วันที่ 28 กรกฎาคม 2553 เช็คระยะ 10000 กิโลเมตร เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง 703 บาท
วันที่ 23 มีนาคม 2554 เช็ค 30000 กิโลเมตร เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง แหวนรอง 1437.50 บาท
วันที่ 28 มีนาคม 2554 เปลี่ยนสปริงค์วาล์ว recall ไม่เสียค่าใช้จ่าย
Monthly Archives: March 2011
รถ honda freed 1 ปีต่อมา ต้องบำรุงด้วยวาสลีน
เมื่อประมาณเดือนที่แล้วมีข่าวว่า Honda เรียกรถสามรุ่นกลับไปเปลี่ยนสปริง 1 ตัว ซึ่งเป็นชิ้นส่วนเล็กๆในเครื่องยนต์ รถยนต์รุ่นที่โดนแจ็คพ็อตก็คือ Jazz City และ Freed เพราะใช้เครื่องยนตัวเดียวกัน แต่ว่า ไม่โดนทุกคัน มีเพียงบางล็อตเท่านั้น ซึ่งผมอยู่ในล็อตที่โดนเรียกครับ
การประกาศประกาศออกทางอินเทอเน็ต และผมไม่รู้ว่าผมอยู่ในล็อตที่โดนเรียกไหม? ทีแรกก็ลุ้นว่าจะไม่โดน แต่พอเมื่อสองวันก่อนเอารถเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะ 30000 กิโลเมตร พนักงานในศูนย์ก็ตรวจสอบเลขเครื่องยนต์แล้วแจ้งว่า ต้องเปลี่ยนสปริงวาล์วครับ
พนักงานอธิบายวิธีเปลี่ยนไว้ละเอียด สรุปแล้วเป็นงานที่ใช้เวลา ต้องรื้อเครื่องเยอะ ต้องรอเครื่องยนต์เย็นและใช้เวลา 3 ชั่วโมงต่อเนื่อง ดังนั้น ต้องนัดคิวล่วงหน้า วันที่ตรวจเช็คระยะ 30000 กิโลเมตรผมจึงทำได้แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง เท่านั้น การเปลี่ยนสปริงค์ต้องนัดในอีกห้าวันถัดไป
การเข้าเช็ครอบนี้เป็นตามกำหนดระยะทาง และได้ทำการบ่นเพื่อขอเคลมอาการเสียงพลาสติกกรอบในห้องโดยสาร เพราะในช่วงประมาณสามเดือนที่ผ่านมาผมสังเกตว่า เสียงพลาสติกหรือยางขอบประตูที่กั้นระหว่างประตูกับตัวถังรถยนต์มีอาการส่งเสียงดังเวลามีการเคลื่อนไหวหรือสั่นสะเทือน อาการคล้ายๆกับยางแข็งตัวแล้วทำให้เกิดการเบียดตัวไปมาทำให้มีเสียงดังผิดปกติ บอกช่างให้รับทราบ ช่างรับปากจะดูให้
ส่งรถตอนสายๆสิบโมงเช้านิดหน่อย บ่ายสามครึ่งพนักงานโทรมาแจ้งว่าทำเสร็จแล้วไปรับรถได้ ตอนไปรับก็ตรวจสอบความเรียบร้อย ไขน็อตครบทุกตัวไหม เพราะช่วงเดือนที่ผ่านมา ในเว็บบอร์ดพันทิพย์ดอตคอม ห้องรัชดา มีกระทู้บ่นและต่อว่ากรณีศูนย์บริการบกพร่อง ลืมไขน็อตให้ลูกค้าหลายยี่ห้อ หลายคันมาก พอถึงคิวผมต้องเข้าศูนย์เลยวิตกจริตนิดหน่อย ตอนรับรถเลยเดินดูล้อโดยรอบ แต่ก็ไม่พบอาการผิดปกติ
เรื่องเสียงรบกวนของยางขอบประตูช่างได้ทำการแก้ไขโดยการทาน้ำมันหล่อลื่นลงไปที่ตัวยาง เพื่อปรับสภาพผิวยางให้มีความอ่อนตัว เสียงหายไปสนิทเลย เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้รถยนต์ก็ต้องใช้วาสลีน หน้าหนาวผิวแตกเลยส่งเสียงดัง
