เตรียมงานแต่งงาน season2 การ์ดเชิญ

ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนี้ก่อนแต่งงาน แต่การเตรียมงานแต่งงานของผมก็ค่อนข้างยุ่ง เลยไม่ได้เขียนบล็อกอีกพักใหญ่ๆ และพอผ่านงานแต่งงานไปแล้วก็มีงานค้าง มีการเดินทางเข้ามาแทรกบ่อยๆ บทความนี้เลยถูกดองไปนานหลายเดือน

สิ่งพิมพ์ในงานแต่งงานเป็นของคู่กัน จะแต่งงานก็ต้องแจกการ์ด การ์ดเชิญงานแต่งงานทั่วไปก็จะเป็นการ์ดพับขนาดพับแล้วประมาณ 5×7 นิ้ว ใส่ซองสวยๆมีลวดลาย ผมก็เป็นคนที่พิมพ์การ์ดให้คนอื่นอยู่บ่อยๆ บางคนแหวกแนวหน่อยนึงก็ทำเป็นการ์ดเดี่ยว พิมพ์หน้าเดียวบ้าง สองหน้าบ้าง พิมพ์เป็นตัวหนังสือสีทองหรือสีเงินบ้าง ผมค่อนข้างเบื่อกับการ์ดต่างๆ เพราะที่เคยได้รับการ์ดเชิญมา มันก็ดูคล้ายๆกัน เวลาผ่านไปก็วางไว้ในลิ้นชัก นานๆเปิดเก๊ะออกมาดู มีการ์ดกองไว้เป็นปึก ดูผ่านๆก็ไม่รู้ว่าของใครบ้าง

ผมก็เลยตั้งใจว่าต้องออกแบบการเชิญให้เขาอยากเก็บการ์ดของผม ไม่ทิ้งขว้างหรือกองไว้แล้วดูไม่รู้ว่าเป็นการ์ดของผมเอง ก็เลยเป็นที่มาของการ์ดใหญ่ผิดปกติ และการ์ดเล็กที่ไม่ปกติเช่นกัน

การ์ดใหญ่ของผมจะขนาดใหญ่ประมาณ 13×18 นิ้ว พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัลบนกระดาษ ACQ 300g  จากนั้นก็จะเอาไปทากาวประกบกับกระดาษแข็งเบอร์ 16  เพื่อให้มีความหนา  สามารถจะหยิบถือแล้วทรงตัวเป็นป้ายได้เลย  การแจกการ์ดของผมก็คือจะเอาป้าย(การ์ดเชิญ) ไปให้เพื่อนถือแล้วถ่ายภาพนั้นไว้  จากนั้นก็จะปริ๊นท์ภาพถ่ายออกมาให้เพื่อนเป็นการ์ดเชิญ  ดูในภาพจะเห็นข้อความบนป้าย  มีรูปของเพื่อนอยู่ในนั้นมันทำให้การเชิญของผมน่าจะเป็นที่จดจำ และการ์ดของผมคงถูกทิ้งช้าลง หรืออาจจะไม่ถูกทิ้งเลย เหมือนกับที่ผมเก็บรูปถ่ายของตัวผมเองไว้ ไม่เคยคิดจะทิ้ง  อาจจะมีลืมว่าเก็บไว้ที่ไหน แต่จะไม่ทิ้ง

ให้เพื่อนถือแล้วก็ถ่ายภาพเก็บไว้

ผลัดกันถือ  อิริยาบถต่างกัน ตามสบายเลย

บางคนติดธุระอยู่  บอกให้ถือก็ถือ  ไม่ได้สงสัยว่าจะทำอะไร

บางคนหลับอยู่ ถือไม่ได้ ผมก็วางพาดเลย  แล้วก็ถ่ายภาพเก็บไว้

หลังจากนั้นก็อัดภาพให้กับเพื่อนๆทุกคน  สำหรับเพื่อนคนที่หลับผมก็อัดแล้วก็เอาไปวางบนตัวมัน ถ่ายภาพเก็บอีกทีหนึ่งเอาไว้แซวกันเล่นๆตอนแก่  ว่าตอนแจกการ์ดมันหลับอยู่  ไม่รู้ตัวเลย

ผมตั้งใจทำให้งานแต่งงานของผมมีความน่าสนใจ  ไม่อยากให้เพื่อนลืมง่ายๆ  อะไรที่ชาวบ้านเขาทำกันผมไม่ทำเลย  มันเป็นคอนเซ็ปแรกของการแต่งงานของผม

งานพิมพ์เร่งด่วน แก้ปัญหาให้ลูกค้าใบปลิวไม่พอ

วันที่ 1-4 กันยายน 2554 มีการจัดงานท่องเที่ยวที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลูกค้าประจำของผมไปออกงานนี้เช่นกัน งานนี้ใช้ใบปลิวสองแบบ พิมพ์ 4 สี 2 หน้า 1 งาน และ 4 สี 1 หน้าอีก 1 งาน รับอาร์ตเวิร์คก่อนงานประมาณ 5 วัน นัดส่งของที่สถานที่จัดงานก่อนวันเริ่มงานจริง 1 วัน หรือไปส่งวันที่ 31 สิงหาคม 2554 ตอนเย็นๆเพื่อรอใช้งานในวันถัดไป

