สิ่งพิมพ์ที่ใช้ในภาคธุรกิจ และปริมาณการสั่งพิมพ์

print machine 2013-IMG_8356Full

ในการประกอบกิจการสักอย่างหนึ่ง เกือบทุกธุรกิจจะต้องใช้สิ่งพิมพ์มากน้อยแตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่ นามบัตรของพนักงานขายหรือเจ้าของ โบรชัวร์สินค้าหรือบริการ สองอย่างนี้เป็นพื้นฐานที่เกือบทุกธุรกิจจะต้องใช้ โดยโบรชัวร์ก็อาจจะออกมาในรูปแบบของใบปลิว หรือ เป็นหนังสือเล่มบางๆ หรือเป็นแค็ตตาล๊อก ยังไม่พบว่าจะมีธุรกิจใดไม่ใช้สองอย่างนี้เลย

IMG_6798r

ถ้าให้ดูดีและน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น สิ่งที่แจกไปพร้อมกับนามบัตรก็จะมี คัมพานีโพรไฟล์ ทำหน้าที่แนะนำตัวและให้ข้อมูลในระดับที่ลึกมากยิ่งขึ้น ในบางครั้ง การเสนอราคาให้ลูกค้าต่างๆ บางบริษัทก็อยากจะใช้หัวกระดาษของตัวเอง มีข้อดีคือใบเสนอราคามีความน่าเชื่อถือ และใช้เพื่อกันปลอมแปลงต่างๆได้ระดับหนึ่ง

print machine 2013-IMG_8343Full

หลังจากที่เริ่มการซื้อขาย จะมีการใช้แบบฟอร์มใบส่งของ ใบกำกับภาษี และหากมีการนัดเก็บเงินภายหลังก็มักจะต้องมีใบวางบิล เมื่อเก็บเงินแล้วก็ต้องมีใบเสร็จรับเงิน แบบฟอร์มเหล่านี้จะเป็นแบบฟอร์มที่มีสำเนา ซึ่งอาจจะเป็นแบบสำเนาในตัว หรือเป็นกระดาษธรรมดาหลายชั้นแล้วเวลาใช้ก็สอดกระดาษก๊อปปี้ระหว่างชั้นเพื่อให้เขียนที่ชั้นบนหมึกติดถึงชั้นล่างได้

IMG_0021jp

การทำนามบัตร โรงพิมพ์จะชอบให้พิมพ์เยอะ ส่วนลูกค้าก็อยากพิมพ์น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ แบบนี้ควรพบกันตรงกลางก็คือ รวบรวมรายชื่อในบริษัทหรือในทีม คนที่ต้องใช้นามบัตรทุกคน แล้วสั่งพิมพ์นามบัตรให้กับทุกคนคนละ 1 กล่องหรือ 100 ใบ ส่วนคนที่ใช้เยอะกว่านั้นก็ให้สั่งคนละ 5 กล่องไปเลย เพื่อให้ใช้ได้ทั้งปี

print machine 2013-IMG_8338Full

ใบปลิว แค็ตตาล๊อก โรงพิมพ์อยากให้พิมพ์เยอะเพื่อให้ราคาต่อหน่วยไม่สูงเกินไป โรงพิมพ์อยากพิมพ์ 1000 เล่ม ราคาเล่มละ 20 บาท มากกว่าจะพิมพ์ 5 เล่ม เล่มละ 3000 บาท เพราะไม่อยากได้ชื่อว่าพิมพ์ของราคาต่อเล่มแพง ทั้งๆที่ พิมพ์ 5 เล่ม ลูกค้าจ่ายน้อยกว่า ลูกค้าไม่อยากพิมพ์เยอะ เพราะหลายบริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างในเวลาไม่นาน บางครั้งอยากเพิ่มข้อมูลหรือเพิ่มจำนวนหน้า การลองสั่งขั้นต่ำจากโรงพิมพ์ในระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ทเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาขอราคาดู และอาจจะเทียบกับการพิมพ์ดิจิทัลจำนวนน้อยๆแค่พอใช้งาน 50-100 ชุดดูเสียก่อน และเลือกทางเลือกที่ประหยัดไว้ก่อน ไม่ว่าจะพิมพ์เยอะหรือพิมพ์น้อย โรงพิมพ์ต้องให้บริการอยู่แล้ว

