กล้องติดรถยนต์

กล้องติดรถยนต์เป็นของจำเป็นในยุคอินเทอเน็ต  รถส่งของที่โรงงานก็ตัดสินใจติดเพื่อให้มีพยานหลักฐานตอนที่เกิดอุบัติเหตุ และป้องกันการถูกคุกคามจากคนพาลที่อาจจะหาเรื่องเราได้ตลอดเวลาบนท้องถนน  กล้องที่ผมใช้ก็เลือกจากคนขายที่เขาดูน่าเชื่อถือโดยเลือกซื้อจากโชว์รูมรถยนต์ซูซูกิ สาขาถนนจอมทอง ซึ่งอยู่แถวบ้าน  เขารับบริการติดรถซูซูกิและรถยี่ห้ออื่นๆด้วย  ราคา 2990 บาท

IMG_20170529_102359

IMG_20170526_140134

 

ตัวอุปกรณ์จะเป็นแผ่นกระจกมองหลังที่มีจออยู่ภายใน กล้องถ่ายหน้ารถจะอยู่หลังกระจก นำทั้งชิ้นไปติดทับกระจกมองหลังของรถยนต์ได้เลย  ส่วนกล้องหลังจะเป็นโมดุลให้นำไปติดที่ด้านหลัง บริเวณใกล้ๆป้ายทะเบียน แล้วเดินสายเข้ามายังจอภายในรถ  การติดตั้งทั้งหมดทำที่โชว์รูมเลย  คุณภาพงานติดตั้งก็เรียบร้อยดี เก็บสายภายในได้เรียบร้อยแทบไม่เห็นเลย นอกจากไฟเลี้ยงของกล้องที่ใช้ต่อกับที่จุดบุหรี่ภายในรถยนต์เท่านั้น

IMG_20170529_112036

 

 

คุณภาพของภาพที่บันทึกก็ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มองรู้เรื่อง  กล้องหน้าบันทึกภาพ Fullhd กล้องหลังบันทึกระดับ Dvd   การบันทึกจะเก็บภาพวิดีโอลงบนแผ่น  Micro-sd ขนาดที่แถมมากับกล่องก็คือ 16gb ไฟล์ภาพจะได้สองไฟล์พร้อมกัน คือ ไฟล์ของกล้องหน้า กับไฟล์ของกล้องหลัง เลขไฟล์เดียวกันแต่กล้องหน้าจะมีคำว่า A  กล้องหลังจะมีคำว่า B อยู่ในชื่อ  นอกจากจะได้บันทึกเพื่อป้องกันภัยแล้ว ยังได้ใช้งานเป็นกล้องถอยหลัง เวลาถอยจะได้มองเห็นว่าอะไรอยู่ท้ายรถบ้าง การถอยจอดแบบมีกล้องจะช่วยลดอุบัติเหตุการเฉี่ยวชนลงได้  เป็นความสะดวกของคนขับรถทุกคน  นอกจากรถส่งของแล้ว ก็ยังติดรถส่วนตัวคันอื่นได้ด้วย ในบ้านผมติดไปสามคันแล้ว

 

ภาพจากกล้องหน้า

ภาพจากกล้องหลัง

 

รีวิว nikon fm2n + 35-70 macro ais + fuji c200

กล้อง nikon fm2n เป็นกล้องแมนน่วลโฟกัสรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดโลกและประเทศไทยในยุคของฟิล์ม  ช่างภาพอาชีพในไทยที่อายุระดับ 50+ เป็นรุ่นที่น่าจะเคยจับ เคยใช้ nikon fm2 ตัวนี้มากันทุกคน  โดยเฉพาะสายนักข่าว สายงานพิธีต่างๆ  และกล้องตัวนี้ก็มาอยู่ในบ้านผมเมื่อยี่สิบปีที่แล้วโดยได้มาจากร้านขายกล้องมือสอง วันที่ผมซื้อกล้องตัวนี้เข้าบ้าน เป็นการซื้อให้น้องชายเอาไปเรียนถ่ายภาพที่มหาวิทยาลัย ผมในวันนั้นยังไม่ได้หัดถ่ายรูปเลย  แค่ถามเพื่อนที่รู้เรื่องว่าจะซื้อกล้องไปเรียนต้องซื้อตัวไหน