วันที่ 31 สิงหาคม 2554 ผมไปส่งของเรียบร้อย ตอนประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ คนน้อยดี ก่อนหน้านี้ในครั้งก่อนๆ ผมไปส่งของช่วงเย็น ต้องไปแย่งกันจอดรถ คนเยอะ ขนของลำบาก แต่ถ้าไปดึกหน่อยคนเริ่มน้อย จอดรถง่าย ค่อยๆทำ ไม่ต้องรีบ สบายดี คราวต่อไปมาส่งดึกๆดีกว่า

วันที่ 2 กันยายน 2554 ตอนหัวค่ำ ลูกค้าโทรมาบอกผมว่า ใบปลิวกำลังจะหมด ที่ทำไว้ประมาณการว่าจะแจก 4 วัน แต่ผ่านไปแค่สองวันจะหมดแล้ว อาจจะเป็นเพราะคนเดินเยอะมาก เลยแจกใบปลิวมาก ลูกค้าถามว่าจะพิมพ์เพิ่มทำได้ทันพรุ่งนี้ไหม ผมบอกไม่ทัน ถ้าจะให้พิมพ์ใบปลิว 4 สี 1 หน้า มันจะต้องเร่ิมพิมพ์พรุ่งนี้ พิมพ์เสร็จต้องรอแห้งเพื่อตัดในวันถัดไป เร็วสุดที่ทำได้คือเอาไปส่งวันที่ 4 ตอนกลางวัน ซึ่งก็ช้าเกินไป ลูกค้าเลยตัดสินใจขอให้เอาไปช่วยถ่ายเอกสารแทนและฝากผมทำให้ด้วย จำนวน 8000 ใบ

ผมรับปากช่วยงาน แต่ไม่อยากทำเป็นงานถ่ายเอกสาร เพราะงานมันจะดูกระจอก เลยวางแผนพิมพ์ 1 สี บนกระดาษอาร์ตด้าน เพื่อให้สวยและเสร็จเร็ว และต้องทำให้มันไม่ต้องตัดกระดาษหลังพิมพ์เพื่อจะได้ห่อไปส่งที่งานได้ทันที เลยเปลี่ยนวิธีการพิมพ์ใหม่เล็กน้อย จากเดิมกระดาษ 1ใบใหญ่ ลงได้ 4 ใบเล็ก พิมพ์เสร็จต้องเอามาตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ งาน 8000 ใบเล็ก ก็พิมพ์แค่ 2000 ใบใหญ่ แล้วเอามาตัดแบ่ง ผมเปลี่ยนให้พิมพ์กระดาษใบเล็กเท่างานจริงไปเลย ทำเพลทใหม่สำหรับพิมพ์ใบเล็ก แล้วก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ พิมพ์เสร็จก็ห่อได้เลยไม่ต้องไปเสียเวลารอให้แห้งสนิทแล้วค่อยตัด คำนวณเวลาที่ใช้พิมพ์ได้ดังนี้ ทำเพลทตอนเช้าเพื่อพิมพ์สีดำ 1 ชม. ระหว่างนั้นตัดกระดาษรอ พอได้เพลทมาก็เริ่มพิมพ์ จับเวลาพิมพ์ได้นาทีละ 121 ใบ ก็เท่ากับว่าต้องใช้เวลาพิมพ์ประมาณ 70 นาที แต่จริงๆก็ใช้เวลานานกว่านั้นในการตั้งเครื่อง รวมๆแล้วใช้เวลาบนเครื่องพิมพ์ไป 2 ชม. รวมเวลาห่อและเดินทางอีก 1 ชม. ก็ครึ่งวันพอดี สรุปว่าแก้ปัญหาได้ ของไปถึงลูกค้าวันที่ 3 ตอนเที่ยง พอแจกไปจนจบงาน

การถ่ายเอกสารจากสิ่งพิมพ์ที่เป็นสี จะไม่สามารถทำให้สวยงามเท่ากับการพิมพ์สีดำ 1 สีได้ แม้โดยสามัญสำนึกมันจะทำได้เหมือนกัน แต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน เพราะภาพสีถ้าเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำอาจจะอ่านข้อมูลบางส่วนไม่ออก และการไล่ระดับสีเจ้าไปอ่อนจะทำได้ไม่ดี

งานต้นฉบับพิมพ์ 4 สี สแกนจากกระดาษจริง

ถ้าเอามาถ่ายเอกสารตรงๆจะเป็นแบบนี้ จะเห็นว่าตัวเลขราคา 5300 บาทจะจางกว่า และลายท้องฟ้าพื้นหลังบางส่วนจะหายไป

ต้องแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนค่าสีตัวเลขให้เข้ม แล้วทำเพลท 1 สี เพื่อพิมพ์ใหม่เลย คุณภาพงานจะดีกว่าการถ่ายเอกสารตรงๆ