เราได้เรียนรู้การเพิ่ม visibility ด้วยวิธีการต่างๆมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การทำงานอาสาสมัครเพื่อทำธุระบางอย่างของกลุ่ม ทำให้คนในกลุ่มได้รู้จักเรา การเลือกทำตัวเป็นเจ้าภาพผู้รู้เรื่องที่ช่วยให้แขกและสมาชิกในกลุ่มได้รับความสะดวกในด้านต่างๆในแต่ละอีเว้นท์ และเลือกทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำเพื่อให้เราถูกจดจำได้ว่าเราพยายามทำอะไร มาคราวนี้เราจะเพิ่มอีกวิธีที่ทำให้เรามี Visibility ที่ชัดเจนมากขึ้นและวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง ทำแบบนี้ครั้งเดียว เหมือนเราทำทุกอย่างที่เคยกล่าวไว้รวมกันเลย
นั่นคือ การจัดอีเว้นท์ของตัวเอง โดยเราจะต้องเป็นผู้วางแผนและดำเนินการเองในทุกๆขั้นตอน หรือ เรียกว่า Full Organized การจัดอีเว้นท์พิเศษนี้จะทำให้เราเป็นเจ้าภาพอย่างแท้จริง มีการติดต่อพูดคุยกับผู้มาร่วมงานทุกคน ทุกคนสามารถรับรู้สิ่งที่เรานำเสนอทั้งทางตรงและทางอ้อมได้โดยอัตโนมัติ
การจัดอีเว้นท์เราสามารถเลือกทำได้ทั้งระดับเล็กและระดับใหญ่ ตามความชำนาญของเรา ระดับเล็กๆก็อาจจะเป็นการจัดประชุมนอกสถานที่ ประชุมกลุ่มย่อย เราเป็นตัวตั้งตัวตี เราโทรคุยและนัดหมายทุกคน เราเลือกสถานที่ เราเลือกอาหารและเครื่องดื่ม เราติดตามผลการประชุมด้วยตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ถูกเชิญทุกคนได้รู้จักและสามารถตัดสินคุณได้ว่าคุณมีตัวตนแล้ว และมีคุณภาพไหม? ซึ่งเป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากงานสิ้นสุด
การจัดอีเว้นที่ใหญ่ขึ้นก็ดังเช่น การจัดเยี่ยมชมบริษัท หรือ company visit คนที่ถูกเชิญจะรับรู้ว่าบริษัทของเราทำอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน การไปเยี่ยมชมจะทำให้เขารู้รายละเอียดที่มากขึ้น และอีเว้นต่างๆนี้จะใช้เวลาหลายชั่วโมง มันทำให้เกิดการรับรู้ได้ง่าย และจำได้แม่นยำยิ่งขึ้น
เราหลายคนต่างเคยผ่านการจัดอีเว้นท์ใหญ่ในชีวิตเรามาแล้ว นั่นคือการแต่งงาน ตอนเราจัดงานแต่งงาน เราทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เราได้ดูรายชื่อทุกคน วิเคราะห์ทุกรายชื่อ ได้ทักทายต้อนรับแขกทุกคน ได้ถ่ายภาพกับทุกคน และได้แสดงอะไรบางอย่างบนเวที ได้กล่าวขอบคุณ และได้อำลาตอนจบงาน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แขกรู้รายละเอียดของเจ้าภาพมากขึ้น
เป้าหมายของ Viisibility ก็คือ ทุกคนในกลุ่ม รู้ว่าคุณคือใคร ทำอาชีพอะไร และจะติดต่อคุณได้อย่างไร สิ่งตามมาหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น นั่นคือการสร้าง creditablity นั่นเอง