IMG_0290

IMG_0425fotogear-r

เลนส์ 35-70 macro ais เป็นเลนส์ซูม คุณภาพดีและทนมาก  เลนส์ตัวนี้จะเป็นโลหะทั้งตัว และค่า f จะเริ่มที่ 3.3-4.5  ซึ่งถ้าเป็นบอดี้พลาสติกที่ดูราคาถูกและบอบบางกว่านี้ ค่า f ประจำตัวเลนส์จะเป็น 3.5-4.5 แต่ตัวที่ผมใช้จะเป็นค่า 3.3 เริ่มต้น และมีคำว่า macro อยู่บนเลนส์ด้วย   ตอนเพื่อนช่วยเลือกก็เลือกตัวแพงให้เลย

IMG_20170423_084444_245

กล้องและเลนส์ตัวนี้อยู่กับน้องชายผม 1 เทอม และก็วางให้ฝุ่นกิน  พอผมตัดสินใจหัดถ่ายภาพ ก็ลองเอามาใช้ และก็ติดตัวมาตลอดจนถึงทุกวันนี้  เนื่องจากเป็นกล้องฟิล์ม เลนส์มือหมุน ทำให้มันเป็นอุปกรณ์ที่คงกระพัน ท้าทายกาลเวลาอย่างมาก  แม้ว่าตอนที่ผมหัดถ่ายภาพจริงๆ จะไปซื้อกล้องออโต้โฟกัสใช้  และตอนรับงานก็ใช้ออโตโฟกัสพร้อมเลนส์เกรดโปรสาย canon ทำงาน  แต่ nikon ชุดนี้ผมก็แอบใช้อย่างสม่ำเสมอ  ยิ่งในตอนที่เดินทางไปเที่ยวแบบเน้นน้ำหนักเบา ก็จะวาง canon ไว้ที่บ้านและพก nikon กับเลนส์สักตัวไปเท่านั้น

IMG_20170424_165503_451

เมื่อฟิล์มเสื่อมความนิยม  และกล้องดิจิทัล DSLR ก็ราคาถูกลงจนทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ผมก็แทบจะเลิกใช้ เลิกซื้อฟิล์มไปแล้ว  ฟิล์มที่ซื้อไว้ถ่ายงานเมื่อปี 2005 ป่านนี้ยังใช้ไม่หมดเลย  เคยลองเอามาถ่ายในช่วงปี 2016 ก็พบว่าฟิล์มเน่าจนเก็บภาพไม่ได้แล้ว ให้สีสันในภาพได้แย่สุดๆ  ควรจะทิ้งไปจริงๆ  แต่ปีนี้ 2017 ผมได้ลองซื้อฟิล์มมาใหม่  และก็เป็นที่มาของการลองถ่ายเล่นๆในรีวิวนี้

000032

000033

000031

000019

000005

กล้อง nikon fm2n   เลนส์ nikon 35-70macro  ฟิล์ม fuji200  ล้างและสแกนภาพที่ร้าน a&b ย่านลาดพร้าว  ภาพฟูจิออกมาได้โทนสีฟ้า ดูไม่สดใสในแบบที่ผมเคยเห็นสมัยสิบปีที่แล้ว  ยังไม่รู้เหตุผลว่าเป็นการเปลี่ยนบุคลิกสีโดยฟิล์มเองที่เป็นรุ่นใหม่  หรือ เป็นสีของเครื่องสแกน  เพราะเท่าที่เคยจำได้ สีจากฟิล์มฟูจิรุ่นตลาดๆ จะให้สีที่ดูอุ่นและฉูดฉาดกว่านี้

IMG_20170408_105420_647

 

สรุป

เวลาที่ผ่านมาสัก 20 ปี nikon fm2n พร้อมเลนส์ 35-70 ตัวนี้ ยังคงทำงานได้ดี  ในปีหลังๆนี้ เริ่มมีจังหวะชัตเตอร์ติดขัดบ้าง ซึ่งก็แก้ปัญหาด้วยการเปิดฝาด้านล่างแล้วใช้นิ้วเขี่ยกลไกข้างในนิดหน่อย ก็กลับมาเป็นปกติ  อาการนี้นานๆจะเกิดขึ้นสักครั้ง  คาดว่าเป็นเพราะไม่ได้ใช้งานบ่อยๆนั่นเอง  ถ้าใช้เป็นประจำคงไม่เกิดอาการนี้    นอกจากเลนส์ตัวนี้แล้ว ยังสามารถเลือกใช้เลนส์อื่นๆได้อีกมาก ผมยังเคยใช้ 135f2.8 ais ด้วย ภาพจากเลนส์เทเล 135 ตัวนี้ให้ภาพคมชัดในฉากหลังนุ่มละมุนมากๆ  ถ้าไม่ใช่ 135f2.8ตัวนี้ ตัวถัดไปที่จะใช้แทนคือ ef 70-200f2.8L ที่ใหญ่เท่ากระบอกข้าวหลาม

