ในสมัยเด็กๆ คำว่าพิพิธภัณฑ์เป็นของไกลตัวมาก รู้จักเพียงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแถวสนามหลวง ซึ่งตอนอยู่ประถมเคยไปเพียงครั้งเดียว และมาถึงวันนี้วันที่ผมมีลูกอายุ 4 ขวบผมก็จำไม่ได้แล้วว่าในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินั้นมีอะไรบ้าง
ในช่วงสิบปีนี้พิพิธภัณฑ์เกิดขึ้นเยอะมาก เป็นเรื่องน่ายินดีที่สังคมไทยของเรามีคนเห็นความสำคัญของการศึกษาจนสามารถสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาได้ มีทั้งแบบที่ทำดีน่ายกย่องไปจนถึงทำกันแบบเรียบง่ายลงทุนไม่เยอะ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายาม
พอลูกเกิด และเริ่มโต เราก็เริ่มเที่ยวพิพิธภัณฑ์กัน ตอนผมหนุ่มๆผมก็ไปแค่ พิพิธภัณฑ์ของแปลกที่พัทยา believe it or not ซึ่งไปแวะแบบฆ่าเวลา ไม่ได้ตั้งใจจะเดินจริงๆด้วยซ้ำ การพาลูกไปเที่ยวเล่นตามห้างนั้นครอบครัวผมก็ทำกันบ่อยๆ แต่ในใจลึกๆก็อยากจะให้การเที่ยวเล่นมีคุณภาพ มีการเรียนรู้ มีประสบการณ์บางอย่างให้ลูกได้ซึมซับบ้างทีละเล็กละน้อย การไปเที่ยวสวนสัตว์ก็ไปกันจนครบแล้วในรัศมี 200 กิโลเมตรจากกรุงเทพ พิพิธภัณฑ์จึงเป็นทางเลือกที่ยังมีอยู่มากมาย
พิพิธภัณฑ์เด็กตั้งอยู่ที่ ถนนกำแพงเพชร2 ใกล้สวนจตุจักร ทางเข้าออกจะรถติด รถเยอะ และมีรถจอดกันอย่างเห็นแก่ตัวอยู่โดยรอบ แต่ในตัวพิพิธภัณฑ์เองนั้นมีพื้นที่จอดรถพอประมาณ และ รปภ ผู้คุมประตูจะไม่ยอมให้รถเข้ารั้วเด็ดขาดถ้าในรถคันนั้นไม่มีเด็กเล็กมาด้วย เหตุผลคงเป็นเพราะระแวกนั้นมีคนมาซื้อของและเดินเล่นสวนจตุจักรเยอะมาก ที่จอดรถทุกที่เต็มหมด ลามไปจอดบนถนนกันเลย ความเห็นแก่ตัวและมักง่ายของคนเที่ยวจตุจักรทำให้พิพิธภัณฑ์ต้องเข้มงวดกับการขับรถเข้าพื้นที่ ต้องมองหาเด็กเล็กในรถทุกคันเพื่อจะได้มั่นใจว่า ไม่โดนพวกมักง่ายมาแย่งที่จอดรถของเด็กและผู้ปกครอง
ภายในพิพิธภัณฑ์เด็กเหมือนเป็นที่รวมของพิพิธภัณฑ์หลายๆแห่งไว้ด้วยกัน เพราะในนั้นมีไดโนเสาร์ มีบ่อทราย มีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ มีสนามเด็กเล่น มีห้องเรียนรู้สารพัดอาชีพ มีห้องเด็กเล็ก ถ้าหากเราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์อื่นๆ เราอาจจะต้องตระเวณสักห้าแห่งเพื่อให้ได้ประสบการณ์ครบถ้วนดังเช่นที่ได้จากที่นี่
ในพิพิธภัณฑ์เด็ก ไม่มีร้านขายน้ำและอาหาร ต้องเตรียมไปเองหรือเดินออกมาซื้อนอกรั้ว ซึ่งจะมีร้านรถเข็นของพ่อค้าแม่ค้าย่านจตุจักรคอยให้บริการอยู่ แม้ผมจะไม่ค่อยชอบการเอารัดเอาเปรียบ การยืดที่บนทางเท้าไว้ขายสินค้าของแม่ค้าย่านจตุจักร แต่เราก็ต้องอุดหนุนอาหารและน้ำจากเขาอยู่ดี เพราะไม่มีร้านขายใกล้ๆเลย การเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไปเองจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและน่ารักมากสำหรับการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว
