Wutthichai Charoenburi shared a photo with you from the Flickr app! Check it out:

วิธีจัดไฟถ่ายพระเครื่องแบบอนาถา
เมื่อสมัยหัดถ่ายรูปใหม่ๆ เวลาเจอภาพสวยๆก็จะทึ่งในความเก่งกาจของช่างภาพ ยิ่งหากเป็นการจัดแสงด้วยแฟลชแล้วยิ่งทำให้รู้สึกว่าทำยังไงถึงจะฝึกฝนให้ได้ระดับนั้น แต่พอหัดถ่ายมากขึ้นมีความรู้พื้ันฐานเกี่ยวกับการถ่ายภาพลักษณะต่างๆแล้ว ก็ทำให้เราพอจะแกะรอยของแสงต่างๆได้ ก็เลยถือโอกาสถ่ายแหวนแต่งงานด้วยเทคนิคที่คาดว่าจะทำให้ได้ภาพแบบที่ต้องการ
นี่คือภาพที่ต้องการ เบื้องหลังก็คือ ต้องจัดแสงให้ตัวแหวนเกิดเขาแข็งๆ ไม่ใช่แสงแฟลชนุ่มๆแบบที่ใช้ถ่ายภาพคน แฟลชที่ใช้กับภาพนี้ก็เลยเลือกที่จะใช้แฟลชยิงเข้าหาแหวนและหนังสือโดยตรง เพื่อให้แสงแข็งๆทำมุมเอียงๆให้เกิดเงาแข็งเป็นเส้นดำชัดเจน 
ปรับตั้งค่ากล้องให้มีค่ารูรับแสงกลางๆ และค่าความไวชัตเตอรสูงๆเข้าไว้เท่าที่จะทำงานทันกับแฟลชของเรา ค่าแสงแฟลชจะทำให้พื้นที่ของหนังสือและแหวนได้รับแสงพอดี ภาพจากบรรยากาศจะมืดดำและมีส่งผลต่อภาพของเราเลย
เมื่อถ่ายในมุมห่างๆเพื่อให้เห็นว่าทุกอย่างทำงานอย่างไร แสงพอดีที่สมุดเป็นอย่างไร และสภาพบรรยากาศที่มืดดำไปเพราะความไวชัตเตอร์สูงๆเป็นอย่างไร เมื่อได้สภาพแสงที่ต้องการแล้ว ก็จัดองค์ประกอบใหม่โดยไม่เปลี่ยนแปลงค่าแสงแฟลช และไม่เปลี่ยนแปลงค่ารูรับแสงและไม่เปลี่ยนความไวชัตเตอร์
เปลี่ยนยางมาครับ kumho KH17 195-60-15 เส้นละ 1300 บาท
ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ทางร้านบอกว่า ของดีราคาถูก ลองหาในเน็ตแล้วไม่เจอคนด่า เลยลองเปลี่ยนดูครับ สัมผัสแรกรถนิ่มทันทีเลย ยังไม่รู้ว่าขับเร็วแล้วเป็นไงเหมือนกัน ยางชุดที่แล้วปี 2012 ครับ ใช้นานลืมเปลี่ยน เห็นอีกทียางหน้าแทบโล้น
กระเตงลูกเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 1 โยโกฮาม่า นิกโก้
กระเตงลูกเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 2 นิกโก้ สูงๆหนาวๆ
กระเตงลูกเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 3 นิกโก้ โตเกียว
เช้าวันต่อมาเราขึ้นรถเมลไปเที่ยวเมืองโบราณของนิกโก้ รถเมลแบบวันเวย์พาเราไปยังจุดท่องเที่ยว รถมาทุก 20 นาทีโดยประมาณ เราแวะจุดแรกเป็นเมืองโบราณมีวัดอยู่ภายใน ผมจำชื่อไม่ได้เลย ถ่ายรูปไว้นิดหน่อย เราเดินเล่นที่นี่อยู่พักใหญ่แล้วก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปไหนต่อ นั่งรถออกจากนิกโก้เลยเพื่อให้เราทำเวลาไปถึงโตเกียวได้ทันก่อนค่ำ เพราะการเดินทางพร้อมเด็กเป็นเรื่องที่ทำเวลาได้ลำบากมาก การผ่านสองวันแรกที่เราเหนื่อยแสนเหนื่อยทำให้เราตัดโปรแกรมหลายๆอย่างออก
วัดโบราณในเมืองโบราณของนิกโก้ ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็จะประมาณวัดเก่าแก่ของท้องถิ่น มีนักท่องเที่ยวแวะมาตลอดเวลาทั้งคนญี่ปุ่นเองและชาวต่างประเทศ สังเกตุว่าจะมีวัยกลางคนไปถึงคนแก่เยอะหน่อย พวกวัยรุ่นหรือวัยนักเรียนจะไม่ค่อยมี อาจจะเพราะการเดินทางมาวัดไม่ได้สะดวกแบบรถไฟฟ้ามาถึง ต้องนั่งรถเมล์หรือรถส่วนตัวเท่านั้น ส่วนเด็กๆที่มาแบบทัศนศึกษากับโรงเรียนก็จะพบเห็นเรื่อยๆ
