รีวิวกล้อง Nikon v1
กล้อง Nikon v1 เป็นกล้องที่ออกสู่ตลาดเมื่อปลายปี คศ 2011 นับถึงวันที่ผมนำมาเขียนมันก็ผ่านมาสองปีกว่า ตกรุ่นไปสองครั้งแล้ว เพราะในปัจจุบันมีกล้อง Nikon v2 และ v3 เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีมุมน่าสนใจคือ ยังคงมีกล้องรุ่น v1 วางขายในราคาเคลียร์แล้นด้วยเช่นกัน
v1 เป็นกล้องที่เรียกว่ากล้อง mirrorless หรือกล้องไร้กระจก ซึ่งผมออกจะแปลกใจเล็กน้อยที่ศัพท์คำนี้เป็นศัพท์ยอดฮิต เป็นตัวแทนของกล้องรุ่นใหม่ไปเสียได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่โลกของเรามีกล้องถ่ายรูประดับโฮมยูสมาเกือบร้อยปี กล้องตัวแรกๆของโลกก็เป็นกล้องแบบ mirrorless เหมือนกัน แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครบัญญัติศัพท์ให้เท่านั้นเอง คงเป็นเพราะกล้องระบบ SLR หรือ Single len reflex เป็นกล้องที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามมาตลอดหลายสิบปี เป็นกล้องที่มีกลไกของกระจกสะท้อนภาพที่บังหน่วยรับภาพอยู่ การเอากระจกชิ้นนี้ออกก็เลยดูเหมือนเป็นการปฏิวัติการออกแบบ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการถอยกลับไปสู่ระบบดั้งเดิมมากกว่า
ผมรู้จักกับ v1 มานานตั้งแต่ที่มันมีการเปิดตัว ติดตามข่าวสารและคำวิจารณ์มาโดยตลอด และมีสิ่งที่เป็นความเชื่อฝังใจส่วนตัวอยู่ว่า กล้อง mirrorless เป็นกล้องที่ยังไม่สุกงอม ยังขาดโน่น ขาดนี่อีกหลายอย่าง ยิ่งผมใช้งานกล้องรุ่นที่ใช้เซ็นเซอร์ fullframe มาตลอดหลายปียิ่งทำให้การแบ่งวรรณะในความคิดผมชัดเจนมาก กล้อง mirrorless ที่เกิดมาก่อน Nikon v1 เป็นกล้องที่ทำงานช้า โฟกัสช้า มี noise มหาศาล mirrorless มีภาพลักษณ์เหมือนเอากล้องคอมแพ็คราคาถูกมาถอดแยกเลนส์ออกจากบอดี้ แล้วจัดชุดขาย โปรโมทว่าเปลี่ยนเลนส์ได้ คุณภาพที่มีจะอยู่ในระดับสมัครเล่น
ผมใช้กล้อง fullframe มาหลายปี จนกระทั่่งมีลูก แรกๆก็ยังใช้กล้อง Dslr ถ่ายภาพได้อย่างภาคภูมิใจ มีนอกใจไปซื้อกล้องคอมแพ็คตัวอื่นอย่าง fuji x100 มาใช้บ้าง ซึ่ง x100 เป็นกล้องที่ให้ภาพสวย โฟกัสไม่เร็ว แต่มันไม่เป็นปัญหากับผม จนกระทั่งวันหนึ่งที่ลูกเริ่มวิ่งได้ เด็กน้อยน่ารักที่เคยนอนนิ่ง นั่งนิ่งๆกลายเป็นลิงแสนซน Fuji x100 ไม่สามารถจะถ่ายภาพลิงน้อยได้อีกเพราะลูกของผมมันวิ่งเร็วกว่าความเร็วในการโฟกัส ส่วนกล้องโปร fullframe ของผม ก็ยังห้าสิบห้าสิบ คือบางทีก็โฟกัสทัน บางทีก็โฟกัสไม่ทัน ถ้าโฟกัสกลางภาพแล้วขยับกล้องจัดองค์ประกอบ ลูกก็หายไปจากช่องมองภาพแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหา คือ กล้องที่มีอยู่ถ่ายภาพลูกไม่ทัน

ภาพจาก eos6d เลนส์ 24-105f4 โฟกัสไม่ทัน
การถ่ายภาพเด็กเป็นเรื่องยากมาก ยากกว่าการถ่ายสัตว์เลี้ยง และยากกว่าการถ่ายภาพนกบินเสียอีก ภาพนกนางนวลที่บางปูผมยังสามารถเก็บภาพได้พอสมควร ไม่ว่านกจะบินเร็วแค่ไหน เพราะว่าเราคาดเดาทิศทางการบินของมันได้ สัตว์เลี้ยงก็เดาได้ มันมีจังหวะที่นิ่งให้เราถ่ายได้ไม่ยาก แต่กับเด็กซนๆคนหนึ่งนั้นจะมีความยากคนละเรื่องเลย ระดับความยากผมถือว่ายากที่สุด