ตอนนี้รถอยู่ในสภาพเหมือนใหม่ เงียบสนิท เครื่องยนต์เดินเรียบ อัตราการกินน้ำมันอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ก็คือ ขับเพลินๆได้ 11-12 กิโลเมตรต่อลิตร ขับทางไกลได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ขับแบบงกๆพยายามประหยัดที่สุดจะทำได้ 18 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ว่าต้องขับช้าลงและอาจจะทำให้รถคันอื่นรำคาญได้
ประมาณสัปดาห์ที่แล้วอีกเช่นกัน อากาศในประเทศไทยเย็นลงอย่างกระทันหัน เมื่อวาน 30 องศาเซลเซียสอยู่ดีๆ วันรุ่งขึ้นตื่นมากลายเป็น 18 องศา ยิ่งกว่าหน้าหนาวที่ผ่านมาทุกฤดู กรุงเทพก็หนาวได้ Freed ได้ทำหน้าที่ให้ประทับใจอีกหนึ่งอย่างคือการเปิดฮีทเตอร์ เพราะแอร์ในรถ Freed สามารถตั้งเป็น Auto ได้ ผมเลยตั้งเป็น Auto 25 องศา ผลก็คือ รถไม่ทำความเย็น แต่เปลี่ยนเป็นทำความร้อนแทน อากาศข้างนอกเย็นจนผมต้องหาเสื้อกันหนาวมาใส่ แต่อยู่ในรถมันเย็นกำลังสบายเพราะได้ระบบฮีทเตอร์มาช่วย เป็นเรื่องดีๆอีกเรื่องหนึ่งในรถคันนี้
หนาวจนหมาที่บ้านยืนสั่น ต้องไปผ้ามาห่มให้ขนาดนี้
เบาะนั่งตอนขับรถตอนนี้ผมชินแล้ว ปรับตัวได้ ไม่เมื่อยหลังอีกต่อไป กลายเป็นรถที่รู้สึกถูกใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่าเดือนแรกเสียอีก แม้ว่าสมรรถนะจะสู้รถเก๋งไม่ได้ แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะเอารถคันนี้ไปอัดแข่งกับใคร หรือเอาไปดริฟท์เหมือนในหนัง เลยไม่ได้เดือดร้อนกับอัตราเร่งที่ต่ำกว่ารถเก๋ง ความรู้สึกดีที่ขับรถคันนี้คือมันไม่อึดอัด ห้องโดยสารกว้างขวางโดยที่ตัวรถยังไม่ใหญ่เกินไป ถ้ารีบขับหรือต้องการทำเวลาอาจจะต้องใช้รถเก๋งเครื่องแรงๆ แต่ถ้าไม่รีบ หรือต้องใช้เวลาทนรถติดนานๆ ผมว่าคันนี้น่าใช้กว่า
ไปเที่ยวพิษณุโลกและสุโขทัย พา freed ไปออกกำลัง
วันที่ 13 มีนาคม 2554 ผมออกเดินทางจากกรุงเทพไปยังพิษณุโลกและสุโขทัย พักที่พิษณุโลก 1 คืน สุโขทัย 1 คืน เจตนาคือขับรถเที่ยวเล่น และถ่ายภาพตามอารมณ์ ไม่ได้เน้นว่าจะต้องได้ภาพสถานที่สำคัญ โดยโปรแกรมทั้งหมดไม่ได้ตั้งไว้ล่่วงหน้า คิดเพียงว่าจะไปหาเพื่อนซึ่งอยู่ในพิษณุโลกแล้วให้เพื่อนพาเที่ยว
ออกจากกรุงเทพประมาณ 11.00 น. ใช้เส้นทางถนนวิภาวดี ขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านรังสิต ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ แล้วก็เลี้ยวขวานิดหน่อย ใช้เส้นทาง 117 ตรงเข้าพิษณุโลก ผมถึงพิษณุโลกตอน 16.00 น. พอถึงตัวเมืองก็หลงทันที ดูแผนที่ตามใบปลิวที่ได้จากโรงแรมแห่งหนึ่ง พอหลงได้สักพัก ก็เลยขับมั่วไม่ใช้แผนที่ มั่วไปถึง วัดใหญ่ หรือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นวัดที่มีพระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่นั่นเอง
