ขอบฟ้ากับคุณย่า

พาขอบฟ้ามาเยี่ยมคุณย่า ถ่ายภาพเล่นด้วยกล้องสองตัว ตัวแรกคือกล้อง LYTRO เป็นกล้องแนวแฟชั่นไฮเทค คุณภาพไม่ค่อยสวยมาก แต่ได้เรื่องลูกเล่นการโฟกัสภาพ ถ่ายก่อนโฟกัสทีหลัง อยากเห็นจุดไหนในภาพชัดก็กดที่บริเวณนั้นเพื่อโฟกัสใหม่

อย่างภาพนี้ มีรูปเด็ก แม่เด็ก ย่าของเด็ก และหมาอีกตัว คลิกที่จุดไหนเพื่อโฟกัสภาพใหม่ก็ได้ เป็นลูกเล่นที่สนุกดีเหมือนกัน

IMG_0862

วันนี้เตรียมตัวพาขอบฟ้าไปเยี่ยมคุณย่า ให้นมช่วงสายๆเสร็จก็เตรียมตัวขึ้นรถพาไปบ้านจอมทอง ก่อนจะออกก็ถ่ายรูปเล่นกัน ครั้งนี้ใช้กล้อง Eos5d กับเลนส์ 85 f1.8 เป็นหลัก หลังจากที่ใช้กล้องเล็กอย่าง Fuji x100 มานาน ภาพจากกล้องใหญ่เลนส์ใหญ่ตัวนี้ให้คุณภาพที่ดีมาก จะเรียกว่าเป็นกล้องเทพ เลนส์เทวดา ก็ไม่ผิดนัก

IMG_0865

หลานสาวชื่อ มิลิน เป็นลูกของพี่ชายอ้อย กำลังซน วิ่งและนอนได้ทุกที่ในบ้าน คลุกลงไปหมอบคู่กับหมาก็บ่อย ภาพนี้รอจังหวะเขาวิ่งเล่นไปหมอบข้างๆหมาแล้วก็ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก
IMG_0868

เด็กผู้หญิงเริ่มรู้จักการถ่ายรูปแล้ว บอกให้โพสท์ท่าก็ได้ภาพนี้มา ถ้าไม่ใช่กล้อง DSLR ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าจะได้อารมณ์ภาพและความไวแบบนี้ เพราะเด็กนิ่งอยู่แบบนี้แค่สองวินาที พ้นจากนี้ก็อด

IMG_0887

IMG_0891

ขับรถ Honda freed พาขอบฟ้าไปเยี่ยมคุณย่า วันนี้ขอบฟ้าโชว์ความเป็นเด็กดี ไม่งอแงเลี้ยงยากเหมือนทุกวัน ทักก็ยิ้มตลอด ใครเห็นใครก็รัก คุณย่าเห็นยังสงสัยเลยว่าเลี้ยงยากตรงไหน

IMG_0914

IMG_0920

IMG_0922

ตอนเย็นพากลับมาบ้านบางบัวทองแล้วก็พาไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ขึ้นรถเข็นแล้วตะลอนไปท้ายหมู่บ้าน

IMG_0958

IMG_0961

ขอบฟ้านั่งในรถเข็นไม่รู้เรื่อง คงไม่รู้ว่าพ่อแม่ทำอะไร มันก็นั่งอมมือไปเรื่อยๆ ท่าทางแบบนี้น่าจะเป็นที่มาของคำพูด “เด็กอมมือ”

IMG_0966

หมู่บ้านนี้อยู่บริเวณบางบัวทอง ตุลาคมปี 2554 น้ำท่วมใหญ่ ทิ้งร่องรอยให้เห็นตามรั้วบ้าน ใครจะซื้อบ้านมือสอง หรือโครงการใหม่ๆในพื้นที่เสี่ยงคงต้องคิดหนัก เพราะเห็นหลักฐานอยู่ว่าท่วมระดับไหน

