เขียนบันทึกให้ขอบฟ้า บันทึกช่วงเวลา ตุลาคม2558-มีนาคม2559

ในช่วงสองเทอมสุดท้ายของเตรียมอนุบาล ที่โรงเรียนเพลินพัฒนา ขอบฟ้ากลับกลายเป็นคนที่อยากไปโรงเรียนแต่เช้า อยากไปนั่งกินข้าว กินน้ำที่โรงเรียนให้เรียบร้อย ทั้งๆที่ช่วงสองเทอมแรกเป็นเด็กที่อยากไปสายที่สุด อยากเข้าห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย  การไปโรงเรียนแต่เช้าให้พอมีเวลานั่งกินข้าวและนั่งปล่อยอารมณ์ของเด็กสามขวบกว่าๆทำให้มีเวลาพูดคุยกับพ่อพอสมควร  ขอบฟ้าสนใจอ่านตัวหนังสือที่ติดอยู่ในป้ายต่างๆรอบตัว  ตอนนั่งโรงอาหาร ก็ขอให้อ่านชื่อร้าน  ร้านอาหารตามสั่ง  ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ คำเหล่านี้อ่านให้ฟังแทบจะทุกวัน  และแม้แต่การเข้าห้องน้ำก็ยังต้องอ่าน อย่าทิ้งกระดาษชำระลงในชักโครก ทุกประโยคที่อ่านได้ขอบฟ้าจะขอให้อ่านให้ฟังทั้งหมด

ขอบฟ้าชอบร้องเพลงมาก เพลงภาษาอังกฤษที่เป็นเพลงเด็กขอบฟ้าฟังบ่อยและร้องได้  มีเพลงประจำอยู่หลายเพลง แต่ละเพลงจะถูกร้องซ้ำๆอยู่หลายสัปดาห์ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเพลงใหม่  ในเรื่องสัตว์สังเกตุว่าขอบฟ้าชอบไดโนเสา  ชอบปลาวาฬ  จะจำรายละเอียดของสัตว์ทุกตัวที่ชอบได้

การจับปากกาหรือดินสอยังไม่ถูกต้อง  ยังคงจับแบบกำมือ การวาด การลงเส้นจะไม่แม่นยำ แต่ก็อยากระบายสี อยากลากเส้นต่างๆ  ของเล่นแนวขีดเขียนที่อยู่ในบ้านอาจจะไม่เยอะมากพอทำให้ความสนใจในการใช้ปากกาและดินสอยังไม่มาก  แต่ของเล่นพวกจิ๊กซอร์ หุ่นยนต์ เลโก้ ขอบฟ้าเล่นได้ดีและซับซ้อนมากขึ้น  สามารถประกอบตัวต่อให้สูงและมีแขนยกของได้แล้ว

IMG_9745.JPG
oct2015

IMG_9931.JPG
nov2015

IMG_0003
dec2015

IMG_0012
jan2016

IMG_0927.JPG
feb2016

IMG_1201.JPG
mar2016

เปรียบเทียบภาพจาก latest polaroid vs antique polaroid

ทดลองเปรียบเทียบภาพถ่ายที่ปริ๊นลงกระดาษจากกล้องสองตัวที่เทคโนโลยีต่างกันเกือบร้อยปี  ด้านซ้ายคือภาพจากกล้อง polaroid z340 ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องดิจิทัลรวมกับปริ๊นเตอร์ขนาดเล็ก ส่วนด้านขวาเป็นภาพจากฟิล์ม fuji instax บนกล้อง fuji instax mini8

การถ่ายภาพแล้วได้ภาพแทบจะทันทีเป็นสิ่งที่บริษัท polaroid ได้มอบไว้ให้แก่โลกเรามานานแล้ว  แต่ในปัจจุบัน polaroid หันไปสู่ดิจิทัลเต็มตัว  ส่วนเทคโนโลยีมรดกโลกกลับกลายเป็น fuji ที่รับระบบอนาลอกของ polaroid มาใช้อย่างจริงจัง และทำตลาดจนกลายเป็น instax mini ที่ฮิตกันมากในปัจจุบัน และนอกจากฟูจิแล้ว ยังมีผู้ผลิตกล้องอย่าง  leica ที่ลงมาเล่นตลาดนี้ด้วยการส่งกล้องใช้ฟิล์มโพลารอยด์ออกมาขายด้วย  และ ยังมีค่ายอินดี้อย่าง Mint ที่ออกกล้องใช้ฟิล์มแบบนี้ออกมาอีก