IMG_20180324_092648

แถมภาพจากเลนส์ nikon 135f2.8 ais ให้อีกภาพครับ

ในแง่ของความสนุกในการถ่ายภาพ  กล้องชนิด แมน่วล ยังคงเป็นเครื่องมือสำหรับช่างภาพทุกระดับฝีมือ การถ่ายภาพต้องการสมองในการคิดอ่าน และใช้กล้องเพียงแค่ กดชัตเตอร์ด้วยสปีด และรูรับแสงเท่าไหร่ แค่นั้นจริงๆ  กล้องที่ดีที่สุดคือกล้องที่อยู่ในมือเรา  จะถูก จะแพงก็แล้วแต่ความถูกใจของคนซื้อ ส่วนสำคัญของภาพ อยู่ที่หัวคิดของเราเอง  หากจะหากล้องคู่ใจ ติดตัวไปในทุกสภาพอากาศและทุกทริปเดินทาง กล้องแมน่วลแบบ fm2 ให้ภาพได้แน่นอน

 



เปลี่ยนแบตเตอรี่ฮอนด้าฟรีด 2560 หลักกิโล 182704

รถฮอนด้าฟรีดของผมกำลังเข้าสู่ปีที่ 8 ซึ่งการต่อทะเบียนในเดือนหน้ารถผมต้องตรวจสภาพรถแล้ว จากรถใหม่กลายเป็นรถเก่าที่กรมการขนส่งก็ไม่เชื่อใจ  ต้องมีใบตรวจสภาพรถก่อนจะอนุญาตให้ต่อทะเบียนได้  และการใช้งานตัวรถก็ผ่านมาถึง 182704 กิโลเมตร  ซึ่งในวันนี้ วันที่เขียนโพสท์นี้ แบตเตอรี่ของรถก็ตาย หมดไฟไปดื้อๆแบบกระทันหันมาก  ตอนเช้ายังสตาร์ทติด  ตอนสายก็สตาร์ทติด ตอนกลางวันไปทำธุระใกล้ๆก็สตาร์ทติด  ซึ่งทั้งหมดผมก็รับรู้ได้ว่า กำลังไฟมันน้อยลง และสตาร์ทติดยากกว่าตอนแบตเตอรี่ยังสมบูรณ์อยู่

พอบ่ายๆก็สตาร์ทไม่ติดเสียแล้ว  และไม่มีวี่แววว่าจะติดได้  เพราะไฟหมดจริงๆ  หลายวันก่อนหน้านี้ผมก็รู้สึกถึงความหน่วงหรือ ความกำลังอ่อนของแบตเตอรี่  และก็ได้รีบซื้อน้ำกลั่นสำหรับแบตเตอรี่มาเติมโดยเร็ว  เปิดขึ้นมาดูก็พบกว่าน้ำในแบตเตอรี่แห้งไปจริงๆ  รีบเติมเข้าไปหวังว่าจะช่วยได้   มาวันนี้ก็สตาร์ทไม่ติดจนได้  ต้องเอาเพาเวอร์แบงค์ที่มีสายไฟพ่วงแบตมาช่วยสตาร์ท  รอรถปั่นไฟเข้าแบตสักสิบนาที แล้วลองสตาร์ทใหม่  พอลองสตาร์ทตรงอีกรอบ ไม่ติด  แสดงว่าแบตหมดสภาพจริงๆ

เปลี่ยนแบตเตอรี่ ฮอนด้าฟรีด Battery honda freed

ก็เลยได้ไปอุดหนุนร้านแบตเตอรี่ที่เคยใช้บริการ  รอบนี้ผมไม่รู้ว่าเขาจะจำผมได้ไหม เพราะผมก็เปลี่ยนแบตเตอรี่ที่นี่มาหลายลูกแล้ว  เจ้าของร้านสองคนผัวเมียยังคงช่วยกันทำงานดูน่ารักดี  ผู้ชายเปลี่ยนแบต ผู้หญิงส่องไฟ