DSCF3668-110831

คัมพานีโพรไฟล์ รายการนี้ทำจำนวนน้อยในระบบดิจิทัลจะประหยัดกว่า และสามารถตัดสินใจเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้เรื่อยๆ ทำทีละ 30-50 ชุด แจกหมดแล้วค่อยสั่งพิมพ์เพิ่มจะดีกว่า

การมีเพื่อนทำงานโรงพิมพ์ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบข้อหนึ่ง คือสามารถสืบราคา ขอราคาคร่าวๆได้ก่อน อย่าเกรงใจที่จะขอให้โรงพิมพ์เสนอราคา เพราะทุกโรงพิมพ์รู้อยู่แล้วว่าการคำนวณราคาเป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนซื้อขายจริง และแม้ว่าจะเสนอราคาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อทุกครั้ง จะซื้อหรือไม่ซื้อ ให้เจ้าของธุรกิจแต่ละรายเป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่โรงพิมพ์ตัดสินใจ

3 วัน 2 คืน เอวาซอน ปราณบุรี

เอวาซอนหัวหิน หรือ เอวาซอนปราณบุรี มันคือที่เดียวกัน ตอนที่ผมรู้ว่าจะต้องขับรถมาที่นี่ก็หาข้อมูลจากในเน็ต และก็เกิดอาการมึนงงว่าตกลงมันอยู่ใกล้หัวหิน หรือ มันอยู่ปราณบุรี ใครช่างใส่ข้อมูลให้คนเดินทางต้องสับสน เลยต้องถามแฟนอีกครั้งว่า เอวาซอนมีที่เดียว ไม่มีสาขาใช่ไหม พอรู้ว่าที่เดียวก็เลยหายงง ขับรถไปปราณบุรีนั่นเอง

IMG_0002_1.JPG

ออกเดินทางจากกรุงเทพ ถนนนครอินทร์ เติมน้ำมันเต็มถัง e20 รถฮอนด้าฟรีด จดระยะทางบนหน้าจอเก็บไว้ 133660 กม แล้วก็ขับไปตามเส้นทาง พระราม2 ปากท่อ เพชรบุรี เข้าบายพาสไม่ผ่านชะอำ ตรงไปที่ปราณบุรี แวะกินมื้อกลางวันที่ร้านยกซด ซึ่งเป็นร้านดังที่มีแต่รถกรุงเทพแห่มากิน และเข้าที่พักเอวาซอน ปราณบุรี โดยการนำทางของ gps ยี่ห้อ garmin

IMG_0004_1.JPG

ห้องพัก 313 เป็นห้องพักขนาดใหญ่ ในห้องมีเตียงเดี่ยวขนาดนอนสองคนหนึ่งเตียง มีมุ้งให้ด้วย ที่ระเบียงหน้าห้องมีอีกหนึ่งเตียงใหญ่ๆพร้อมมุ้งเช่นกัน ใครอยากนอนดมกลิ่นดินและน้ำค้างก็ให้นอนระเบียงไม่ต้องกลัวยุง สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักเป็นไปในแบบหรูหราห้าดาว แต่ที่นี่ไม่มีอ่างอาบน้ำ ไม่มีเครื่องเล่นดีวีดี เคเบิ้ลทีวีไม่ระบุสัญชาติ ดูช่องทีวีดิจิทัลไม่ได้ อินเทอเน็ตแบบไร้สายมีให้ใช้ แต่ห้องหนึ่งจะจำกัดให้ต่อได้แค่ 2 อุปกรณ์ แฟนผมใช้สิทธิ์ไปหนึ่ง ตัวผมเอง มีโน้ตบุ๊คสองตัว มีมือถือ มีแท็บเบล็ต จะใช้แต่ละชิ้นก็ต้องคอย disconnect ตัวเก่าก่อนทุกครั้ง ลำบากมากกับคนของเล่นเยอะ