ถึงที่วัดโทรหาเพื่อนทันที เพราะรู้ว่าเพื่อนเปิดร้านขายของอยู่ในวัด ทักทายกันได้เรียบร้อย เพื่อนปิดร้านพาเที่ยวและพากิน เอาแผนที่ให้เพื่อนดู เพื่อนบอกว่าแผนที่ผิด เซ็งมากๆ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมแห่งนี้ไม่เป็นงานเอาเสียเลย แต่ช่างมัน ยังไงก็เจอเพื่อนแล้ว
วันแรกนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะเหนื่อยและสภาพแสงก็ค่อนข้างน้อยแล้ว กินมื้อเย็นในเมือง ไปดูวิวบนเขาอะไรสักอย่าง แล้วก็แวะตะลอนกินขนมในเมืองอีกรอบ
เช้าวันใหม่เพื่อนพาไปซื้อของฝากก่อนเลย เป็นเส้นหมี่ซั่ว ร้านนี้ทำขายทั่วประเทศ ไปเห็นโรงงานแล้วก็ไม่ใหญ่โตเลย ทำเส้นหมี่กันแบบเรื่อยๆไม่เร่ง ไม่รีบ ท่าทางจะมีความสุขดี เส้นหมี่ทั่วประเทศออกจากมือคุณป้าคนนี้ ไม่น่าเชื่อเลย
ออกจากพิษณุโลกมุ่งสู่สุโขทัย แวะกินร้านอาหารในตัวเมืองสุโขทัยก่อน ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีหน้าตาอาหารที่อลังการดี รสชาดดี สไตล์ร้านก็ดูร่มรื่น เป็นคนรู้จักคนหนึ่งของเพื่อน การมีเพื่อนเป็นเจ้าถิ่นพาเที่ยวมันก็ดีอย่างนี้ ได้กินของดี ไม่ต้องเสียเวลาทดลองเอง เพราะบางร้านที่มีชื่อเสียง ถูกพูดถึงอยู่ในเว็บบอร์ดท่องเที่ยวก็ไม่ได้อร่อยจริง เพื่อนที่อยู่ในพื้นที่เขากินมาหมดทุกร้านแล้ว
ข้าวเกรียบปากหม้อแบบกระทิท่วม จะเป็นของคาว หรือ ของหวานก็ได้ อร่อยดี
ข้าวคลุกกะปิ เสริฟแบบจานใหญ่มาก แค่จานเดียวก็อิ่มแล้ว
ก๋วยเตี๋ยวคั่วหมู ไม่ใช่คั่วไก่แบบที่คุ้นเคย แต่ก็รสชาดคล้ายๆกัน
อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ไปตามทางที่เพื่อนบอก ถ้าให้ขับรถไปเองรับรองมีหลง เพราะเพื่อนหลงมาแล้วตอนที่มาอยู่ใหม่ๆ
ลักษณะของอุทยานประวัติศาสตร์จะเป็นเมืองเก่า เหมือนอยุธยา เป็นซาก ขับรถเที่ยวชมไปเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเที่ยวเล่นอยู่ในเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ พอบอกเพื่อนว่าเหมือนเมืองโบราณ เพื่อนก็แย้งว่า ที่นี่ไม่ได้เหมือนเมืองโบราณ แต่เมืองโบราณเหมือนที่นี่ คนกรุงเทพชอบทักแบบผมทุกคนเลย
อดีตเป็นยังไงก็นึกไม่ค่อยออก คนไม่ชอบประวัติศาสตร์คงจะรู้สึกว่าไม่สนุก แต่สำหรับคนที่หลงใหล ก็คงจะเพลินกับการเดินดูอย่างละเอียด ผมไม่ใช่คนกลุ่มหลังอย่างแน่นอน