IMG_20170525_155446
เปลี่ยนแบตเตอรี่ ฮอนด้าฟรีด Battery honda freed

ส่วนแบตเตอรี่อันเก่ายี่ห้อ 3k ก็ถอดออกมาทิ้ง ไม่รู้ทางร้านจะเอาไปทำอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ขนกลับ

คราวที่แล้วผมเลือกแบตเตอรี่แบบถูกที่สุด คือแบบที่ต้องเติมน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ  ด้วยเหตุผลว่า ถ้าคุณภาพเท่ากันแล้วจะจ่ายแพงกว่าทำไม  แต่รอบนี้ ลองเปลี่ยนเป็นแบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่น  แบตเตอรี่ที่ทางร้านจัดหาให้เป็นแบบไม่มีช่องสำหรับเปิดเติมน้ำแล้ว  ทางร้านบอกว่า ใช้จนพังไปเลย ไม่ต้องเติมน้ำ  ราคาครั้งนี้ 1800 บาท

สตาร์ทรถติดแบบดีๆ ฟังแล้วเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยแบตเตอรี่แบบเต็มๆมันแตกต่างจากแบตใกล้ตายจริงๆ  ขับรถกลับมาทำงานต่อ  รถวิ่งเรียบขึ้นกว่าเดิม เหมือนมีพลังเยอะขึ้น ไม่รู้มันเกี่ยวอะไรกัน  ความรู้สึกคล้ายๆกับได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ๆเลย

ลืมไปอย่างนึง  ตอนที่แบตกำลังอ่อนมากๆ แต่ยังสตาร์ทรถได้นั้น มีอาการรวนกับประตูไฟฟ้าของฟรีดด้วย คือ บางครั้งประตูกดปุ่มเปิดก็ไหลออกมาปกติ แต่ตอนจะกดปิด บางทีรถก็ไม่ตอบสนอง ไม่สามารถกดปิดตามต้องการได้  ไม่รู้สาเหตุ  แต่ก็เดาว่าคงเป็นเพราะแบตเตอรี่ไฟอ่อนเกินไปจนระบบทำงานผิดพลาด  ต้องเอามือโยกปิดเอง

ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าเกี่ยวกับแบตเตอรี่ได้ที่นี่

เปลี่ยนแบต honda freed 2558

เปลี่ยนแบตเตอรี่ honda freed

หจก โรงพิมพ์จอมทอง

หจก โรงพิมพ์จอมทอง ตั้งอยู่ที่ถนนจอมทอง กรุงเทพ

https://goo.gl/maps/UuMEEFeUEvp

ภาพที่ขายได้ใน gettyimages ผ่าน eyeem

688071359

691099077

 

705347111

2017-07-20_11-32-57

การส่งภาพขายในเว็บ eyeem.com ช่วยทำให้ภาพของเราถูกนำไปวางขายใน gettyimages.com โดยอัตโนมัติ  โดยทาง gettyimages.com จะคัดเลือกภาพด้วยสต๊าฟของตนเองและนำไปตั้งชื่อ ใส่คีย์เวิร์ดใหม่ทั้งหมด  ดังนั้น ภาพที่ผ่านการคัดเลือกจะถือเป็นภาพที่มีศักยภาพในการขาย  และภาพเหล่านี้คือภาพที่เริ่มมียอดขายจาก gettyimages.com

 

เพิ่มเติม ภาพที่ค่อยๆขายได้ บางเดือนก็สามภาพ บางเดือนก็ไม่มียอดเข้าเลย  แต่ก็เปิดมานานๆทีก็มีภาพขายได้

 

 

ถ่ายภาพสินค้าง่ายดายด้วยมือถือ

 