IMG_0008.JPG

พื้นที่ในโรงแรมจัดไว้เป็นระเบียบ กว้างใหญ่ดี แต่ก็ทำให้ที่จอดรถอยู่ไกลจากห้องพักมาก ไม่สามารถจะเดินไปหยิบของที่รถแแล้วเดินกลับห้องได้ง่ายๆเลย ทีแรกก็ทำได้ แต่ถ้าให้ทำอีกทีขอเรียกรถกอล์ฟดีกว่า คนของเยอะกระเป๋าแยะต้องวางแผนการย้ายของให้ดี พอบ่ายมากๆเกือบเย็นก็พาลูกไปเล่นทรายที่ชายหาด ปรากฏว่า ไม่มี โรงแรมนี้ไม่มีหาดทราย มีถนนกั้นระหว่างโรงแรมกับทะเล พ้นถนนก็ตกทะเลเลย ไม่มีหาดทราย ย้ำ ไม่มีหาดทราย ผมได้ยินชื่อเอวาซอนมาหลายปี ไม่เคยคิดว่าจะเป็นโรงแรมติดทะเลที่ไม่มีหาดทราย

IMG_0014_1.JPG

ในช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ในเอวาซอนเป็นช่วงที่มีการทำถนนเรียบชายหาด แต่ชายหาดที่นี่มีเพียงสั้นๆและไม่ได้อยู่ใกล้โรงแรมในระดับที่เดินถึง หน้าโรงแรมด้านทะเลเป็นบันไดเดินลงทะเล ไม่สามารถเล่นน้ำทะเลได้ มีกองทรายก่อสร้างอยู่ด้านหน้าเอวาซอนที่ดูเหมือนจะเอาไว้จัดงานอะไรสักอย่างที่กำลังจะรื้อออก ก็เลยให้ลูกเล่นทรายที่บ่อทรายก่อสร้างนี้แทนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะขับรถหาหาดทรายจริงๆให้

IMG_0026_1.JPG

โลกของเด็กสวยงามเสมอ เห็นทะเล เห็นกองทรายก่อสร้าง เด็กชายขอบฟ้าก็บอกนี่ไงหาดทราย แล้วก็ขอเล่นทันที อุปกรณ์ตักทรายก็โรยตัวลงบนพื้นแล้วก็เรนเดอร์ไปตามจินตนาการของเด็กคนหนึ่ง เห็นลูกสนุกพ่อแม่ก็ฟินแล้ว ปล่อยให้เล่นไปตามใจเลยแบบนี้

IMG_0020_1.JPG

กลับมาที่ห้องพัก เราเริ่มมองเห็นของหลายอย่างที่ดูน่าสนใจ มีรายละเอียดที่อยากจะบันทึกเอาไว้ เริ่มจาก ปลั๊กไฟ usb power ที่ฝังอยู่ที่ผนังพร้อมใช้งาน ไม่ต้องพกอแด๊ปเตอร์ usb เลย เราสามารถเสียบสายจากผนังมาชาร์จมือถือได้ทันที เพิ่งจะเจอที่นี่ที่แรกที่ออกแบบไว้พร้อมขนาดนี้ แถมปลั๊กไฟรอบๆห้องก็มีจุดให้เสียบหลายจุด สามารถเสียบโน้ตบุ๊คใช้ไฟห้องได้พร้อมกันไม่ต่ำกว่า 4 ตัว ซึ่งไม่ต้องไปแย่งปลั๊กไฟจากทีวี ตู้เย็นและกาต้มน้ำเสียด้วย ปลั๊กไฟที่นี่ให้หกดาวเลย

IMG_0072_1.JPG

อีกจุดนึงที่เจ๋งก็คือไฟหัวเตียง ไม่ได้มาเป็นโคมไฟดูโบราณฝุ่นจับดูไม่กล้าแตะแบบโรงแรมทั่วไป แต่มาเป็นแท่งดูทันสมัย ใช้หลอด led เปิดปิดที่กระบอกโคมได้เลย แสงสว่างมากพอสำหรับอ่านหนังสือหรือให้ความสว่างในห้องได้อย่างเพียงพอ และแท่งแบบนี้มีทั้งสองฝั่่งเตียง ผมคิดว่าเจ้าของโรงแรมเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีถึงออกแบบแสงสว่าง ปลั๊กไฟ ได้โดนใจขนาดนี้