ผมแปลกใจเป็นการส่วนตัวว่าทำไมช่างภาพต้องมาถ่ายภาพเมืองเก่าๆ เมืองโบราณ บ่อยๆ ผมไม่ได้รู้สึกว่าภาพถ่ายโบราณสถานจะเป็นภาพที่สวยเลย มันอาจจะมีคุณค่าในการบันทึกความเป็นไปของชุมชน เมืองและประเทศ แต่ผมไม่เห็นว่าภาพถ่ายโบราณสถานจะเป็นงานศิลปะ แม้จะเป็นช่างภาพแต่ก็ไม่เคยรู้สึกอินไปกับโบราณสถาน
การถ่ายภาพในวันนี้ความพยายามต่ำมาก เดินผ่านเห็นว่าถ่ายแล้วน่าจะสวยก็เลยถ่ายเอาไว้ ไม่ได้พยายามค้นหาความสวยใดๆ ไม่เหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วที่สายตามองแล้วมองอีก หัน หมุน เปลี่ยน เดิน วนเวียน ทำทุกอย่างเพื่อค้นห้ามุมที่น่าสนใจ
เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ฝาผนังบางบริเวณเป็นงานปั้นแล้วเอาไปติดผนังไว้ เป็นลักษณะที่แตกต่างไปจากฝาผนังทั่วไปที่ใช้วิธีแกะสลัก เป็นความพยายามอีกระดับหนึ่งของการสร้างความสวยงาม
มื้อเย็นที่สุโขทัยเป็นขนมจีนน้ำยาสารพัด ขนมจีนมีหลายสี เป็นสีที่เกิดจากดอกอัญชัญ แครอท ใบเตย ส่วนน้ำยาก็มีกระทิ ป่า น้ำเงี้ยว แกงไตปลา
กินอิ่มแล้วก็ขับรถไปโรงแรมอีกแห่งในสุโขทัย ตามแผนที่เขาว่าอยู่ใกล้สนามบิน ก็เลยขับตามป้ายสนามบิน เส้นทางเข้าไปค่อนข้างเล็ก ดูแล้วไม่มั่นใจว่าจะขับไปแล้วจะเจอสนามบินจริงไหม แต่สุดท้ายก็เจอ แม้ว่าจะดูเปลี่ยวและไร้ความหวัง แต่ก็เจอจนได้ ขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของโรงแรม ดูรอบๆแล้วไม่มีแขกเลย โรงแรมผีรึเปล่าเนี่ย
การตกแต่งของโรงแรมก็อยู่ในระดับที่หรูหราและมีความเป็นไทยสูง ตึกสวย ต้นไม้สวย สะอาด ห้องสวย เตียงสวย วิวนอกห้องก็สวย สระว่ายน้ำสวย แต่ไม่มีคนเลย
เช้าตื่นมาก็ลงมากินอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ มีฝรั่งอีกหลายคนกินอยู่แล้ว ก็เลยรู้ว่าเมื่อคืนไม่ได้มีแค่เรา แต่มีฝรั่งด้วย แต่ฝรั่งไม่ได้ขับรถมาเท่านั้นเอง
การตกแต่งต่างๆของโรงแรมก็ดูสบายๆ มีมุมนั่งพัก นั่งอ่านหนังสือค่อนข้างเยอะ สามารถใช้เวลาอยู่ในล็อบบี้ได้หลายชั่วโมงถ้าไม่หลับไปเสียก่อน
หลังจากถ่ายรูปในจุดต่างๆมาเกือบครบแล้วก็แวะเอาของมาเก็บที่รถเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ ก็เห็นว่าน่าจะถ่ายภาพที่มีรถ honda freed คันนี้อยู่ด้วยซักภาพหนึ่งก็เลยตั้งกล้องถ่ายกันเล่นๆ
เดินทางกลับ ออกเดินทางประมาณ 12.00 น. เปิดแผนที่ตามหนังสือแล้วก็หลงอีกครั้ง ต้องอาศัยมือถือ samsung monte ที่มี GPS และ google map ช่วยพาออกมา เพราะถนนหลายเส้นที่ขับผ่านไม่อยู่ในแผนที่ทางหลวง
================================================