เนื่องจากมีรุ่นน้องที่รู้จักกันได้เริ่มขายของทางเน็ต และได้ปรึกษาผมเกี่ยวกับการถ่ายภาพสินค้า  ผมก็ได้แนะนำคร่าวๆให้เกี่ยวกับวิธีการ และการดัดแปลงของใกล้ตัวมาใช้แทนเต๊นท์ถ่ายภาพ  การดัดแปลงกล่องกระดาษให้เป็นเต๊นท์ถ่ายภาพ  ซึ่งก็ได้นำวิธีการไปใช้ได้ผลดี  แต่ก็ติดปัญหาที่เกิดตามมาคือ ถ่ายได้แต่ของเล็ก ของใหญ่หมดสิทธิ์  เพราะว่า กล่องกระดาษนั้นเล็กไป  จะหากล่องใหญ่ก็ลำบาก

 

เลยนึกถึงวิธีการที่ไม่ต้องใช้เต๊นท์ถ่ายภาพ หรือ ไม่ต้องใช้กล่อง  ก็เลยสาธิตถ่ายภาพให้ดูด้วย  และก็ได้ภาพเหล่านี้มาถ่ายทอดกัน

 

เริ่มจากสมมุตว่าคัทเตอร์เป็นสินค้าที่ต้องการขาย ให้หาไม้กระดาน หรือโต๊ะไม้ หรือ พาเลทวางของซึ่งไปขอจากโรงงาน โรงพิมพ์ หรือแวะซื้อตามร้านข้างถนนเวลาขับรถผ่าน  หรือแม้แต่ซื้อไม้กระดาษจากร้านโฮมโปร โฮมเวิร์ค ในมุมเครื่องมือช่างก็ได้

IMG_20170515_131055

วางไม้กระดาษไว้ในพื้นที่มีแสงสว่างเพียงพอ แต่ไม่โดนแดดโดยตรง  ซึ่งก็คือพื้นที่ในตัวบ้านนั่นเอง และวางให้ใกล้จุดที่มีแสงส่องมากที่สุด เช่น หน้าบ้าน หน้าห้อง ริมหน้าต่าง

 

IMG_20170515_131103

วางสินค้าไว้กลางแผ่นไม้  เลือกมุม จัดวางเอียง หรือ ขนาด หรือ ตั้งฉาก วางตามใจเลย

 

IMG_20170515_131106

 

แล้วก็เริ่มถ่ายภาพ  ค่อยๆถ่ายเข้าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกใจ สิ่งสำคัญก็คือ จะต้องถ่ายให้แม้กระดานเต็มเฟรม  อย่าให้เห็นพื้น และระวังอย่าไปยืนเหยียบไม้กระดาษ เพราะว่าจะมีรอยเท้าเปื้อนติดอยู่บนไม้

 

IMG_20170515_131114

 

การถ่ายภาพที่ให้ความรู้สึกสบายตา คือ ภาพควรได้ฉาก เส้นแนวนอนควรวางตัวแนวนอน ไม่เอียง  อะไรควรตั้งฉากก็ต้องพยายามถือกล่องถ่ายให้ได้เส้นตั้งฉาก  การถือกล้องสำคัญมาก  และต้องพยายามถ่ายให้ชัด ระวังมือสั่น  การเลือกสถานที่มีแสงเยอะเพียงพอจะทำให้ภาพไม่สั่น  และถ้าจะให้ดีที่สุดก็ควรใช้ขาตั้งกล้องด้วย  ซึ่งมือถือก็สามารถติดบนขาตั้งกล้องได้ โดยการหาอแด๊ปเตอร์มายืดตัวมือถือเข้ากับขาตั้งกล้อง  ซึ่งเดี๋ยวนี้หาไม่ยากเลย  เมื่อได้ภาพที่ต้องการมาแล้วก็ใช้โพสท์ขายของได้ทันที  หรือจะไปแต่งภาพต่อด้วย app ก็ตามสะดวก

 

IMG_20170515_131333

ลองกับของอย่างอื่นดูบ้าง  กล้องถ่ายภาพที่อยากจะประกาศขายก็เอาไปวาง  จัดวางกล้องให้ขนาดเส้นบนไม้กระดาน  สายสะพายกล้องที่เป็นเส้นยาวก็ลองวางให้เกาะกลุ่มกันไว้

IMG_20170515_131341

ถ่ายรูปหน้าตรงได้แบบนี้  สังเกตุดูว่า กล้องจะวางขนานไปกับแนวเส้นลายไม้  และ การใช้มือถือ ก็ถ่ายกดลงไปตรงๆ

 