IMG_0975

ตอนเข็นรถแม่จะเข็นรถไม่เร็ว แต่ช่างภาพถ่ายให้ดูเหมือนเร็ว เอาไว้ดูขำๆ

Honda Freed กับชีวิตเล็กๆ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เป็นวันที่ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาล

เช้ามืดวันที่ 20 เป็นวันนัดที่ผมจะพาภรรยาไปคลอดลูก  ลูกของผมเป็นผู้ชาย  ผมคิดชื่อให้เขาแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้เพศ  ถ้าเป็นผู้หญิงจะให้ชื่อกลางใจ ถ้าเป็นผู้ชายจะให้ชื่อขอบฟ้า  ชื่อกลางใจหมายถึงจุดที่ใกล้ตัวที่สุด  ชื่อขอบฟ้าหมายถึงที่ที่ไกลที่สุด มีความหมายเป็นนัยว่าไม่มีใครไปไกลกว่าขอบฟ้า

Untitled

ก่อนวันคลอด ผมหัดใส่คาร์ซีทในฮอนด้า freed  คาร์ซีทได้รับบริจาคมาจากพี่สาวของผมผู้ที่หยิบยื่นแคมรี่มาให้ผมขับอยู่แปดพันกิโลเมตรนั่นแหละ การติดตั้งคาร์ซีทเต็มไปด้วยความมึนงง ให้เพื่อนช่วยดูให้เหมือนกัน  ก็คิดว่าน่าจะติดได้ไม่ผิด  แต่ก็ไม่มั่นใจ  จัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง กระเป๋าภรรยา และกระเป๋าของลูก  นอกจากนี้ยังเตรียมป้ายชื่อของลูกเอาไว้ด้วย ตั้งใจจะเอาไปใช้ติดหน้าเตียง เวลามีใครมาเยี่ยมจะได้หาได้สะดวก

Untitled

ผมขับรถไปโรงพยาบาลรามาตั้งแต่เช้ามืด เพื่อหนีรถติด  นัดหมอไว้เก้าโมงเช้า แต่แม่เด็กต้องไปเตรียมตัวตั้งแต่เจ๊ดโมง  ในห้องพักก่อนผ่าตัดผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดตัวเขียว เพื่อเตรียมตัวไปยืนลุ้นอยู่ข้างเตียงผ่าตัด  ระหว่างที่รอเวลา ผมทะยอยเตรียมของใช้ที่จำเป็น  ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิทัล Fujix100 พร้อมแบตเตอรี่สองก้อน เมมโมรี่อีก 16 Gb กล้องฟิล์ม Leica minilux ใส่ฟิล์มขาวดำเอาไว้เพราะผมต้องการภาพขาวดำแท้ๆเก็บไว้ด้วย  ลูกผมเกิดทีเดียว  ไมโครโฟนบันทึกเสียงก็เตรียมไว้เพราะอยากจะเก็บเสียงแรกให้ได้  แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พกเข้าไป  เพราะชุดเขียวไม่มีช่องให้ใส่อุปกรณ์อย่างอื่นเลย

Untitled

ในห้องผ่าตัดเป็นอย่างไรผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้  เพราะทุกอย่างมันเร็วมาก  รู้ตัวอีกทีลูกผมก็ถูกหิ้วออกมาที่เตียงเล็ก ทำการกระตุ้นระบบหายใจ ดูดน้ำออกจากปอด ผมเป็นพ่อคนแล้ว  พ่อมือใหม่ทำอะไรไม่ถูกเลย  ภาพเด็กเกิดใหม่น่าเกลีียดมาก เด็กคนนี้เหรอที่ผมร้องเพลงให้มันฟังบ่อยๆ  ผมจะเริ่มรักมันนาทีไหนกัน  พอเสียงเด็กดังขึ้น บรรยากาศทุกอย่างเปลี่ยนไปเป็นความสุขที่อบอวล ผมรักมันแล้วแหละ  จากนั้นก็ได้สติ ผมไปยืนถ่ายรูปพ่อแม่ลูกด้วยท่ามาตรฐานของทีมหมอที่เขาบรรจงถ่ายภาพให้อย่างมืออาชีพ  ผมว่าผมเป็นช่างภาพที่ถ่ายภาพมาเยอะ แต่ภาพครอบครัวคงต้องยกให้หมอและพยาบาลในนี้  เพราะเขาคงถ่ายวันละหลายครอบครัว ปีละสามร้อยหกสิบห้าวัน