IMG_0073_1.JPG

มีกระดาษแนะนำใบหนึ่งที่ดูดีมากๆ มากกว่าจะเป็นแค่กระดาษจดหมาย A4 ธรรมดา ลักษณะการพิมพ์เป็นงานพิมพ์สีเดียว พิมพ์บนกระดาษหนาพิเศษ คาดว่าจะเป็นงานพิมพ์ระบบ letterpress หรือไม่ก็ screen เพราะเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ท และ injet ทำงานกับกระดาษหนาขนาดนี้ไม่ได้ กระดาษใบนี้ถูกวางไว้ในห้องเพื่ออธิบายสิ่งที่โรงแรมต้องการบอกกับนักท่องเที่ยว และตั้งใจใช้งานอย่างยาวนานเลยทำให้ดูพรีเมี่ยมและดูทน ใครเห็นก็ต้องอ่าน ไม่ใช่มองผ่านไปแบบกระดาษใบปลิวทั่วไป

IMG_0075_1.JPG

โรงแรมมีอาหารเช้าให้เป็นบุฟเฟ่ต์ มื้อเที่ยงต้องหากินเอง เราลองมากินที่ร้านของโรงแรมบ้าง พนักงานแนะนำว่า ถ้ามีเด็กมา จะมีเมนูให้เด็กฟรีหนึ่งเมนูในหน้าพิเศษ ดูรายการอาหารแล้วก็เลือกบะหมี่น้ำให้ขอบฟ้า ส่วนพ่อกินแซนวิช แม่กินพิซซ่า ของที่นี่เมนูเด็กก็ไซ้ส์เล็ก เมนูผู้ใหญ่ก็ไซ้ส์ใหญ่ กินกันอิ่มเลย เราบอกกับขอบฟ้าว่า ถ้าจะเล่นอะไรในโรงแรมจะต้องกินข้าวให้ท้องป่องถ้าท้องไม่ป่องพี่คนดูแลจะไม่ให้เล่น จะต้องให้มากินจนป่องเสียก่อน ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะขอบฟ้าเป็นเด็กที่ห่วงเล่น กินยาก เวลาที่ขอบฟ้างอแงไม่ยอมกินก็จะขอเช็คท้องป่องกันทีนึง ก็เลยมีภาพเปิดพุงให้ดู

IMG_0068.JPG

เย็นวันต่อมาเราขับรถไปหาหาดทรายเล่นกัน ใช้เวลาบนรถประมาณ 10 นาทีเราก็มาถึงหาดทราย สภาพอากาศร้อนๆ ลมแรง มีคนเล่น kite surf เต็มไปหมด เราก็ดูด้วยความสนใจ ส่วนเด็กก็ปักหลักเล่นทรายกันไม่สนสิ่งรอบข้างเลย

IMG_0079_1.JPG

IMG_0085_1.JPG

ขอบฟ้าชอบทะเล ชอบหาดทราย ชอบเล่นทราย เหตุผลเดียวที่เลือกมาทะเลคือพาลูกมาเล่นทราย ชีวิตในวัยเด็กของทุกคนคงเป็นแบบนี้ บ้านอยู่กรุงเทพ การมาทะเลจะสนุกมากเพราะได้เที่ยว ได้เล่นน้ำ และได้เล่นทราย คงเป็นที่สุดของการเดินทางหนึ่งครั้ง ขอบฟ้าเองก็มีที่สุดแบบนี้ไปหลายครั้งแล้วด้วย ในช่วงอายุที่น้อยกว่านี้ก็จะนั่งเล่นทราย ยังไม่มีภาพวิ่งและกระโดดแบบรอบนี้

IMG_0109_1.JPG

IMG_0116_1.JPG

IMG_0120_1.JPG

เช้าวันใหม่ขอบฟ้าขอมาเล่นทรายอีก เช้าที่ทะเลแถบนี้ พระอาทิตย์จะขึ้นที่ทะเล นั่นหมายความว่าไม่มีต้นไม้บังแสงแดดให้เลย เมื่อวานเรายังได้ร่มไม้จากฝั่งช่วยบังแดดให้เลยเล่นทรายตอนแดดออกได้ แต่เช้าแบบนี้ พระอาทิตย์ยิงตรงมาจากด้านทะเล เป็นสิ่งที่ทรมานพ่อแม่ที่สุด เพราะในหัวหินรอบก่อนหน้านี้ พ่อก็ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งบังแดดให้

