ถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม leica minilux

 

กล้องฟิล์มเป็นสิ่งที่แทบจะไม่มีคนใช้ทำงานแล้ว คงเหลือแต่การใช้เพื่อความบันเทิง เพื่อความสุข เพื่อความมันส์ของช่างภาพยุคเก่าและช่างภาพรุ่นใหม่ที่อยากลองของเก่า ผมก็นับว่าเป็นช่างภาพยุคเก่า ยุคที่หัดถ่ายรูปในช่วงที่ฟิล์มได้รับความนิยมสูงสุด ยุคที่การถ่ายรูปรับปริญญาและงานแต่งงานคุยกันว่าถ่ายกันกี่ม้วน ยุคที่มีร้านล้างอัดฟิล์ม 24 ชั่วโมง ยุคที่ฟิล์มตลาดราคาสามม้วนสองร้อยบาท

พอพ้นจากช่วงเวลายุคทองของฟิล์มไปแล้ว ทุกคนก็หันหน้าเข้าสู่ดิจิทัล การทำงาน การรับจ้างถ่ายภาพเป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด จากงานรับปริญญาที่ถ่ายกัน 4-5 ม้วน ได้ภาพเป็นเล่ม รวมกันไม่ถึงสองร้อยภาพ กลายเป็นงานรับปริญญามีภาพให้ดูพันภาพจากกล้องดิจิทัล งานแต่งงานมีภาพให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูกันสามพันภาพ ซึ่งไม่มีทางดูกันได้ครบถ้วน ฟิล์มที่เคยตุนเอาไว้เพื่อรับงานก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ในบ้านไม่ถูกจับต้องอีกเลย ผ่านไปเกือบสิบปี ฟิล์มเหล่านั้นก็หมดอายุ และระหว่างที่เพลินกับการใช้กล้องดิจิทัล ผมก็ลืมฟิล์มไปแล้ว และคิดไปว่า ไม่มีฟิล์มสีดีๆขายอีกแล้ว เพราะมีแต่ข่าวการเลิกผลิต ปิดโรงงาน รวมไปถึงข่าวการล้มละลายของโกดัก

แต่ในความเป็นจริง ฟิล์มยังมีลมหายใจอยู่ แต่อยู่ในกลุ่มเล็กๆ ร้านถ่ายรูปย่านลาดพร้าวก็ปรับตัว หลายร้านปิดตัวลง บางร้านที่เคยเปิด 24ชม. ก็เปลี่ยนมาเป็นเปิดปิดเป็นเวลา ผมถ่ายรูปด้วยฟิล์มขาวดำอยู่บ้าง ซื้อน้ำยาไว้ล้างเอง ซ์้อฟิล์มขาวดำตุนไว้ถ่ายเล่น โดยที่ในใจก็คิดว่าไม่มีฟิล์มสีขายแล้ว เพราะถึงมีก็คงคุณภาพต่ำ อาจเป็นของเก่าเก็บ หรือเป็นงานผลิตใหม่แต่ไม่ได้มีคุณภาพเหมือนเดิม

ผมเพิ่งรู้จากเพื่อนว่าฟิล์มเน็กกาทีฟสีรุั่นใหม่ๆยังคงออกสู่ตลาด และมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น เมื่อเทียบจากช่วงซบเซาสุดขีด ผู้คนหันมาซื้อกล้องฟิล์มมือสอง ทำให้ต้องหาฟิล์มมาถ่ายเล่นด้วย ฟิล์มสีเกรดตลาดราคาร้อยกว่าบาท ค่าล้างฟิล์มราคาขึ้นไปเกินสองเท่าตัว และมีการส่งฟิล์มไปด้วยไปรษณีย์เพื่อให้ล้างและสแกนภาพแล้วส่งเป็นแผ่นซีดีกลับมา ซึ่งผมก็ลองใช้บริการดูแล้วก็ปลาบปลื้ม เลยเป็นที่มาของการเขียนโพสท์นี้

ฟิล์มฟูจิ c200 เป็นฟิล์มเน็กกาทีฟ น่าจะเป็นฟิล์มเกรดกลางๆ และกล้องที่ใช้ถ่ายก็เป็น leica minilux ตัวที่นอนพังอยู่หลายปี เพิ่งจะหาอะไหล่มาซ่อมได้ เมื่อซ่อมเสร็จก็เริ่มเดินเท้าอีกครั้งเพื่อตระเวณถ่าย แต่คำว่าตระเวณในวันเวลาของผม ก็คือการถ่ายรูปลูกเล่นจนหมดม้วน พกกล้องติดตัว พกไว้ในเป้สะพายตลอดเวลา เมื่อมีโอกาสถ่ายก็ถ่ายรูปลูก เผลอแป๊ปเดียวหมดม้วน  ถ่ายเล่นราวกับปืนกล  ในสมัยที่ฟิล์มถูกๆผมยังไม่ถ่ายเร็วเท่านี้  ดูเหมือนการถ่ายภาพด้วยฟิล์มของผมในช่วงเวลานี้เหมือนคนลงแดง รีบถ่าย รีบล้าง อยากดูภาพแล้ว  อารมณ์เหมือนวัยรุ่นใจร้อนเลย

01012minilux-000048

การถ่ายภาพเด็กที่ง่ายที่สุดคือถ่ายตอนเขาหลับนั่นเอง  ลิงน้อยของผมที่มีความไวมากกว่าระบบออโต้โฟกัสของกล้องทุกตัว  กล้องคอมแพ็คระดับโปร วัดแสงแม่นมาก และโฟกัสก็แม่นมากเช่นกัน  ถ้าให้หมุนโฟกัสเองด้วยกล้องแมน่วล เลนส์แมน่วล ผมคิดว่าภาพจะไม่ชัดเท่านี้

 

01012minilux-000050

 

01013minilux-000048

 

01013minilux-000049

ตึกรามบ้านช่อง ข้าวของเครื่องใช้ และมุมภาพบางมุมในบ้านก็ถ่ายเล่นๆ เหมือนถ่ายเพื่อให้หมดม้วนเร็วขึ้นเลย  ความใจร้อนของผมมาจากอยากเห็นภาพสีจากกล้อง leica minilux ที่เพิ่งซ่อมเสร็จตัวนี้

 

01013minilux-000065

 

01013minilux-000068

วัยเด็กที่กำลังเรียนอนุบาลก็เป็นภาพที่ควรถ่ายเก็บไว้  เพราะการเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยนี้จะรวดเร็วมาก หากพลาดหรือลืมถ่ายไว้ในช่วงวัยเด็กเล็กนี้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปถ่ายได้ใหม่อีกแล้ว  เด็กโตแล้วโตเลย ย้อนกลับไม่ได้ กลับไปถ่ายซ่อมก็ไม่ได้

 

01014minilux-000004

 

01013minilux-000058

 

01013minilux-000061

 

01013minilux-000066

 

01014minilux-000001

 

01014minilux-000030

 

01014minilux-000042

 

01014minilux-000047

 

ภาพที่เราอยากดูมักจะเป็นภาพของสิ่งของหรือคนอันเป็นที่รักของเรา จะของใช้ ของเล่น หรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัวต่างก็ควรจะมีภาพเดี่ยวของตัวเองเก็บไว้  ภาพที่น่าดูไม่จำเป็นต้องมีเทคนิกอะไรที่ล้ำหลุดโลก หรือองค์ประกอบภาพต้องเป๊ะ ขอแค่ภาพชัด ไม่มืดไม่สว่างเกินไปก็นับว่าเป็นภาพที่ดีแล้ว  ภาพบันทึกชีวิตไม่ใช่ภาพประกวด