บันทึกเกี่ยวกับรถ
Honda Freed
ระยะทางเร่ิมต้น 29832 กิโลเมตร ที่กรุงเทพ เติม E20 เต็มถัง
ไปถึง พิษณุโลก เที่ยวเล่นในเมือง กินข้าว
ระยะทางที่หน้าจอ 30252 กิโลเมตร แวะเติมอีกครั้ง E20 เต็มถัง เติมไป 33.2 ลิตร
ขับไปสุโขทัย เที่ยวเล่นหลายๆจุด แล้วก็พักโรงแรม เดินทางกลับวันรุ่งขึ้น
ระยะทาง 30636 กิโลเมตร เติมน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 ที่พิษณุโลก 31.81 ลิตร
ขับถึงกรุงเทพ
ระยะทาง 30982 กิโลเมตร เติมน้ำมัน E20 ที่ถนนราชพฤกษ์ 22.68 ลิตร
รวมระยะทางที่ขับ 30983-29832 = 1151 กิโลเมตร
ใช้น้ำมันไปทั้งสิ้น 87.69 ลิตร คิดเป็นอัตราสิ้นเปลือง 1151/87.69 = 13.12 กิโลเมตรต่อลิตร
ถือว่าความประหยัดอยู่ในระดับกลางๆ คือ รถยนต์ขนาดกลางก็ควรจะทำอัตราสิ้นเปลืองได้เท่านี้ แม้ว่าจะตัวถังใหญ่ เครื่องยนต์เล็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วๆไปติเอาไว้ ว่าเครื่องเล็กไปไม่สมกับตัวถัง อาจทำให้อืด อาจทำให้เปลืองน้ำมัน แต่ดูจากตัวเลขการใช้งานจริงแล้ว ต้องถือว่าประหยัดน่าพอใจ
จริงๆแล้วถ้าดูว่ารถ freed คันนี้เป็นรถ MPV มันก็ต้องถือว่าเป็น MPV ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด เนื่องจากอัตราสิ้นเปลืองที่ได้นี้ คนอื่นๆก็เคยวัดกันไว้ได้ในระดับ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตรเช่นกัน ยิ่งไปดูข้อมูลของรถยนต์ที่อู่ติดแก๊สแห่งหนึ่งเคยทดสอบไว้ ข้อมูลของอู่นี้ค่อนข้างหลากหลาย มีรถหลายรุ่นหลายยี่ห้อมาติดตั้งแก๊ส และเจ้าของอู่ก็ทดสอบกับรถทุกคันว่าอัตราสิ้นเปลืองเท่าไร บันทึกไว้หลายรุ่น
ดังนี้
Freed ติดแก๊สทำได้ 14.37 กิโลเมตรต่อลิตร
รถ MPV คันอื่นๆกลับทำได้ต่ำกว่านี้ทั้งสิ้น อย่างเช่น
Fortuner 2.7 ทำได้ 11.12 กิโลเมตรต่อลิตร
alphard ทำได้ 7.4 กิโลเมตรต่อลิตร
estima ทำได้ 8.05 กิโลเมตรต่อลิตร
innova ทำได้ 9.57 กิโลเมตรต่อลิตร
wish ทำได้ 11.17 กิโลเมตรต่อลิตร
crv g3 2000cc ทำได้ 8.87 กิโลเมตรต่อลิตร
crv g2 2000cc ทำได้ 10.78 กิโลเมตรต่อลิตร
crv g1 2000cc ทำได้ 9.39 กิโลเมตรต่อลิตร
proton exora ทำได้ 10.41 กิโลเมตรต่อลิตร
chev captiva ทำได้ 9.76 กิโลเมตรต่อลิตร
suzuki APV ทำได้ 11.94 กิโลเมตรต่อลิตร
ข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองจากรถติดแก๊สได้จาก http://www.ptc-gas.com/
นี่คือความดีของการใช้เครื่องยนต์ 1500ซีซี เครื่องยนต์เล็กๆ ที่ไม่มูมมาม
หมาก็ใช้ 3g นะครับ
สำหรับคนรักหมา เกิดเป็นหมาในประเทศอื่นมันได้ใช้ 3G ด้วย