ข้อดีของ z340 คือ มีไฟล์ดิจิทัลเก็บไว้ด้วย สามารถเลือกภาพเพื่อพิมพ์หรือไม่พิมพ์ก็ได้  แต่แบตเตอรี่ในกล้องจะใช้พิมพ์ภาพได้ไม่เกิน 10 รูปในการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามสเป็ค ถ้าแบตหมดจะต้องกลับบ้านมาเสียบสายชาร์จเท่านั้น

Instax mini8 ของ fuji ดีตรงที่สามารถถ่ายภาพได้ 100 ภาพ ด้วยถ่านอัลคาไลน์ AA 2 ก้อน   แต่ต้องพิมพ์ทุกภาพที่ถ่าย เลือกไม่ได้

ภาพที่ได้จากการพิมพ์จากสองระบบให้คุณภาพแค่พอใช้ได้ ดูรู้เรื่อง ให้อารมณ์มากกว่าคุณภาพ  การชมภาพที่ไหลออกมาจาก z340  เทียบกับการรอภาพค่อยๆปรากฏขึ้นของฟูจิ ใช้เวลารวมไม่ต่างกัน  เราจะอยู่กับระบบไหนก็ได้  มันสนุกเหมือนกัน  แต่ฟูจิจะมีข้อดีกว่าตรงที่ ไม่ต้องกลัวแบตหมด  ถึงหมดก็ซื้อสำรองไปใส่ได้ไม่ยาก ร้านสะดวกซื้อทั่วไปก็มีแบตขาย

image

เที่ยวสิงคโปร์ เขามีทุกอย่างที่อยากมี

สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆเส้นศูนย์สูตร ขนาดใหญ่ประมาณภูเก็ตของเรา  สิ่งที่ได้ยินมาตลอดชีวิตของคนไม่เคยไปสิงคโปร์ก็คือ ที่นี่ข้าวมันไก่ดังมาก  สิงคโปร์ทันสมัย สิงคโปร์เป็นเมืองท่า เป็นศูนย์กลางการค้าของเอเชีัยตะวันออกเฉียงใต้  การลงทุนในระดับบริษัทข้ามชาติจะมีสาขาใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์  แม้แต่ ระบบ cloud ของอเมซอนก็อยู่บนเกาะเล็กๆแทนที่จะอยู่ในแผ่นดินกว้างใหญ่อย่างไทยหรือมาเลเซีย

IMG_1938.JPG

ทริปไปสิงคโปร์พ่อแม่ลูกเป็นทริปนอกประเทศทริปที่สองของการเดินทางแบบมีเด็กเล็ก หลังจากที่เราได้ไปฝึกฝนการพาลูกเที่ยวที่ญี่ปุ่นมาแล้ว การไปสิงคโปร์ก็กลายเป็นเรื่องที่เชื่อว่าไม่ยากลำบากอีกต่อไป  จองตั๋วกันล่วงหน้าประมาณสามเดือน แล้วพอใกล้ๆวันเดินทางเหลือเวลาอีก 1 วัน ปรากฏว่าผมเช็คอินยืนยันตั๋วเครื่องบินไม่ได้  เหตุผลเพราะพาสปอร์ตกำลังจะหมดอายุในอีกสองเดือน  ผู้รู้ทุกท่านให้ข้อมูลว่าการเดินทางไปต่างประเทศจะต้องมีอายุพาสปอร์ตเหลือเกิน 6 เดิอน  เดือดร้อนต้องรีบไปทำพาสปอร์ตและต้องทำเร่งด่วนภายใน 1 วัน ซึ่งจะต้องไปทำที่กงสุลซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเท่านั้น  ราคาความด่วนต้องจ่าย 3000 บาท จากเดิม 1000 บาทเท่านั้น  นับว่าเป็นความวุ่นวายที่ไม่คาดฝันจริงๆ