เครื่องเล่นกางแจ้งขนาดใหญ่เป็นเครื่องเล่นที่เด็กต้องปีนป่าย มุด กระโดด วิ่ง ถ้าเด็กเล็กเกินไปก็ดูจะเป็นอันตรายอยู่ พ่อแม่ควรจะติดตามทุกฝีก้าว แต่ถ้าโตหน่อยก็ไม่เป็นไร แค่บอกลูกว่าอย่าไปวิ่งชนเด็กเล็กก็คงจะเพียงพอแล้ว ส่วนของลานน้ำพุก็กว้างพอใช้ได้ เด็กสัก 20-30 คนเล่นกันก็ดูไม่แน่เกินไป น้ำพุจะเปิดเป็นรอบ แต่ละรอบจะนานประมาณ 1 ชม. เด็กที่เล่นในลานน้ำพุจะต้องใส่เสื้อกางเกงครบ ถอดรองเท้าเล่น ผู้ใหญ่ที่จะเข้าไปเล่น หรือ เข้าไปยืนในลานน้ำพุก็ต้องถอดรองเท้าเช่นกัน
ห้องไดโนเสาร์เป็นห้องที่ได้รับความสนใจจากเด็กทุกคน และลูกผมเองก็ชอบมากด้วย ไดโนเสาร์ที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตแบบที่เราเห็นในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่คลองรังสิต แต่ก็มีมุมกิจกรรมการเลือกอาหารให้ไดโนเสาร์ที่ลูกผมชอบมาก คือการวางใบไม้ปลอม กับ เนื้อปลอม หน้าไดโนเสาร์ ถ้าวางถูกชนิด ถูกลักษณะว่าตัวไหนกินเนื้อ ตัวไหนกินผัก ไดโนเสาร์ก็จะผงกหัว ถ้าวางผิดก็จะส่ายหัว แค่นี้ลูกก็ตื่นเต้นแล้ว เล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายเที่ยวเลย
บ่อทรายสำหรับขุดกระดูกมีพื้นที่กว้างมาก สามารถเล่นพร้อมๆกันได้เกิน 20 คนแน่ๆ อุปกรณ์การขุดทั้งพลั่วและแปรงปัดทรายมีให้อย่างเพียงพอ มีส่วนสำหรับล้างมือล้างเท้าที่ดี ซึ่งทำให้พ่อแม่สบายใจกล้าจะให้ลูกเล่นทรายได้ตามใจ ห้องน้ำทุกห้องก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี มีโถฉี่ของเด็กติดตั้งทุกห้อง ซึ่งถือว่าเป็นความใส่ใจอย่างมากที่คำนึงถึงเด็กขนาดนี้ ไม่เหมือนสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ที่ไม่เคยคิดว่าเด็กก็ปวดฉี่ปวดอึเหมือนผู้ใหญ่ได้ อยากฝากผู้ที่เกี่ยวข้องกับดอนเมืองและสุวรรณภูมิว่ากรุณามาดูงานที่นี่ ถ้าไม่ว่าง มาไม่เป็น ลองไปดูเซ็นทรัล ลองไปดูปั๊มน้ำมันบางจากที่ใหญ่ๆ การทำส้วมเด็ก โถฉี่ของเด็ก ไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่ใช้หัวใจและความใส่ใจเป็นตัวนำ
การเดินทางมาพิพิธภัณฑ์ ควรจะมาถึงสักประมาณ 10.00 น. แล้วทะยอยเล่นไปทีละอย่าง ถ้าลูกมีนิสัยต้องนอนกลางวัน ก็ควรจะทำให้จบกิจกรรมภายในเวลา 14.00 น. เพราะว่า พอเด็กเล่นมาเหนื่อยๆ แล้วได้นอนตอนบ่าย จะหลับง่ายมาก แค่ขึ้นรถห้านาทีก็หลับแล้ว