Untitled

ผมใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลสามคืน  เพื่อให้ภรรยาพักฟื้นและทำความคุ้นเคยกับลูก หัดป้อนนม หัดอาบน้ำ  หัดอดนอน หัดตื่นทุกสามชั่วโมง ทุกอย่างพยาบาลค่อยๆฝึกเราทั้งคู่เพื่อให้พร้อมออกไปเลี้ยงลูกอย่างมั่นใจ  แต่จริงๆแล้ว พ่อแม่มือใหม่อย่างผมและภรรยามีแต่ความกลัว มีแต่ความวิตกกังวล  แต่ก็ทำหน้าเฉยๆเพื่อไม่ให้เสียกำลังใจ

ผมออกจากโรงพยาบาล พร้อมด้วภรรยาและเด็กชายขอบฟ้า  ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น  ผมขับ Freed คลานเป็นเต่าออกจากรั้วโรงพยาบาล  ทีแรกตั้งใจจะวางลูกไว้ในคาร์ซีท  แต่ลูกผมตัวเล็ก น้ำหนักเพียง 2778 กรัมตอนเกิด  รูปร่างยังเล็กมากเมื่อเทียบกับคาร์ซีทที่ติดไว้ในรถ  วางลูกลงไปแล้วทุกอย่างดูหลวมๆ  มันหลวมซะจนคิดว่าลูกน่าจะกลิ้งตกได้เลย  ภรรยาผมเริ่มใจเสีย  มีสิ่งที่ผิดคาดเกิดขึ้นในชีวิตแล้วหนึ่งอย่าง  ลูกนอนในคาร์ซีทไม่ได้ทำให้ต้องอุ้มอยู่อก  ซึ่งรู้กันอยู่แก่ใจว่าเป็นท่าที่อันตรายมาก  ถ้าผมขับเร็วไป หรือมีอุบัติเหตุอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้นลูกคงหลุดจากมือได้ง่ายๆ

Untitled

ขับรถออกจากรั้วโรงพยาบาลไปแค่ห้าสิบเมตรผมก็รู้สึกว่ารถแรงไปแล้ว  อยากขับให้ช้ากว่านี้  ผมกลัวลูกจะหลุดมือ กลัวว่าถ้าวิ่งเร็วลูกจะอันตราย  กลัวว่าถ้าต้องเบรกกระทันหันลูกจะหลุดจากอกแม่  ผมกลัวแค่ไหนภรรยาผมกลัวยิ่งกว่า  ผ่านไปหนึ่งสี่แยก มีรถเมล์วิ่งแซงรถผมไปแล้ว   ผมภาวนาให้รถติดเยอะหน่อยเพื่อให้ผมจะได้ไม่ต้องเร่งความเร็วขึ้นไป  อยากให้ทุกอย่างช้าลง  อยากให้รถติดค่อยๆขยับเพราะผมกลัวลูกหลุดมือ    ใครหลายคนเคยบ่นว่าอยากให้ฟรีดติดเครื่องสองพันซีซี  สถานการณ์ของผมผมกลับอยากได้เครื่องเล็กกว่านี้ อยากให้ถนนแคบกว่านี้  อยากวิ่งช้าๆ  ผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณรัก กับลูกอีกคนที่ทั้งคุณและภรรยาต่างพร้อมใจใช้ทั้งชีวิตที่เหลือเพื่อปกป้องและเลี้ยงดูเขา  ผมจะไม่ขับรถเร็วเด็ดขาด จะไม่เผลอปล่อยให้รถวิ่งแบบอันตรายเลยแม้แต่นาทีเดียว  ระหว่างรถติดผมหันไปมองภรรยาและลูกบ่อยมาก  ภรรยาเริ่มร้องไห้  ผมถามว่าทำไมถึงร้อง เธอบอกว่า เธอกลัว  กลัวเลี้ยงได้ไม่ดี  เห็นน้ำตาแล้วผมก็ทำอะไรไม่ถูกเลย  ผมบอกเธอว่า มีผู้หญิงเป็นล้านคนผ่านวันแบบนี้ไปได้พวกเราไม่โชคร้ายหรอก

