิ่งกว่าบ่อยๆ  ในกลุ่ม networking ทางธุรกิจ จะมีการพบกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เจอกันบ่อยยิ่งกว่าญาตพี่น้องเสียอีก  การพบกันอย่างสม่ำเสมอทำให้เราและเขาได้รับรู้ข้อมูลซึ่งกันและกัน  แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และสามารถนำไปสู่ความไว้วางใจในการส่งต่อลูกค้าได้  ให้ลองคิดเล่นๆว่า  เราจะบอกต่อลูกค้าคนสำคัญของเราให้กับเพื่อนแบบไหน เพื่อนแบบที่นัดแล้วไม่มา  ไม่ค่อยได้เจอ  หรือเพื่อนที่พบกันทุกสัปดาห์และเขารับผิดชอบงานดี

2  ต้องใช้เวลาพูดคุยกันอย่างถึงแก่นของธุรกิจ  รู้ในสิ่งที่ควรรู้ของเพื่อน  เช่น  ต้องรู้ถึงระดับที่ว่า งานที่เราพบเจอใช่งานของเพื่อนเราจริงไหม  อย่างเช่น  ถ้ามีคนจะซ่อมบ้าน ต่อเติมบ้าน  และในกลุ่ม network ของเรามีผู้รับเหมาสร้างบ้าน  เราต้องรู้ว่า ผู้รับเหมาที่เราพบกันประจำเขารับงานต่อเติมไหม  บางคนอาจรับแต่งานสร้างใหม่  ส่วนงานซ่อมหรืองานต่อเติมไม่รับ  ดังนั้น  เวลาเราจะเลือกส่งต่องาน เราควรรู้ว่า คนรับเขาอยากได้งานนั้นๆจริงหรือไม่  และการที่จะได้รู้ว่าเขาอยากรับ หรือ ไม่อยากรับ  เราต้องผ่านการพูดคุยกันในเชิงลึก  ผ่านการได้ดูได้เห็นผลงานของเขา  ในทางกลับกัน  ถ้าเพื่อนผู้รับเหมาจะส่งงานมาให้เรา  เขาก็ควรรู้จักเราว่าเราชอบงานนั้น หรือ ไม่ต้องการงานแบบนั้น

เมื่อเราพบกันสม่ำเสมอ และรู้ข้อมูลเชิงลึกซึ่งกันและกันแล้ว ก็เท่ากับเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนทั้งสองฝ่าย  การแนะนำลูกค้าที่เรามีอยู่ให้ใช้บริการเพื่อนในกลุ่มก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้  ไม่ตะขิดตะขวงใจ  คนเรามีลูกค้าติดตัวรวมถึงคนรู้จักที่พูดคุยได้อย่างน้อย 200 คน  ถ้าเรารวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มย่อย 5 คน ก็เท่ากับมี 1000 ว่าที่ลูกค้า  ถ้าเรารวมกลุ่มกัน 40 คน เราจะมีว่าที่ลูกค้า 8000 คน  นี่คือความน่าจะเป็นของการทำธุรกิจด้วยวิธีการบอกต่อ  แต่เราบอกต่อแบบมีคุณภาพ และมีโครงสร้างการติดตามงานที่ชัดเจน ทำให้การบอกต่อเป็นการบอกต่อที่เกิดผลลัพธ์  ซึ่งมันก็คือการทำฟาร์มที่จะได้ผลเป็นลูกค้านั่นเอง  เพราะในกลุ่มจะวนเวียนเกิดงานใหม่ๆให้แก่สมาชิกเสมอ

รีวิวกล้อง kodak easyshare c140 ในวันที่มันกลายเป็นของโบราณไร้ราคา

กล้องตัวนี้เป็นกล้องดิจิทัลคอมแพ็ค ตัวเล็ก ผมตั้งใจซื้อเพื่อใช้พกพา ใช้สารพัดประโยชน์ ปกติก็มีกล้อง DSLR ใช้อยู่แล้ว แต่ก็อยากมีกล้องตัวเล็กอีกสักตัวที่เอาไว้พกติดตัวตลอดเวลา และกล้องตัวนี้ต้องราคาไม่แพง หายก็ไม่เสียดาย ใช้หน่วยความจำเป็นแบบ SD card และต้องใช้ถ่าน AA เท่านั้น เนื่องจากเบื่อหน่ายกับกล้องที่ใช้แบตเตอรี่เฉพาะยี่ห้อของตัวเอง เพราะเมื่อแบตเสื่อมจะต้องเสียเงินซื้อแบตอีกเกือบพันบาท มันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงทีเดียวเมื่อเทียบกับราคากล้อง