IMG_0129_1.JPG

ด้วยความที่เป็นช่างภาพ เห็นแสงแดดและท้องฟ้าแบบนี้ ใช้หลักการวัดแสงแบบกฏ sunny 16 ได้เลย คือ iso100 สปีด 1/125 วินาที ค่า f16 จะให้แสงที่พอดี ถ้าถ่ายด้วยฟิล์มสไลด์ก็จะเป็นค่าสีที่สุดแสนจัดจ้าน ฟ้าเป็นฟ้า ส่วนที่เข้มก็จะน้ำเงินเข้มเกือบดำ ผมเลือกใช้ค่า f4 แทนแล้วเพิ่มสปีดให้มากขึ้น เพื่อหวังผลว่าจะได้ภาพที่มีชัดตื้นคือมีส่วนชัดและเบลออยูู่ในภาพ และปรับตั้งกล้องดิจิทัลให้ไม่ต้องชดเชยขอบภาพสีเข้มให้เป็นสีปกติเท่ากับกลางภาพ อันเป็นข้อจำกัดของเลนส์เวลาถ่ายภาพด้วยค่า f กว้างๆ แต่ผมชอบให้ขอบภาพสีเข้มกว่าตรงกลางภาพ เลยปิดฟังค์ชั่นชดเชยเสีย

IMG_0155_1.JPG

แสงแดดแรงขนาดนี้ เลยไปเอาขาตั้งกล้องมาใช้วางใบไม้เพื่อช่วยบังแดด ไม่ทำให้คนเล่นต้องทรมานมาก เหมือนมีต้นไม้บังแดดให้ ได้ขาตั้งมาช่วยก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เดินหากิ่งร่วงๆแถวหาดทรายได้สองอันก็จัดการทำเป็นที่บังแดดซะเลย ถ่ายภาพไว้หลายมุมเก็บเป็นไอเดีย ไว้เที่ยวทะเลครั้งต่อไปจะต้องเตรียมของแบบนี้เอาไว้ด้วย

IMG_0130_1.JPG

IMG_0132_1.JPG

IMG_0134_1.JPG

สุดท้ายเด็กยังไงก็จะเล่นแบบเด็ก อุตส่าห์บังแดดให้ก็ยังวิ่งเล่นไปทั่ว ความร่าเริงและซนไม่เลือกแบบนี้ไม่มีวิธีรับมือนอกจากวิ่งตาม ปล่อยให้เล่นจนเหนื่อยแล้วค่อยพากลับ มือและเท้าเต็มไปด้วยทราย รถเละเทะเลย ขนาดเตรียมน้ำใส่ขวดไว้ล้างก่อนขึ้นรถแล้วก็ยังมีเศษทรายอยู่เต็มรถไปหมด คนล้างรถคงเหนื่อยหน่อย

IMG_0159_1.JPG

โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เยอะ มีสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่ มีสระว่ายน้ำเด็กที่อยู่ติดกับห้องของเล่น มีสปา มีพี่เลี้ยงเด็กช่วยดูเด็กให้คิดค่าใช้จ่ายพี่เลี้ยงเป็นชั่่วโมง ถ้าไม่ใช้พี่เลี้ยงก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม กล้องถ่ายภาพที่ใช้ตลอดทริปก็คือ canon eos 6d เลนส์ ef 24-105L

IMG_0218.JPG

IMG_0215.JPG

IMG_0196_1.JPG

IMG_0043_1.JPG

IMG_0046_1.JPG

ขากลับมายังกรุงเทพ เดินทางออกจากที่พัก เปิด gps แล้ววิ่งตามแผนที่มาเรื่อยๆ มีแอบนอกใจ gps นิดนึงตรงทางแยกมีป้ายเขียนว่าไปเพชรเกษม ให้เลี้ยวขวา แต่ gps บอกให้เลี้ยวซ้าย ในใจก็คิดว่า gps ก็ผิดพลาดได้ เราวิ่งตามป้ายบอกทางดีกว่า ผลก็คือ ป้ายบอกทางพาเราไปถ.เพชรเกษมที่วิ่งผ่านสวนสนฯ และหัวหิน ไปโดนรถติดในหัวหินอยู่ครึ่งชั่วโมง แทนที่เราจะได้วิ่งเส้นบายพาสเหมือนขามา ถ้าเชื่อ gps ตลอดคงไม่ต้องมาเสียเวลากับหัวหินขนาดนี้ กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ตอนค่ำๆแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งเดิม เติม e20 เต็มถัง บันทึกหลักกิโลที่ 134194 เติมไป 1010 บาท จำนวนน้ำมัน 39.33 ลิตร