Untitled

สามสิบวันผ่านไป  ผมนัดหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพและฉีดยาให้ขอบฟ้า  คาร์ซีทได้ใช้งานอีกครั้ง  คราวนี้ขอบฟ้าตัวโตขึ้น  วางในคาร์ซีทแล้วไม่หลวมเหมือนวันแรก  คาร์ซีทรุ่นนี้เป็นกระเช้าในตัว ประตูสไลด์ของ Freed ทำให้ผมจัดท่าของขอบฟ้าในคาร์ซีทได้สะดวก  ตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทที่ปลอดภัยที่สุดของรถยนต์คือหลังคนขับ  ผมเพิ่งพบข้อดีของ Freed อีกข้อหนึ่งที่ดีกว่ารถเก๋งตอนติดคาร์ซีทนี่แหละ  นั่นคือ  ผมสามารถติดคาร์ซีทไว้ที่แถวสองด้านขวาซึ่งอยู่หลังคนขับได้  และใช้เบาะแถวสองเลื่อนขึ้นหน้าเพื่อบีบให้คาร์ซีทติดแน่นไม่ขยับ  ถ้าเป็นรถเก๋ง  เราจะพบว่าคาร์ซีทมักจะติดอยู่กับเบาะหลังด้านซ้าย  เหตุผลก็เพราะว่าต้องเลื่อนเบาะหน้าลงมาดันคาร์ซีทเอาไว้  เนื่องจากรถเก๋งเลื่อนเบาะหลังไม่ได้  ถ้าติดด้านหลังคนขับจะกลายเป็นว่าต้องเลื่อนเบาะคนขับลงมาดันคาร์ซีท  ซึ่งมันก็ทำให้ตำแหน่งคนขับไม่อยู่ในตำแหน่งการขับที่ดี  อันตรายยิ่งกว่าเดิม  รถเก๋งเลยต้องติดด้านซ้ายแทน  แต่ Freed ติดคาร์ซีทหลังคนขับได้ เพราะไม่ต้องเลื่อนเบาะคนขับไปดัน  แต่ใช้เบาะแถวสองดันขึ้นมาแทน  มันดีกว่ากันตรงนี้

Untitled

มีอีกครั้งที่ Freed ทำให้ผมรู้สึกดี  ตอนที่พาขอบฟ้าไปหาหมออีกครั้งหนึ่งตอนครบหกสิบวัน  หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็แวะไปร้านขายของเด็ก  ภรรยาผมต้องการซื้อของใช้ให้ขอบฟ้า  ไปจอดที่ร้านค้าแล้วก็ให้ภรรยาเดินลงไปซื้อ ผมกับขอบฟ้ารออยู่บนรถ  ดูเหมือนเป็นคนไม่รักโลก เพราะจอดรถเปิดแอร์  แต่ผมให้อภัยตัวเอง เหตุผลง่ายๆก็คือผมรัก ลูกมากกว่ารักโลก  พอจอดได้ตำแหน่งที่ดีแล้ว ผมก็เข้าเกียร์ P แล้วเดินจากแถวหน้ามานั่งแถวสอง เพื่อเล่นกับขอบฟ้า  มาอยู่เป็นเพื่อนให้ขอบฟ้าเห็นหน้าจะได้ไม่ร้องไห้  แดดร้อน แต่ผมไม่ต้องลงจากรถเพื่อย้ายที่นั่ง  ยิ่งถ้าฝนตกยิ่งรู้สึกดีว่าเลือกรถไม่ผิด  ชีวิตครอบครัวที่มีเด็กเล็กการได้รถอย่าง Freed  มาใช้มันเป็นความอเนกประสงค์ที่รื่นรมย์  แม้ว่าจะใช้รถเก๋งก็เลี้ยงลูกได้ ไปไหนต่อไหนได้ไม่ต่างกัน แต่ความสนุกไม่เท่ากัน  ภรรยาผมสามารถโฟกัสกับลูกได้ตลอดเวลา ไม่ต้องพะวงกับการเปิดปิดประตู  เพราะประตูไฟฟ้าสั่งได้จากคนขับ  แม้แต่ตอนที่ผมนั่งเล่นกับลูก ผมก็กดรีโมทเปิดปิดประตูได้ตลอดเวลาที่ต้องการ  ชีวิตเหนือระดับมันเกิดขึ้นได้ง่ายๆใน Freed นี่แหละ