IMG_1945.JPG

ตีสี่เราเดินทางไปดอนเมือง ใช้เวลาต่อแถวเช็คอินสายการบินประมาณสองชั่วโมง และรอขึ้นเครื่องในอีก 1 ชม.ต่อไป  เราถึงสิงคโปรประมาณ 9.30 น.เวลาท้องถิ่นสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเวลาที่เร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง  รถจากโรงแรมมารอรับพวกเรา  ซึ่งคิดว่าจะมีนักเดินทางหลายคนแต่ปรากฏว่ามีแค่เราสามคนเท่านั้นที่นั่งรถบัสคันโตเข้าโรงแรม grand mercue roxy

IMG_1941.JPG

ลูกหลับเร็วมากระหว่างเดินทางไปโรงแรม เราก็เลยรีบเช็คอินที่โรงแรมแล้วพาลูกนอนเตียงให้สบายๆ  กลางวันเดินออกมาฝั่งตรงข้ามโรงแรมเพื่อซื้ออาหารกิน  อาหารในตลาดที่หน้าตาคล้ายๆตลาดสามย่านในความทรงจำ  ราคาอาหารจานเดียวมีตั้งแต่ 2 เหรียญจนถึง 10 เหรียญสิงคโปร์  เทียบเป็นเงินไทยก็คูณ 26 เข้าไป  โดยมื้อแรกของผมในสิงคโปร์ก็คือข้าวมันไก่ราคา 4.8 เหรียญสิงคโปร์ รสชาดก็คล้ายๆของไทย ถือว่าอาหารไม่แพงเท่าไหร่ แต่ที่แพงบาดใจเลยก็คือน้ำดื่ม  น้ำเปล่าขวด 600ซีซี ที่บ้านเราขาย 10 บาท ที่สิงคโปร์ขาย 3 เหรียญ  กินแทบไม่ลงเลย

IMG_1952.JPG

IMG_1956.JPG

IMG_1959.JPG

บ่ายแก่ๆใกล้ๆเย็นเราสามคนเริ่มเที่ยวสวนดอกไม้ ชื่อ garden by the bay ซึ่งมีความอลังการและน่าตื่นตาตื่นใจมาก ต้นไม้หายาก ดอกไม้หายากดูได้จากที่นี่  อาคารกระจกทรงโค้งๆสวยงามติดแอร์ ปลูกต้นไม้แปลกๆไว้เต็มไปหมด  นอกจากความแปลกแล้วยังได้ดูการจัดสวนที่น่ามองยิ่งกว่าสวยใดๆที่เคยเห็นในประเทศไทย  การจัดสวนแนวตั้งที่เมืองไทยเริ่มฮิตอาจมีที่มาจากสวนของสิงคโปร์แห่งนี้

IMG_1971.JPG

ต้นไม้ยักษ์ที่สร้างขึ้นเป็นเสาสูงๆและมีส่วนบานอยู่ข้างบนเป็นสิ่งที่เรียกความสนใจให้ถ่ายรูป  สวนแห่งนี้เป็นจุดแวะอันดับต้นๆของสิงคโปร์  การถ่ายรูปดอกไม้ต้นไม้ในสวนแห่งนี้ถ่ายได้เรื่อยๆหลายร้อยรูป  ความสดชื่นของต้นไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีและอยู่ในบรรยากาศที่ควบคุมไว้ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบอาคารกระจกรวมไปถึงระบบปรับอากาศที่เย็นแสนสบายมันช่างเป็นโชคดีของต้นไม้หายากเหล่านี้จริงๆ  ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่ต้องแวะสวนแห่งนี้  แต่นักเรียนนักศีกษาต่างก็ต้องแวะมาหาข้อมูลจากสวนแห่งนี้เช่นกัน  การลงทุนพัฒนาระบบการปลูกต้นไม้แบบไม่กลัวจนมันช่างให้ผลที่คุ้มค่าเหลือเกิน