คิดเป็นระยะทางออกมาได้ 534 กิโลเมตร
คิดเป็น กิโลเมตรต่อลิตร 534/39.33 = 13.57 กิโลเมตรต่อลิตร
คิดเป็น บาทต่อกิโลเมตร 1010/534 = 1.89 บาทต่อกิโลเมตร
รถที่ใช้คือ honda freed อายุ 5 ปี

จบรีวิวอัตราสิ้นเปลืองรถยนต์ของผมครับ รีวิวโรงแรมแถมให้

ขอบฟ้าโตขึ้นเยอะเลย

pic20150407002758

ภาพของขอบฟ้าที่บันทึกเอาไว้ได้ในช่วงเวลาต่างกัน ภาพทางซ้ายคือช่วงเวลาประมาณปลายปี 2013 ซึ่งเป็นการถ่ายภาพด้วยฟิล์มขาวดำและได้สแกนเก็บไว้เป็นไฟล์ ส่วนทางซ้ายก็ถ่ายในช่วงเวลาเดือนเมษายน 2558 เป็นระยะเวลาที่ห่างกันประมาณ 17 เดือน

ภาพต้นฉบับของทั้งคู่คือภาพต่อไปนี้
PICT0010
ภาพขาวดำจากกล้อง nikon fm2n เลนส์ 50f1.8 ฟิล์ม lucky200 ล้างด้วย d76 สแกนด้วยเครื่องสแกนฟิล์ม jumbl ราคา 99ดอลล่าร์จาก amazon

IMG_7711.JPG
ภาพขอบฟ้าเดือนเมษายน ถ่ายด้วยกล้อง canon eos6d เลนส์ 85f1.8

13เมษายน2558 ขอบฟ้าบอกจะฉี่ได้เป็นครั้งแรก

IMG_0159.JPG

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอบฟ้าถูกเปลี่ยนจากการใส่ผ้าอ้อมมาเป็นใส่กางเกงใน ปัญหาการฉี่ราดจะเจอบ่อยมากเพราะอยู่ในช่วงของการปรับตัว สิ่งที่ต้องสอนก็คือ ให้บอกก่อนจะฉี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนเริ่มต้น ขอบฟ้าจะโดนถามว่าจะอืไหม จะฉี่ไหม เป็นคำถามที่ถามก้ันบ่อยๆ ในบางครั้งขอบฟ้าตื่นขึ้นมาร้องไห้ ร้องอยู่หลายนาที สุดท้ายคือร้องเพราะจะฉี่ กว่าจะรู้บางครั้งก็ฉี่ราดแล้ว บางครั้งพ่อแม่ก็เดาถูกขอบฟ้าก็ได้ฉี่ในโถฉี่ ถ้าเดาไม่ได้หรือลืมไปว่าได้เวลาฉี่แล้วก็จะฉี่ราด ขอบฟ้าจะร้องไห้ต่อทันทีที่กางเกงเปียก การเรียนรู้ค่อยๆดีขึ้น จนวันนี้ วันที่ขอบฟ้าจับเป้าตัวเองแล้วบอกว่าอยากฉี่ ก็เลยจับถอดกางเกงแล้วให้ฉี่ในสนามเลย

IMG_0106.JPG

เป็นวันที่พ่อแม่รู้สึกดีมาก เพราะขอบฟ้าเรียนรู้ได้ผลระดับที่น่าพอใจ คนเป็นพ่อแม่กว่าจะผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปได้คงต้องทนล้างอึล้างฉี่กันนับไม่ถ้วน สิ่งของที่ควรจะเตรียมพร้อมก็คือกระโถน กระโถนแบบพกพา แบบเคลื่อนย้ายได้ง่ายๆ แบบไหนก็ได้ที่อยากใช้ ซึ่งบางทีเราก็ต้องใช้กระโถนในรถยนต์ด้วย