Untitled

ช่วงนี้ฝนตกบ่อยมาก ผมจะพาแม่กลับบ้านตอนเย็นทุกวัน  วันที่ฝนตก ผมให้แม่นั่งแถวสอง แล้วถือร่มเอาไว้  รอเปิดประตูรถตรงกับหน้าบ้านแล้วให้แม่กางร่มเดินลงไปเลย  ประตูไฟฟ้าสไลด์ออก แม่ค่อยๆกางร่ม แล้วเดินออกจากรถไป หัวไม่เปียก ของในรถไม่เปียก ไม่ต้องเอื้อมมือกลับมาปิดประตู เพราะผมสั่งปิดจากตำแหน่งคนขับได้ แม่เดินเข้าบ้านตัวแห้ง  ส่วนคนขับอย่างผมก็ดับเครื่อง แล้วเดินมาออกทางประตูสไลด์  วิ่งหนีฝนออกจากรถ แล้วค่อยกดรีโมทให้ประตูปิด  ไม่ต้องไปเสียเวลาหันไปปิดเอง

Untitled

ตอนนี้ขอบฟ้าเริ่มแสดงอารมณ์ได้แล้ว สามารถยิ้มทักกับทุกคนได้แล้ว รอยยิ้มของเด็กมันมีแรงดึงดูดประหลาด จะโกรธมันแค่ไหนตอนที่มันงอแง แต่พอมันยิ้มให้เราก็รักมันยิ่งกว่าเดิม

Untitled

รีวิวเครื่องเสียงลงในเว็บมั่นคงแม็กกาซีน

ผมรับงานเขียนรีวิวเครื่องเสียงให้เว็บนี้ครับ http://magazine.munkonggadget.com/

นับว่าเป็นการเขียนรีวิวเครื่องเสียงครั้งแรกในรอบหลายปี  ที่ผ่านมาเป็นการรีวิวของที่ใช้เองซะส่วนใหญ่  แต่คราวนี้พอมีการเปิดตัวแม็กกาซีนออนไลน์เกี่ยวกับเครื่องเสียง ผมก็สนใจอยากร่วมงานด้วย  ได้อีเมลคุยกับเจ้าของเว็บแล้วเขาก็เปิดโอกาสให้ ก็เลยเป็นที่มาของรีวิวเครื่องเสียงต่างๆ  นับจากนี้ไปน่าจะได้อ่านกันต่อเนืื่อง จนกว่าจะเจ๊งกันไปข้างหนึ่ง  หวังว่าคนที่ชอบเครื่องเสียงและสินค้า IT จะชอบสิ่งที่ผมนำเสนอนะครับ

 

รีวิวตัวที่สามAudio Gd Dac NFB11.32

http://magazine.munkonggadget.com/review-article/63/รีวิว-audio-gd-11-32

รีวิวตัวที่สองคือหูฟัง Sennheiser RS220

http://magazine.munkonggadget.com/review-article/60/รีวิว-หูฟัง-sennheiser-rs220

รีวิวตัวแรกก็คือ Samsung Galaxy Note Dock

http://magazine.munkonggadget.com/review-article/56/รีวิว-samsung-desktop-dock-galaxy-note