IMG_1982.JPG

IMG_1999.JPG

IMG_2001.JPG

IMG_2006.JPG

ดอกไม้รูปทรงแปลกตา สีสันประหลาดแบบที่ไม่คิดว่าจะมีจริง ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นของที่ไม่เคยพบเจอในประเทศไทย ความหลากหลายของต้นไม้ดอกไม้ในโลกนี้มีมหาศาล สวนดอกไม้แห่งนี้อาจเป็นห้องสมุดดอกไม้ของโลก มนุษย์ที่สนใจดอกไม้มาเดินที่นี่ที่เดียวอาจจะได้เห็นของดอกไม้ใบไม้เกือบทั่วโลก นอกจากดอกไม้แล้ว ยังมีส่วนที่ทำเป็นน้ำตก แม้ว่าจะไม่ได้เป็นรูปทรงธรรมชาติแบบที่คนไทยอย่างเราๆเคยเห็น แต่มันก็เป็นน้ำตกที่กลมกลืนกับอาคารแก้ว และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์แห่งนี้มันเกิดขึ้นจริง มันสมจริงจนตะไคร่น้ำยังขึ้นมาเป็นพยาน

IMG_2043.JPG

IMG_2058.JPG

IMG_2066.JPG

IMG_2070.JPG

IMG_2123.JPG

IMG_2130.JPG

IMG_2159.JPG

IMG_2170.JPG

เราใช้เวลาในสวนดอกไม้แห่งนี้ประมาณสามชั่วโมงแบบเร่งเดิน เพราะหากเราปล่อยอารมณ์ไปตามความสวยงามของดอกไม้ต้นไม้เหล่านี้ เวลาทั้งวันก็อาจไม่พอ ความคิดสร้างสรรของสวนดอกไม้แบบนี้คงยากจะเกิดขึ้นในเมืองไทย เพราะคนไทยไม่ได้มีนิสัยรักสิ่งแวดล้อมและต้นไม้อย่างแท้จริง สิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็กๆที่ไม่ได้มีทรัพยากรอะไรมากมาย เทียบกับเมืองไทยแล้ว ไทยมีธรรมชาติที่เพียบพร้อม แต่คนไทยกลับเลือกทำลายเบียดเบียนจนทุกวันนี้เราได้ยินแต่ข่าวน้ำแล้ง คนแย่งน้ำ เกษตรกรล่มจม เพาะปลูกไม่ได้ผล ขณะที่สิงคโปร์เล็กกระจิ๋วหลิว แต่มีต้นไม้ใหญ่ในทุกถนนปกคลุมทางเดินฟุตบาทให้เดินได้อย่างร่มรื่น มีสวนดอกไม้ที่เป็นงานทดลองชั้นยอด และอีกไม่นาน เราคงจะเห็นฟาร์มแนวตั้ง ที่ติดตามสวนแนวตั้งมาติดๆ ทรัพยากรจำกัดไม่ได้ทำให้ประเทศนี้ตกต่ำ แต่ทรัพยากรคนที่ดีเลิศต่างหากที่เสกทุกอย่างที่ต้องการได้ ถือเป็นโชคดีของสิงคโปร์อย่างมากที่ไม่มีคนหัวใจไทยในระบบราชการของเขา

IMG_2183.JPG

IMG_2175.JPG

ขณะที่เมืองไทยขอร้องกันทั้งประเทศว่าอย่าเล่นสงกรานต์แบบสิ้นเปลือง เพราะชาวนาชาวสวนกำลังจะขาดน้ำตายแล้ว แต่สิงคโปร์ที่ล้อมรอบด้วยทะเล ไม่มีแหล่งน้ำจืดใหญ่เท่าเมืองไทย ยังสามารถปล่อยน้ำให้เด็กเล่นอย่างสนุกสนาน ขอบฟ้าเป็นเด็กตลก อยากเล่นน้ำแต่ไม่อยากเปียก พ่อแม่เลยต้องใช้เสื้อกันฝนใส่ให้ ขอบฟ้าก็เลยได้เล่นน้ำแบบไม่เปียกในความคิดและความเชื่อแบบเด็กๆ แต่สภาพจริงเปียกถึงข้างในอยู่ดีแหละลูกเอ๋ย