วันนี้ผ่านมาเกือบสิบปี กล้องตัวนี้ยังคงอยู่ ก็เลยย้อนนึกถึงวันแรกที่ซื้อมันมา และก็ถือโอกาสเขียนรีวิวให้กับเจ้าตัวเล็กสักหน่อย เพราะกล้องรุ่นนี้อยู่กับผมมาอย่างยาวนาน และ มันก็ยังคงใช้งานได้ดีอยู่ถึงทุกวันนี้ และมันได้รับใช้ลูกของผมด้วย ปีนี้ลูกผมอายุ 6 ขวบ และได้ใช้กล้องตัวนี้ออกไปเที่ยวกันเต็มทริป พ่อกับแม่มีรูปคู่กันจากกล้องคอมแพ็คตัวนี้ด้วย

IMG_20141226_214855

กล้อง kodak c140 มีสัญลักษณ์ Youtube บนตัวกล้องด้วย เจตนาให้ถ่ายวิดีโอแล้วอัพโหลดเข้าสู่ youtube ได้ง่ายๆ ผมจำได้ลางเลือกนว่า มีซอร์ฟแวร์ของกล้องแถมมาด้วย และซอร์ฟแวร์แถมมีคำสั่งพื้นฐานในการก็อปปี้ภาพลงคอมพิวเตอร์ รวมถึงเลือกไฟล์วิดีโอเพื่อส่งเข้าสู่ youtube แต่ในการใช้งานตลอดหลายปี ผมไม่เคยใช้ซอร์ฟแวร์แถมตัวนี้เลย เพราะใช้วิธีถอดแผ่นหน่วยความจำมาก็อปปี้ลงเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก

IMG_8296

ขนาดกล้องเล็กใส่กระเป๋ากางเกงได้พอดี ผมมีโอกาสเจอ accessory น่าใช้ชิ้นหนึ่งคือ ฝาขวดน้ำที่มีหัวบอลเอาไว้ติดกล้องถ่ายรูป ก็เอามาลองติดใช้งานเล่นๆ จะเห็นว่ากล้องขนาดเล็กมาก

100_0002

นี่คือภาพที่ทดลองกล้องในวันที่ซื้อออกจากร้าน ผมซื้อกล้องตัวนี้ที่งานโฟโต้แฟร์ปี 2009 ซึ่งผ่านมาถึงวันนี้ มันกำลังจะอายุครบ 10 ปีพอดี

100_1470
100_1320
100_1135
100_1212
100_0991

คุณภาพของภาพออกมาก็ถือว่าพอใช้งานได้ ในยุคที่มือถือยังถ่ายภาพไม่สวยนัก กล้องคอมแพ็คตัวเล็กสักตัวก็ให้ภาพที่ดีกว่ามือถือทุกตัวในท้องตลาด และมันก็เป็นจริงอยู่อย่างนั้นหลายปี ต้องรอจนถึงช่วงที่ iphone 4 วางตลาด มือถือกับกล้องคอมแพ็คก็มีคุณภาพสูสีกัน และตั้งแต่ iphone5 เป็นต้นไป คุณภาพของมือถือก็เริ่มแซงกล้องคอมแพ็คเล็กๆไปแล้ว จนทำให้จุดจบของกล้องคอมแพ็คราคาถูกก็มาถึงในเวลาไม่นาน

100_0478
100_0520

ผมใช้ c140 ติดตัวไปดูคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ ภาพงานตอนกลางคืนก็พอยอมรับได้ ถ่ายติด และให้ภาพที่ดูรู้เรื่อง เหตุที่ใช้กล้องตัวเล็กก็เพราะอยากจะใช้เวลากับบรรยากาศและเสียงเพลง ไม่ได้อยากจะเป็นช่างภาพที่คิดแต่เรื่องภาพสวย เพลงเพราะๆ อากาศเย็นสบายเป็นสิ่งที่ผ่อนคลาย ก็เลยเลือกกล้องตัวเล็กไปแทน DSLR แล้วก็ใช้มันตลอดงาน