Screenshot_20170515-131542

แล้วก็เอาภาพที่ได้ไปผ่าน app ตามความชอบ ในตัวอย่างด้านบนนี้ กล้องโอลิมปัส ผมใช้ instagram มาแต่งภาพ  โดย app จะคร๊อปภาพเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส และผมเลือกปรับขอบภาพให้เข้มขึ้น

 

IMG_20170515_131554_872

ได้ภาพแบบนี้

 

 

nakamichi musicone+ ลำโพงสวย เสียงดี หายากมาก

20160502134111_IMG_0139

การฟังเพลงในยุคปัจจุบันเป็นการฟังเพลงที่เน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก ตลาดของเครื่องเสียงระดับมวลชนจะเทไปทางลำโพงระบบบลูทูธ ซึ่งทุกยี่ห้อทำออกมาขายกันถ้วนหน้า  เรียกได้ว่าใครไม่ทำขายก็พลาดรายได้มหาศาล  และการค้นหาลำโพงเสียงดีที่หน้าตาดีผมก็ได้ค้นพบอีกตัวเลือกหนึ่งที่ได้มาด้วยความบังเอิญ

นากามิชิเป็นบริษัทที่ทำเครื่องเสียงมายาวนาน ในยุคยี่สิบปีที่แล้วเครื่องเสียงบ้านยี่ห้อนากามิชิถือเป็นเครื่องเสียงเกรดไฮเอนด์  เป็นสินค้ายี่ห้อญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมระดับโลก  เครื่องเสียงชิ้นสร้างชื่อของนากามิชิจะเป็นเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทที่แพงระยับและว่ากันว่าเป็นเครื่องเล่นเทปที่ดีที่สุดในโลกที่เคยมีมา  ส่วนเครื่องเล่นซีดีของนากามิชิก็จะออกไปแนวเครื่องเล่นที่ใส่ได้หลายแผ่น ระบบมิวสิคแบงค์ที่สามารถเปลี่ยนแผ่นได้เร็วที่สุดในโลกอีกเช่นกัน  ซึ่งสองอย่างนี้ทำให้นากามิชิเป็นเครื่องเสียงระดับหรูหราไฮเอนด์ไปอย่างไม่มีใครปฏิเสธ

20160502134125_IMG_0141

ลำโพงในครั้งนี้ผมได้ลองฟังและติดใจในน้ำเสียงถึงกับต้องอุ้มกลับมาจากสิงคโปร์ก็คือ nakamichi music one+ อ่านว่า นากามิชิมิวสิควันพลัส  จะขอเรียกว่ามิวสิควันเพื่อความสะดวกนะครับ  เจ้าตัวนี้วางโชว์อยู่ในสนามบินของสิงคโปร์  ตอนที่ผมรอจะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพก็ได้เดินผ่านร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวกไอทีและเครื่องเสียงต่างๆ  เจอลำโพงวางอยู่บนโต๊ะหลายตัว  หนึ่งในนั้นที่สะดุดตาก็คือ มิวสิควันตัวนี้

20160502131338_IMG_0134

ข้อมูลทั่วไป

หน้าตาของลำโพงออกมาสไตล์หน้ากลมมีขาตั้งเป็นเสากลาง  ดูเป็นการออกแบบที่เน้นความสวยงามเป็นหลัก  ซึ่งผมก็สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น  ยืนพิจารณารอบตัวก็จะเห็นช่องเชื่อมต่อด้านหลัุงมีช่องเสียบไฟเลี้ยง  มีช่องเสียบสัญญาณเสียงชนิด aux ขนาด 3.5มม.  และมีปุ่มควบคุมอยู่ด้านหน้านิดหน่อย เอาไว้เลือกฟังระหว่างบลูทูธ และช่องเสียง aux และมีปุ่มปรับระดับเสียงดังเบา มีปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง ด้านข้างตู้ลำโพงมีสัญลักษณ์ nfc ที่หมายความว่าเราสามารถใช้อุปกรณ์มือถือ tablet และโน้ตบุ๊คที่มี nfc มาเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย

20160502141358_IMG_0148

หน้าตากลมๆ ส่วนของตู้ลำโพง มีความลึกพอสมควร คาดว่าภายใต้ความลึกนั้นก็คงเป็นวงจรขยายเสียง ตัวลำโพงสีเทาเข้ม ตัดกับตะแกรงหน้าลำโพงสีเทาอ่อน ทำให้มันดูเป็นลำโพงที่หรูหราและดูแพง  แม้ค่าตัวมันจะอยู่ในระดับไม่กี่พันบาทก็ตาม  นั่นทำให้คนรู้จักนากามิชิในอดีตอย่างผมสนใจที่จะลองฟัง และอยากได้มันนิดๆตั้งแต่แรกเห็น และเมื่อได้ทดลองฟังที่ร้านอยู่สิบนาที  ก็ตัดสินใจอุ้มกลับมาด้วยกัน

20160502134154_IMG_0142

ระบบการขยายเสียงภายในเข้าใจว่าเป็นการขยายเสียงแบบดิจิทัล และมีดอกลำโพงด้านหน้าแบบฟูลเร้นจ์ขนาดประมาณ 4 นิ้ว  ด้านหลังลำโพงเป็นแผ่นลำโพงเรียบๆทำหน้าที่เป็นพาสซีพเรดิเอเตอร์ ช่วยปรับจูนโทนเสียงทุ้มให้นุ่มนวลน่าฟังมากยิ่งขึ้นกว่าการเปิดเป็นช่องธรรมดาแบบลำโพงตู้เปิด  ข้อดีของมิวสิควันก็คือ มันสามารถเชื่อมต่อกับพวกเดียวกัน หรือมิวสิควันอีกตัวหนึ่งได้ ทำให้มันกลายเป็นลำโพงสเตอริโอ คือตัวแรกเป็นช่องเสียงซ้าย ตัวที่สองเป็นช่องเสียงขวา ทำให้เราสามารถใช้ฟังเพลงแบบสองลำโพงได้เหมือนเครื่องเสียงบ้านทั่วไป  แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องซื้อมันสองตัว

20160502141344_IMG_0146

ตัวลำโพงมาพร้อมกับรีโมทคอนโทรลขนาดเล็กกระทัดรัด ในรีโมทใช้ถ่านกระดุมรุ่น 2032  ที่รีโมทสามารถสั่งการได้ทุกการทำงาน  ตั้งแต่การไล่เปิดเครื่องไปจนปิดเครื่อง  รีโมทสีขาวหน้าตาดูไม่ค่อยเข้าพวกเท่าไหร่  ลำโพงใช้ไฟเลี้ยง 18V dc และกินกระแสไฟ 1.6a ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยได้พบกับเครื่องเสียงตัวอื่นๆนั่นหมายความว่า ห้ามทำอแด๊ปเตอร์หายเด็ดขาด  ถ้าพังขึ้นมายังไม่รู้ว่าจะส่งซ่อมที่ไหน เพราะในประเทศไทยยังไม่มีใครนำเข้ามาขายเลย

2018-10-11_08-17-05

ผลการทดลองฟัง

มาถึงเรื่องการใช้งานกันบ้าง  การเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธจากโทรศัพท์มือถือไปยังลำโพงทำได้ง่ายดาย ไร้ความซ้ำซ้อน  แถมมือถือบางรุ่นหรือโน้ตบุ๊คบางรุ่นมีระบบ nfc แค่เอามือถือไปแตะใกล้ๆลำโพงฝั่งที่มีสัญลักษณ์ nfc ทั้งสองตัวก็จะเชื่อมกันได้อัตโนมัติ  นับว่าเป็นความสะดวกสบายเต็มที่  ส่วนคุณภาพเสียงก็ถือว่าทำได้ไพเราะสมราคา  น้ำเสียงโดยรวมจะออกแนวนุ่มและเบสใหญ่  เบสไวเป็นจุดเด่น ไม่คลาง ไม่แห้งเกินไป  การฟังเพลงร้อง เพลงแจ๊ส เพลงที่โชว์เสียงเบสจะเข้าทางลำโพงตัวนี้  เบสอึ๋มๆคลอเคลียร์กับเสียงร้องไปตลอดเพลง  พอฟังเพลงจากลำโพงตัวนี้นานๆแล้วกลับไปฟังเสียงจากโทรทัศน์ก็จะเสียอารมณ์อย่างมาก  เพราะสไตล์เสียงจากโทรทัศน์จะเบสน้อย  พอหูฟังมิวสิควันจนชิน ไปฟังลำโพงตัวอื่นจะเหมือนมีอะไรหายไป  ซึ่งมันก็คือความถี่ย่านต่ำหายไปนั่นเอง