IMG_2192.JPG

เราจบวันนี้ด้วยอาหารเย็นแบบร้านอาหารจานเดียว ผมสั่งของที่หน้าตาเหมือนต้มยำกุ้งที่ชื่อรักสะ laksa แต่พอกินแล้วก็อยากจะตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ขนมจีนน้ำยา รสชาดต้มยำเป็นสิ่งที่คนต่างชาติทำยังไงก็ไม่เหมือนคนไทยทำ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดแบบไทยนี่เป็นสิ่งที่สิงคโปร์ยังทำไม่ได้ แต่อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้อยากทำก็ได้ แค่หน้าตามันเหมือนกันและคนไทยอย่างผมก็คิดว่ามันจะเป็นต้มยำกุ้งแน่ๆ

IMG_2195.JPG

จบวันที่หนึ่งแบบเหน็ดเหนื่อย วันที่สองจะเป็นวันสวนสัตว์ โปรดติดตาม

เที่ยวสิงคโปร์ ตอนที่ 2 ไปสวนสัตว์

 

ภาพขาวดำจากกล้อง polaroid z340

image

ภาพขาวดำที่ให้โทนสีดำได้สวยใกล้เคียงกับงานขาวดำจากกระดาษอัดภาพขาวดำชั้นดี  กล้องโพลารอยด์รุ่น z340 เป็นกล้องที่สามารถพิมพ์ภาพได้ในตัว มีความละเอียด 14 ล้านพิกเซล  แรกเห็นภาพสีขาวดำจากกล้องตัวนี้ก็สะดุดตากับคอนทราสของงานขาวดำที่ชวนให้นึกถึงกล้องไลก้ากับฟิล์ม kodak tri-x ที่มักจะให้ภาพดุดัน สีดำเข้มข้น  อดสงสัยไม่ได้ว่า กล้องดิจิทัลยี่ห้อ polaroid รุ่นอื่นๆจะให้ภาพสีขาวดำได้แบบนี้หรือเปล่า

 

กรอบรูปตั้งโต๊ะสุดเท่ห์จากของเหลือใช้

image

การถ่ายภาพโพลารอยด์ในยุคปัจจุบันนี้หนีไม่พ้นต้องใช้ระบบของ fuji instax mini ที่ให้ภาพขนาดเท่าบัตรเครดิต บนกล้องราคาไม่แพงมาก  ภาพเหล่านี้จะต้องซื้อ 1 กล่อง มี 10 ใบ  ถ่ายเสร็จก็เอาไปวางไว้ในลิ้นชัก บางคนติดกระเป๋าสตางค์  บางคนก็หาอัลบั้มสำหรับ fuji instax mini มาใส่ ซึ่งอัลบั้มสำหรับฟิล์มไซ้ร์นี้ก็ไม่แพงมาก  เผลอๆจะเอาสมุดใส่นามบัตรมาใส่ก็ได้ แต่มันไม่สวย

กรอบรูปสำหรับใส่ภาพขนาดบัตรเครดิตเป็นสิ่งหายากมาก ยังไม่เห็นใครขายอย่างจริงจังเลย  ก็เลยลองเอากลักฟิล์มโพลารอยด์ที่ใช้หมดแล้วมาลองใส่ภาพกลับไป ผลก็คือ มันกลายเป็นกรอบรูปสำหรับโพลารอยด์ได้อย่างน่ารักมาก  ทำให้นึกเสียดายกลักฟิล์มเก่าๆไปในบัดดล

ใครมีกลักฟิล์มเก่าๆเก็บไว้ก็ลองเอามาใส่ตั้งโต๊ะ ประดับบ้านดูกันได้นะ  มันสวยกว่ากรอบรูปอื่นๆจริงๆ