P_20150412_094621

พฤติกรรมที่ตามมาจากการเลิกแพมเพิสก็คือ ขอบฟ้าจะอยากใส่กางเกงในมากขึ้นและไม่ยอมใส่แพมเพิสอีกเลย ทำให้ตอนกลางคืนเป็นปัญหามาก เนื่องจากการนอนต่อเนื่องเป็นเวลานานยังไงก็ต้องฉี่ ถ้าไม่ใส่แพมเพิสก็ต้องมีฉี่ราดแน่นอน ผลก็คือ พอฉี่ราด กางเกงเปียก สักพักนึงก็จะร้องไห้ และอีกพฤติกรรมที่ต้องปวดหัวก็คือ ขอบฟ้าจะชอบกางเกงในบางตัวเป็นพิเศษ และจะถามหาตัวเดิม บอกว่าเอาไปซักก็ร้องจะเอาให้ได้ กางเกงในตัวอื่นก็ไม่ยอมใส่ สุดท้ายต้องเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่นแล้วรีบใส่ตัวที่ไม่ชอบเข้าไปแล้วใส่กางเกงนอกทับให้เร็ว


แล้วพอจะสอนเรื่องใส่กางเกงในก็เลยยกตัวอย่างให้ขอบฟ้าดูว่า คนที่ใส่กางเกงในผิด เอามาใส่ไว้ข้างนอกก็มี เปิดรูปให้ดู ขอบฟ้าก็ถามว่า ทำไมเขาใส่ผิดล่ะ เราก็อธิบายว่า คนนี้เขาไม่มีพ่อแม่คอยสอนก็เลยไม่รู้ว่าที่ใส่อยู่มันผิด ขอบฟ้ามีพ่อแม่คอยสอนเลยใส่ไม่ผิด

Honda freed ครบปีที่ 5 ซ่อมดุมล้อหลัง

ฮอนด้าฟรีดผ่านการใช้งานมาครบ 5 ปีแล้ว ยังไม่มีอาการเสียที่หนักหนา มีเพียงดุมล้อหลังที่ลูกปืนแตก อาการนี้ช่างที่ร้านทำเบรกเคยแจ้งไว้แล้วเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ตอนนั้นยังไม่หนักมาก เป็นแค่มีรอยร้าว เริ่มแตก แต่มาในเดือนนี้ เสียงลูกปืนล้อดังมาก เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กมต่อชั่วโมงจะมีเสียงเหมือนเราเร่งเครื่องดังมาก คล้ายๆกับมีมอเตอร์ไซด์บิดตามรถเรา

P_20150409_093622

เอาเข้าไปเช็คระยะ 130000 กม. ที่ศูนย์ฮอนด้า เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองแอร์ กรองเบนซิน ก็ให้ช่างที่ศูนย์ตรวจดุมล้อให้อีกที ช่างศูนย์ก็รายงานว่ามีอาการลูกปืนแตกแล้ว ข้างขวาแตก ข้างซ้ายยังไม่แตก แนะนำให้เปลี่ยน ศูนย์แจ้งราคามาเกือบหกพันบาทรวมค่าแรงแล้ว เราเองก็รู้สึกว่าอยากลองสืบราคาที่อื่นดูก่อน และอีกอย่าง ช่างให้ความรู้มาว่า ลูกปืนแตกยังขับได้ แค่จะมีเสียงดังกวนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

P_20150407_151235

ไปเช็คที่อู่ซ่อมฮอนด้าภายนอก ไปที่ร้านแห่งหนึ่งแถวพระรามสาม เป็นร้านที่เพื่อนเคยแนะนำ และผมก็เคยเอา freed ไปซ่อมแล้วหนึ่งครั้งซึ่งครั้งที่แล้วเป็นอาการหัวฉีดสกปรก ก็ทำการล้างทำความสะอาดให้ ค่าใช้จ่ายหลักร้อย แต่คราวนี้ดุมลูกปืน ช่างนอกเสนอราคามารวมค่าแรงแล้ว 3900 บาท ราคาถูกกว่าศูนย์สองพันบาท แต่ใช้อะไหล่เทียบให้แทน เพราะถ้าเอาอะไหล่แท้เบิกศูนย์ก็จะราคาเท่าศูนย์ ไม่ได้ถูกลง แต่จะได้ซ่อมเลยภายในวันเดียว ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จ ก็เลยตกลงซ่อม ค่าใช้จ่ายออกมาดังนี้
ค่าของ 3400 บาท ค่าแรง 500 บาท รวม 3900 บาท

P_20150407_151225

บันทึกไว้เพื่อให้คนที่ใช้รถรุ่นได้มีข้อมูลทางเลือกสำหรับการซ่อมนอกศูนย์ครับ