ทดลองล้างฟิล์มขาวดำ

pockethifi's avatarPockethifi's Blog

ทดลองล้างฟิล์มขาวดำ

ผมขอบงานถ่ายภาพขาวดำ ก็เลยพยายามศึกษาและหัดล้างอัดเองเมื่อสักสิบปีก่อน มีอุปกรณ์ทุกอย่างตั้งแต่การล้างฟิล์มไปจนถึงเครื่องอัดภาพ แต่พอเริ่มทำงานอื่นๆเต็มตัว งานอดิเรกอย่างการล้างอัดฟิล์มขาวดำก็ไม่ได้ทำอีกเลย

ปีนี้ผมตั้งใจจะลองล้างอัดอีกครั้ง แต่พอจะไปใช้สารเคมีตัวเดิมที่เคยใช้ก็ปรากฏว่าไม่มีขายแล้ว เลยต้องเปลี่ยนสารเคมีเป็นตัวอื่น และก็ต้องมีการทดลองล้างก่อน ก่อนที่จะไปล้างฟิล์มที่คาดหวังตัวจริง

สารเคมีตัวที่หาซื้อได้ในปี พศ. 2555 นี้ คือโกดัก D-76 ชนิดผง น้ำหนักของทั้งซอง 415 กรัม ใช้ละลายน้ำ 3.8 ลิตร เพื่อเตรียมเป็นน้ำยาเข้มข้น เมื่อจะล้างจริงต้องเอาน้ำยาเข้มข้นไปผสมน้ำอีกเท่าตัวเพื่อใช้งาน สรุปสุดท้ายก็คือ ผลโกดัก d-76 จะผสมสุดท้ายเป็นน้ำยาใช้งานได้ 7.6 ลิตรนั่นเอง แต่การผสมน้ำยาเพื่อใช้ทั้งซองมันไม่ค่อยเหมาะกับผมสักเท่าไหร่ เพราะน้ำยาทั้งหมดจะล้างฟิล์มได้ประมาณ 25 ม้วน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานได้ครบภายในเวลากี่เดือน อายุของน้ำยาที่ผสมแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน ถ้าเก็บไม่ดี จะอยู่ได้ 6 เดือนถ้าเก็บดี

ผมเลยใช้วิธีหารด้วย 25 เสียเลย เอาน้ำหนักทั้งหมด 415g หารด้วย 25 ได้ 16.6 กรัมเพื่อเอาไว้ใช้กับฟิล์ม 1 ม้วน จากนั้นก็อาศัยการชั่งน้ำหนักผง d-76 ทีละ 16.6 กรัมแทน เดือดร้อนต้องไปซื้อเครื่องชั่งดิจิทัลมาใช้งาน กว่าจะหาเจอว่าต้องซื้อที่ไหนก็ใช้เวลาอีกหลายวัน

ได้เครื่องชั่งมาแล้วก็เริ่มล้างฟิล์มเลย ผมไปเอาขวดน้ำดื่มขนาด 600cc มาเป็นขวดผสมสารเคมี เอาน้ำใส่แท้งค์ล้างฟิล์มแล้วเทลงขวดน้ำดังกล่าว เอาปากกาเมจิกขีดไว้ว่าน้ำต้องอยู่ระดับนี้ จากนั้นก็เอาขวดพร้อมน้ำไปเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นน้ำให้ได้ประมาณ 50องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ระบุไว้บนซอง ใส่ผง d-76 จำนวน 16.6 กรัมเข้าไปแล้วคนให้เข้ากัน

พอเตรียมน้ำยาล้างฟิล์มเสร็จ ก็เตรียมน้ำยาตัวที่สองซึ่งทำหน้าที่หยุดสภาพของฟิล์มหรือ fixer อีกขวด ซึ่งก็ใช้ขวดน้ำดื่มขนาดเดิม เทน้ำยา fixer สำเร็จรูปไว้ในขวดความสูงเท่ากับน้ำยาล้างฟิล์มตัวแรก