20160502134117_IMG_0140

เสียงกลางส่งเสียงร้องได้ชัด  แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับลำโพงสองทางที่ให้ความคมของน้ำเสียงมากกว่า  ส่วนมิวสิควันจะมาโทนหนาและไม่กรุ๊งกริ๊ง ไม่มีเสียงตัวเอสที่บาดล้นเกินไป  ใครที่ชอบเสียงความถี่สูง ชอบเสียงเพอคัสชั่น  อาจจะไม่ชอบเสียงจากมิวสิควันตัวนี้  เพราะปลายความถี่สูงมันห้วนกว่า จบเร็วกว่าลำโพงสองทางทั่วไป  แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสการฟังเพลงหายไป   ดูเหมือนมิวสิควันจะพยายาททำแนวเสียงให้คล้ายๆกับ bose

การฟังเพลงจากลำโพงบลูทูธยุคนี้จะให้ความสมดุลย์น้ำเสียงได้ดี  เสียงต่ำย่านเบส เสียงกลางและเสียงแหลมที่มีอยู่ในเพลงจะได้รับการถุ่ายทอดออกมาสมดุลย์กันทั้งหมด  และมีจุดเด่นได้เปรียบลำโพงบ้านนิดหน่อยตรงที่ เมื่อเราฟังเสียงในระดับเบา เราจะยังคงได้ยินเสียงเบสลึกๆ ที่ช่วยปกคลุมบรรยากาศของเพลงอยู่ด้วย  ดูเหมือนมิวสิควันจะจูนเสียงให้เน้นเบสมากขึ้นเมื่อฟังในระดับความดังน้อยๆ  ตรงนี้จะแตกต่างไปจากลำโพงบ้านอย่างสิ้นเชิง คือ ลำโพงบ้านจะมีจุดที่ได้น้ำหนักสมดุลย์เสียง เบส กลาง แหลมครบก็ต่อเมื่อเราจะต้องเปิดให้ดังระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นระดับการฟังที่จริงจังและเป็นระดับที่เราไม่สามารถพูดคุยกันแข่งกับเสียงจากลำโพงได้   และหากเราเปิดเครื่องเสียงบ้านเบากว่านี้ หรือเปิดในระดับแบ็คกราวน์มิวสิค  น้ำหนักของดนตรีก็จะมาไม่ครบซึ่งเป็นเรื่องปกติของเครื่องเสียงชุดใหญ่

ในไทยผมไม่พบว่ามีใครขายนากามิชิตัวนี้  เคยพยายามเดินดูตามห้าง  ตามร้าน istudio ที่มักจะมีลำโพงดีๆเจ๋งๆมาขายในร้าน  ก็ยังไม่พบรุ่นนี้  nakamichi musicone+ คงไม่มีใครนำเข้ามาขายจริงๆ ผมเลยตั้งชื่อโพสท์นี้ไว้ว่าเป็นลำโพงหายากมาก  มาถึงวันนี้ ต่อให้ผมอยากได้ลำโพงรุ่นนี้อีกตัวเพื่อมาใช้งานเป็นระบบสเตอริโอสองลำโพง ทำงานแยกซ้ายตัวนึง ขวาตัวนึง ก็ทำไม่ได้  ต้องไปหิ้วมาจากเมืองนอกเท่านั้น
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ระบบBluetooth รองรับโหมดสเตอริโอ 4.0+EDR, A2DP;
With DSP Audio Process, and DRC;
ระบบเชื่อมสัญญาณผ่าน NFC
อัตรากินไฟ 20 วัตต์
ความเพี้ยน THD 1%
การตอบสนองความถี่ : 80Hz – 18KHz;
มีช่องรับสัญญาณ Aux
อแด๊ปเตอร์ไฟตรง 18V 2A
ขนาด 28.8×18.7×18.8 cm

ปล ผมเขียนรีวิวหลังจากที่ได้ใช้งานมาประมาณ 1 ปี

ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถทะเบียน ฎฮ9664 คนขับชื่อ Grab! ติดตามการเดินทางของเราได้ที่ https://share.grab.com/ADR-41219701-2-002 — Grab: เดินทางปลอดภัย