ภาพจาก eos6d เลนส์ 24-105f4 ภาพนี้อาศัยมุมกว้าง และเลือกโฟกัสตรงกลางเพื่อเก็บให้ทัน
ผมเริ่มอยากได้กล้องตัวใหม่ที่จะใช้ถ่ายลูกตัวเองได้ วิเคราะห์แล้วมันก็คงเป็นกล้องคอมแพ็คที่มีความเร็วสูง หยิบใช้ง่าย ถ้า x100 ถูกพัฒนาให้โฟกัสได้เร็วมากๆผมก็คงไม่ต้องซื้ออะไรใหม่ แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ก็มีกล้อง mirrorless ที่พัฒนากันมาอย่างเต็มที่จนกระทั่งมันเร็วพอ เร็วพอที่จะต่อกรกับกล้อง dslr นั่นคือกล้องของ olympus รุ่น omd-em5 และมันก็เป็นมาตรฐานใหม่ของกล้อง mirrorless ที่มีความเร็วสูง สามารถโฟกัสได้ทันอกทันใจ ซ้ำยังสามารถแตะหน้าจอเพื่อทำการโฟกัสได้ด้วย แตะแล้วโฟกัสแล้วสั่งให้ถ่ายภาพได้เลย มันเป็นความแปลกใหม่ที่แสนสะดวกสบาย มันเร็วจนผมอยากได้ และมันก็เป็นที่มาของการค้นคว้าหาข้อมูลของ Nikon v1 ออกมาอ่านใหม่อีกรอบ

อีกภาพที่โฟกัสไม่ทัน eos6d เลนส์ 24-105 f4
ช่างภาพส่วนใหญ่ทั่วโลกส่ายหัวให้กับ Nikon v1 ทันทีที่มันเปิดตัว เพราะมันเป็นกล้องเซ็นเซอร์เล็กมากเมื่อเทียบกับกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ตัวอื่นๆ ความเล็กของเซ็นเซอร์ทำให้มันไม่สามารถให้ภาพชัดตื้นหลังละลายได้เหมือนกล้องเซ็นเซอร์ใหญ่ ช่างภาพส่วนใหญ่ที่มีธงอยู่ในใจว่าจะใช้กล้องโปร fullframe ก็เลยไม่ชอบ อ่านไปอ่านมาจากหลายๆเว็บมันมีข้อเสียแค่ข้อนี้ข้อเดียวจริงๆ ที่เหลือคือข้อดี คือการพัฒนา คือการยกระดับ คือการวางมาตรฐานใหม่ คืออะไรหลายอย่างๆที่กล้องในอุดมคติควรจะมี

Nikon v1 กับสภาพแสงปกติ ให้ภาพที่ดีน่าพอใจ
การโฟกัสภาพได้ทั้งจอภาพในขณะที่ความเร็วในการโฟกัสยังสูงอยู่ เป็นสิ่งที่ dslr ไม่มี การโฟกัสใบหน้าที่กล้องคอมแพ็คและกล้องในโทรศัพท์มือถือทำได้ดีก็สามารถทำได้ดีมากๆใน v1 ซึ่ง dslr ก็ทำไม่ได้เช่นกัน แค่สองอย่างนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รูปถ่ายของลิงน้อยของผมโฟกัสชัดตลอดเวลา รวมไปถึงลูกเล่นการถ่ายภาพได้ต่อเนื่องระดับ 60 ภาพต่อวินาทีแล้วบันทึกเป็นภาพให้เราเลือก 5 ภาพ ก็เป็นการการันตีได้เลยว่าเราจะได้ภาพที่ใช้งานได้ ไม่ใช่ว่าโฟกัสชัดแล้วดันเก็บภาพจังหวะลูกหลับตาพอดี การได้มา 5 ภาพ ยังไงก็ต้องมีภาพที่ลืมตาแน่ๆ