ก่อนจะล้างต้องเอาน้ำยาทั้งสองขวดไปแช่ตู้เย็นเสียก่อน เพราะการล้างฟิล์มต้องใช้อุณหภูมิประมาณ 20-24 องศา เวลาในน้ำยาประมาณ 4-7 นาที ซึ่งต้องไปดูข้างกล่องฟิล์มว่าเขาออกแบบให้ล้างที่อุณหภูมิที่เท่าไร เวลากี่นาที แต่ละยี่ห้อจะใช้อุณหภูมิและเวลาไม่เท่ากัน การถ่ายภาพขาวดำจึงควรจะเก็บกล่องกระดาษที่ใส่ฟิล์มเอาไว้ก่อนจนกว่าจะล้างเสร็จเพื่อดูข้อมูลตอนล้างนี่เอง

ฟิล์ม lucky ความไว 100 ผมซื้อเอาไว้ตั้งแต่ปี คศ 2008 มันหมดอายุตอนปี 2010 ผมถ่ายเล่นไว้ตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้มา แล้วก็ค้างในกล้องตั้งแต่นั้นจนมาถึงวันนี้ 15 กรกฎาคม 2555 หรือปี 2012 ถึงจะได้เอามาล้าง ฟิล์มหมดอายุไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียส กะแค่ว่าลองล้างเล่นๆ

lucky d-76 develop table

กล่องฟิล์มระบุระยะเวลาไว้ว่า 24องศาเซลเซียส เวลา 3.5 นาที ผมก็เลยล้างไปซะ 4 นาที เพื่อชดเชยนิดหน่อยสำหรับฟิล์มหมดอายุ ซึ่งการชดเชยไม่มีหลักการที่แน่นอน ใช้วิธีเดาล้วนๆ ล้างฟิล์ม 4 นาที เขย่าแท้งค์ทุกครึ่งนาที แล้วแช่ด้วยน้ำยา fixer อีก 5 นาที จากนั้นเอาไปแช่น้ำไหลทิ้งเรื่อยๆประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วก็เก็บตาก ทุกภาพติดขึ้นมาน่าพอใจ ฝีมือการโหลดฟิล์มเข้าแท้งค์ของผมยังใช้ได้ โหลดฟิล์มไม่ติดเลย ทุกพื้นที่ของฟิล์มโดนน้ำยาสม่ำเสมอ ไม่ด่าง ไม่แหว่ง

ที่หัดมาทั้งหมดก็เป็นการเตรียมตัวสำหรับการถ่ายภาพลูกของผมเอง ผมจะเก็บภาพลูกเป็นฟิล์ม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากมีภาพลูกเป็นฟิล์ม ทั้งที่มีกล้องดิจิทัลอยู่กับตัว…

View original post 31 more words

สนามบินสุวรรณภูมิ พ.ศ.2549

สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนเปิดให้บริการ ได้มีการจัดประกวดถ่ายภาพเพื่อหาภาพชนะเลิศใช้ทำสื่อต่างๆของสนามบินอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดทำการ การประกวดถ่ายภาพเริ่มต้นก่อนสนามบินเปิดประมาณ 3-6 เดือน (จำไม่ได้แน่นอน) ผู้ชนะเลิศเป็นใครผมจำไม่ได้ รู้แค่ว่าภาพชนะเลิศ มันคล้ายกับภาพที่ผมถ่ายเช่นกัน แต่ภาพชนะเลิศเขายืนห่างจากจุดที่ผมยืนไปอีกหลายสิบเมตร เพราะมุมภาพเดียวกัน แต่องค์ประกอบหลวมกว่า เหมาะกับการใช้ทำสื่อสิ่งพิมพ์มากกว่า