ที่นี่เสียค่าเข้าสถานที่นิดหน่อย แต่เราเลือกจะไม่เข้าเพราะเด็กไม่สนใจความเป็นมา อยากวิ่งเล่น อยากขึ้นลงบันไดมากกว่า ถือโอกาสถ่ายคู่กับตู้ไปรษณีย์ด้วย ภาษาญี่ปุ่นอ่านไม่ออก แต่ก็เดาว่าคงบอกว่าที่นี่คือที่ไหน
อุณหภูมิตอนสายๆใกล้เที่ยงก็สูงขึ้นจนอยู่ในระดับที่เดินสบายๆไม่ร้อนไม่หนาว เป็นความเย็นระดับสบายตัว น่าอิจฉาคนที่ได้อยู่ในสภาพอากาศแบบนี้จริงๆเลย ในบางครั้งผมรู้สึกว่า การออกแบบเครื่องเสียงในพื้ันที่อากาศเย็นทำให้เราสามารถออกแบบได้ดีกว่าสภาพร้อนที่ต้องเปิดแอร์ การฟังเพลง หรือการวิเคราะห์เครื่องเสียงในห้องเย็นๆที่ไม่ต้องเปิดแอร์ทำให้เราไม่ต้องฟังเสียงน้อยส์จากลมแอร์ ทำให้เราได้ยินเสียงเล็กๆน้อยๆ ในเครื่องเสียงอย่างชัดเจน อะไรดี อะไรไม่ดี เครื่องมีสัญญาณรบกวนระดับต่ำๆไหม เราจะได้ยินแทบทั้งหมด เพราะไม่มีเสียงแอร์มารบกวนนั่นเอง
ป้ายรถเมล์ในแหล่งท่องเที่ยวก็ไม่ต่างจากบ้านเรามากนัก เป็นป้ายแสดงตำแหน่งรอให้คนมาต่อคิว แต่ดีกว่าบ้านเราก็ตรงที่รถเมล์มาแทบจะตรงเวลานับเป็นการรอรถเมล์ที่น่าทึ่งมากๆ ทำไมถึงตรงเวลาขนาดนี้
รถไฟเกรดธรรมดา วิ่งประมาณชั่วโมงกว่า สนุกตั้งแต่ขึ้นรถ แล้วก็ทะยอยหมดแรงไปทีละคน ขอบฟ้าจะสนุกและคุ้มกว่าทุกคน เพราะได้อีในรถไฟด้วย ส้วมในรถไฟญี่ปุ่นสะอาดแต่ไม่ใช่โถชักโครก เป็นหลุมเหมือนส้วมซึมที่กดน้ำให้ไหลทำความสะอาดได้ แต่ไม่มีที่ฉีดน้ำ ต้องใช้กระดาษเท่านั้น เป็นประสบการณ์ส้วมที่ตื่นเต้นมาก
เราถึงโตเกียวแบบทุกลักทุเล กระเป๋าใบใหญ่ใช้บริการขนส่งมาแล้วล่วงหน้า กระเป๋าใบเล็กที่หอบไหวกับลูกแสนซนก็ปุเรงปุเรงกันมันจนถึงโรงแรมในโตเกียว ที่จุดเช็คอินมีอมยิ้มแจกเด็กให้รู้สึกดี โรงแรมแห่งนี้อยู่ใจกลางเมือง รอบๆมีแต่ห้างและตึกสูง เป็นชีวิตเมืองหลวงแท้จริง
พอเข้าที่พักเรียบร้อย ตั้งสติได้ก็เดินไปกินมื้อเย็น ระหว่างทางผ่านจุดสนใจหลายจุด ตึกรามบ้านช่องอลังการใหญ่โต เลนรถยนต์ รถเมล รถไฟขวักไขว่กันหน้าปวดหัว สถานีรถไฟมีทั้งลอยอยู่บนหัวและใต้ดิน ถ้าใครนัดผมแถวนี้ รับรองไม่เจอกัน ขอบฟ้าได้รถไฟของเล่นเพิ่มอีก 1 ชิ้น ถือเล่นกันมาตั้งแต่สถานีนิกโก้ และเล่นต่อในโตเกียวอีก รถไฟคันนี้อยู่ในความทรงจำขอบฟ้าหลายวัน แม้กลับเมืองไทยแล้วก็ยังเล่นอีกเป็นเดือน ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้าง เราแวะกันกันอิ่มหนำสำราญ มื้อนี้ก็ยังไม่เจอปลาดิบ แวะเดินห้างอีกสองชั่วโมง หมดวัน หมดแรง เดินกลับโรงแรมตอนมืดๆ ผู้คนมากมายออกมาเดินเล่นกันยังกับมีเทศกลางปิดถนนคนเดิน แต่มันเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นทุกวันของญี่ปุ่น
กระเตงลูกเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 1 โยโกฮาม่า นิกโก้