100_0589
100_0613

ภาพตอนกลางวันเป็นของง่ายของกล้องถ่ายรูปแทบทุกตัว ถ้าอากาศดี ท้องฟ้าสดใส แดดออกชัดเจน ภาพก็จะสวยเสมอไม่ว่าจะถ่ายด้วยกล้องอะไร

100_0663
100_0670
100_0719

แผงขายผลไม้ข้างถนนก็เต็มไปด้วยสีสรร การหยิบกล้องตัวเล็กออกมาถ่ายก็ทำได้ง่าย เร็ว และดูไม่เอิกเริก แม่ค้าไม่ไล่ ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อของจากร้านเขา รูปผลไม้กองกันเต็มร้านก็ลองถ่ายใกล้ๆให้ดูเป็นงานลวดลายหรือ texture ภาพพุทราก็ดูสวยดี องุ่นสีม่วงก็มีสีสรรที่ใกล้เคียงกับตาเห็น จบงานเที่ยวคอนเสิร์ตด้วยกล้องตัวเล็กๆ ราคาไม่แพง หายก็ไม่เสียดาย

ต่อไปนี้เป็นภาพที่ลูกเป็นผู้ถ่าย บางภาพก็สวย บางภาพก็เบลอ

100_3775
100_3734
143_2190

แผ่นเสียง P O P และ Boyd

อัลบั้มที่อยู่คู่กับวงการเพลงไทยในรสนิยมของผมเองก็คือ 2 แผ่นนี้  ปกสีขาวคืออัลบั้มของบอยด์ โกสิยพงศ์ ชุด rhythm & Boyd  ส่วนปกสีฟ้าคือ  อัลบั้ม era  ของวง  P.O.P

อัลบั้ม Rhythm & Boyd เป็นอัลบั้มที่ออกในปี 2537 ของค่ายเพลง bekery music ที่เป็นค่ายเพลงน้องใหม่ในเวลานั้นและเป็นตำนานมาตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน  คุณบอยด์ได้รับการยกย่องให้เป็นนักแต่งเพลงสุดยอดฝีมือ  เป็นเจ้าพ่อเพลงรัก เพลงโรแมนติก และเป็นแนวเพลงที่มองโลกในแง่ดี  ทุกเพลงในชุดนี้เพราะทั้งหมด  และเพลงเด่นมากๆในอัลบั้มนี้คือ ฤดูที่แตกต่าง  ที่ได้เสียงร้องจากนักร้องหน้าใหม่เสียงหล่อขั้นเทพในแบบที่เมืองไทยไม่เคยมีมาก่อน  ส่งผลให้นักร้องโด่งดังขึ้นมาเช่นกัน  นภ พรชำนิ คือนักร้องที่เห็นหน้าเบลอๆในปกเทป ในปกซีดีของบอยด์ และได้รับการรับเชิญให้ร้องเพลงในค่ายเบเกอรี่อีกหลายเพลง  คอนเสริตท์ต่างๆของค่ายนี้จะมีคนไปรอดู นภร้องเพลง  และหลังจากนั้นอีกไม่นาน นภ ก็มีอัลบั้มเต็มของตัวเอง  ชื่อ era

ในช่วงเวลาของค่ายเบเกอรี่มิวสิคโด่งดัง ผมก็ซื้อแผ่นซีดีของหลายๆวงในค่ายนี้  และยังมี mp3 ให้โหลดอีกมากมาย  แต่ในปี 2014 ซึ่งเป็นยุคที่ซีดีขายไม่ได้ อินเทอเน็ตความเร็วสูง หนังและเพลงถูกโหลดกันเต็มที่ การฟังเพลงผ่านแผ่นซีดีก็เป็นเรื่องที่ทำไม่บ่อย โทรศัพท์กลายเป็นกล้องถ่ายรูปและเครื่องเล่นเพลง  ก็มีนายทุนนำอัลบั้มที่น่าสะสมออกมาทำขายเป็นแผ่นเสียง ผมก็เลยโดนเข้าให้  สองแผ่นนี้รวมเป็นเงินห้าพัน  จะเป็นลม