neg-airport-imgpaper005-1

มันคือภาพข้างบนนี้แต่ถอยหลังไปถ่ายไกลกว่า และภาพไม่เอียง ภาพที่ผมถ่ายมันดูแน่นเกินไป ในวินาทีนั้นทำไมผมไม่คิดจะเดินถอยหลัง อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยผสมความขี้เกียจเนื่องจากถ่ายภาพมายาวนานเกือบหกชั่วโมง ภาพท้ายๆฟ้าเริ่มมืด ยุงเริ่มกัดทะลุกางเกงยืน ผมไม่สามารถยืนนิ่งๆได้อีกแล้ว ยุงกัดจริง เจ็บจริง ยุงกัดจนผมไม่มีสมาธิจะตั้งขาตั้งกล้องให้ตรงเลย ตอนที่สแกนภาพเพื่อดูบนจอ ผมเห็นว่าภาพนี้มีความเอียงจนไม่ควรใช้เป็นภาพส่งประกวด ถึงส่งก็คงไม่ได้รับคัดเลือกเพราะมันเป็นภาพที่องค์ประกอบแย่มาก

หลายเดือนต่อมาผมขายภาพนี้ให้กับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง เขาซื้อภาพนี้ไปด้วยเหตุผลคือ มันเหมือนเป็นภาพเดียวกับภาพชนะเลิศ แต่เขาเอาไปคร๊อปภาพทำให้สัดส่วนสมบูรณ์ขึ้นได้ และใช้ทำเป็นสื่อเพื่อใช้ทางธุรกิจประกันภัย

neg-airport-imgpaper005-3

นี่คือภาพอื่นๆที่ผมเห็นว่าสวยแต่กรรมการไม่เห็นเหมือนผม ภาพอื่นๆอีกสองภาพของผมที่ตัดฟิล์มส่งไปยังกองประกวด ป่านนี้คงสาบสูญไปแล้ว การประกวดมีข้อดีคือเป็นเวทีของนักถ่ายภาพสมัครเล่นให้ได้แสดงฝีมือ แต่ภาพที่ไม่ได้รับรางวัลก็กลายเป็นขยะไป หรืออาจจะกลายเป็นสินทรัพย์ใช้ได้ฟรีๆไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ก็ได้ ใครจะรู้

neg-airport-imgpaper005-2

จดหมายถึงขอบฟ้า

วันที่ 27 มีนาคม 2557 ผมรู้สึกอย่างเขียนข้อความบางอย่างถึงลูก เลยออกมาเป็นกลอนแบบนี้

จดหมายถึงขอบฟ้า

ปีนป่ายก่ายกันนอน
หัวไร้หมอนตอนรุ่งสาง
ทับแขนทับพุงกาง
มือเท้าวางอยู่ข้างกัน

ตื่นมาน้ำตาไหล
แม่แม่หายอยู่ไหนหนอ
ลูกเอ๋ยจงนั่งรอ
เดี๋ยวพ่อพ่อเล่าให้ฟัง

หุงข้าวกับทอดปลา
แม่ขึ้นมาในทีหลัง
ผ้าอ้อมเหม็นหนักจัง
นอนเอนหลังเปลี่ยนผืนใหม่

แปรงฟันเรื่องโหดร้าย
ลูกโวยวายไปถึงไหน
แปรงเสร็จหอมชื่นใจ
ยื่นปากให้พ่อแม่ดม

หยิบกล้องส่องรอยยิ้ม
ยิ้มอิ่มอิ่มพ่อสะสม
วิ่งเล่นเป็นลิงลม
ป้อนข้าวต้มแทบไม่ทัน

กินข้าวแล้วเดินเล่น
ต้องเคี่ยวเข็นเป็นครึ่งวัน
กินนมก่อนนอนฝัน
นอนกลางวันได้นานนาน

หนังดีเพลงไพเราะ
หนังเรือเหาะบู๊ล้างผลาญ
ทุกอย่างไม่พบพาน
ตั้งแต่วันที่ลูกมา

อ้อมกอดพ่อแม่เจ้า
ไม่ใหญ่เท่าผืนโลกา
แต่จะอุ้มเจ้าขอบฟ้า
เท่าเวลาที่หายใจ

DSC_1335.JPG

IMG_9363

IMG_0150.JPG

IMG_0100.JPG

ปีคศ 2024 โลกเรามีระบบ AI ที่ฉลาดมาก สามารถทำงานหลายอย่างได้อย่างมหัศจรรย์ และได้ลองเอากลอนนี้ไปทำเป็นเพลงได้ออกมาเป็นแบบนี้