ห้าภาพที่ได้จากการถ่ายครั้งเดียว แต่ละภาพจะห่างกันเสี้ยววินาที สังเกตที่ปากจะแตกต่างกัน
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอก็ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นที่ช่างภาพหลายคนไม่เคยสนใจ อาจจะเพราะไม่เคยคิดว่าจะใช้กล้องถ่ายภาพมาถ่ายวิดีโอก็ได้ อาจจะด้วยความเชื่อเก่าๆ ความเชื่อจากประสบการณ์เก่าๆ ซึ่งความสามารถในการถ่ายวิดีโอของ v1 ต้องยกนิ้วให้ เพราะมันทำหน้าที่ได้ดีกว่า dslr ที่เกิดมาก่อนมันทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นความสามารถแบบมาตรฐานที่ถ่ายวิดีโอระดับ full hd ได้ มันยังถ่ายได้ถึงระดับ 1080i 60 เฟรมต่อวินาทีด้วย และระหว่างถ่ายวิดีโอยังสามารถกดเพื่อเก็บภาพนิ่งได้เต็มความละเอียดของเซ็นเซอร์เสียอีก และยังเพิ่มลูกเล่นการถ่ายภาพสโลโมชั่นเท่ห์ๆระดับ 400 ภาพต่อวินาที และสูงได้ถึง 1200 ภาพต่อวินาที ลูกเล่นเหล่านี้กล้อง dslr ตัวละหลายแสนยังทำไม่ได้เลย
ภาพโยนลูกกอล์ฟแบบสโลโมชั่น 400fps
ผู้ออกแบบกล้อง Nikon v1 น่าจะคิดไว้แล้วว่าจะต้องมีคนเอา v1 ไปถ่ายวิดีโอด้วย เลยเพิ่มความสามารถต่างๆด้านวิดีโอเข้าไป รวมไปถึงการพัฒนา accessory ต่างๆที่ออกมารองรับการทำงานด้านวิดีโอ เห็นได้จากพอร์ตอเนกประสงค์ที่ติดอยู่บนตัวกล้องจะเป็นพอร์ตที่ทำได้หลายหน้าที่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาอุปกรณ์อะไรมาติด มันสามารถติดไฟส่องสว่างแทนสปอร์ตไลท็ มันสามารถติดไมโครโฟน พร้อมมีรูเสียบสาย mic ในตัวบอดี้โดยตรง สามารถติดตัวรับสัญญาณ gps ได้ ถ่ายภาพแล้วจะได้มีตำแหน่งบันทึกเอาไว้ เพราะซอร์ฟแวร์การจัดการภาพสมัยใหม่ล้วนแต่สามารถจัดหมวดหมู่โดยอาศัยตำแหน่งละติจูดและลองติจูดได้แล้ว
จุดเด่นของระบบ nikon1 ก็คือ เป็นระบบที่ใช้เซ็นเซอร์เล็กกว่าทุกระบบในกล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้ยกเว้นแต่ระบบของ pentax q เท่านั้นที่ใช้เซ็นเซอร์เล็กกว่า ซึ่งการใช้หน่วยรับภาพขนาดเล็กมีผลทำให้ระบบเลนส์ก็สามารถลดขนาดลงไปได้อีกมาก เลนส์ฟิกส์ติดกล้องในระบบของ nikon1 ถือว่ามีความเล็กมาก น้ำหนักก็เบาด้วยเช่นกัน กล้องอย่าง Nikon v1 พร้อมเลนส์ 10f2.8 ก็เป็นชุดคู่ขวัญที่มีขนาดเล็ก สามารถเลือกใช้เคสหรือกระเป๋ากล้องเล็กๆได้อย่างสบายใจ
ภาพที่ได้จากเลนส์เล็กๆรุ่นใหม่เหล่านี้ให้ภาพที่ใสได้อย่างน่าตื่นเต้น เพราะราคาค่าตัวของเลนส์ก็ไม่ได้แพง เพียงแค่ไม่กี่พันก็ซื้อเลนส์ตัวใหม่ได้แล้ว ระบบของ nikon1 เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของกล้องคุณภาพดี พร้อมเลนส์คุณภาพดี ได้ในราคาประหยัด ซึ่งมีเพียงข้อด้อยคือทำระยะชัดตื้นได้ไม่ดีเท่ากล้องเซนเซอร์ใหญ่ แต่ถ้าแข่งกันถ่ายชัด ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ ผมเชื่อว่าเอาภาพสองภาพจากกล้อง nikon v1 วางเทียบกับกล้องโปรเซนเซอร์ใหญ่ตัวละแสน ผมว่ามีคนดูไม่ออกแน่นอนว่าภาพไหนจากกล้องตัวเล็ก ภาพไหนจากกล้องตัวใหญ่
ข้อมูลทางเทคนิค ข้อมูลตัวเลขต่างๆจะขอข้ามไปไม่พูดถึง เพราะผมมีนิสัยไม่สนใจตัวเลขเหล่านี้ ช่วงสิบปีหลังมานี้ เวลาจะหากล้องใช้จะไม่ได้ดูเรื่องตัวเลขอีกแล้ว จะถามคำถามเพียงไม่กี่ข้อคือ มันโฟกัสได้เร็วหรือช้าเมื่อเทียบกับกล้องตัวเก่าที่ผมมี มันต่ออุปกรณ์ภายนอกเพิ่มเติมได้ไหม มีแฟรชในตัวไหม ต่อแฟรชเพิ่มได้ไหม แบตเตอรี่ติดกล้องมาถ่ายภาพได้เกินห้าร้อยภาพไหม ถ้ามันเปลี่ยนเลนส์ได้ เลนส์ตัวอื่นๆมีเลนส์อะไรให้เลือกบ้าง ราคาถูกหรือแพง ในกล้องตัวใหม่จะทำให้เราจะถ่ายภาพลักษณะไหนได้เพิ่มเติมซึ่งทำไม่ได้จากกล้องตัวเก่า คำถามเหล่านี้จะให้คำตอบว่า เราควรซื้อหรือไม่
รีวิวกล้อง nikon v1 กล้องตกรุ่นน่าใช้ ตอนที่ 2