ครั้งหนึ่ง รมต. กระทรวงไอซีที รัฐบาลหน้าตาดี บอกว่า คนไทยยังไม่ต้องการ 3G
ฟังแล้วอยากเอาภาษีไปซื้อข้าวให้หมากิน
ไปดูเนื้อข่าว เมื่อปลายปีที่แล้ว
==================
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ชี้แจง กระทู้ถามด่วนนายกรัฐมนตรี เรื่องการสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นจากการไม่ประมูลคลื่น 3G ที่นายอนันต์ วรธิติพงษ์ ส.ว.สรรหา เป็นผู้ถาม โดยระบุว่า จากการที่ศาลปกครองสั่งระงับการประมูลเครือข่ายโทรศัพท์ระบบ 3G ส่งผลให้ไทยสูญเสียโอกาสในการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงขณะนี้การให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบทยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก จึงต้องการทราบว่ารัฐบาลมีแนวทางการแก้ปัญหาความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ยังใช้ระบบ 2G เป็นจำนวนมาก ส่วนระบบ 3G ยังไม่มีความจำเป็นมากนัก และโอกาสที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ได้อยู่ที่การใช้ระบบ 3G แต่อยู่ที่เรื่องมาตรการภาษี และเรื่องข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่อง 3G มาตลอด โดยภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนในระบบ 3G แทน นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งศูนย์อินเตอร์เน็ตชุมชน เพื่อให้ประชาชนเมืองและต่างจังหวัด เข้าถึงอินเตอร์เน็ตอย่างเท่าเทียมกัน

ดูหน้าไว้ หน้าแบบนี้ บอกว่า 3G ไม่จำเป็น
สนุกกับการใช้ชีวิตใน Honda Freed
ผมขับรถคันนี้มาเกือบปีแล้ว ความคุ้นเคยต่างๆเต็มร้อย แตกต่างไปจากเดือนแรกที่ยังเก้ๆกังๆ เปิดปิดประตูมั่วๆ การใช้งานต่างๆในหลายรูปแบบก็ได้ค้นพบความสะดวกและไม่สะดวกปนกันไป แต่จะออกไปทางสะดวกมากกว่า
สิ่งที่ชอบเพิ่มเติม มันมีเหตุการณ์หลายครั้งที่ผมต้องคุยกับลูกค้าและคิดราคาด่วน การทำงานมันจะต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก วันหนึ่งขณะขับรถอยู่ ลูกค้าโทรมาขอราคาด่วน ธุระผมกำลังจะขึ้นทางด่วนไปหาลูกค้าอีกคน คงใช้เวลาเดินทาง สักชั่วโมงกว่า แต่ลูกค้าในสายต้องการราคาด่วนอีกภายในสิบนาที
พอรับปากว่าเดี๋ยวอีกสิบนาทีโทรแจ้งราคาก็แวะเข้าข้างทาง แล้วก็เดินจากแถวหน้ามาแถวกลาง เปิดโน้ตบุ๊คแล้วก็คำนวนราคา เปิดแอร์ นั่งทำงานเหมือนเป็นอ็อฟฟิศ ต่ออินเทอเน็ตด้วย mifi ที่พกพาอยู่คู่กับกระเป๋าโน้ตบุ๊ค ทำไมต้องใช้อินเทอเน็ต? เพราะผมใช้โปรแกรม Dropbox ที่จะคอยซิงค์ข้อมูลเครื่องคอมฯที่อ็อฟฟิศกับโน้ตบุ๊คให้เหมือนกันตลอดเวลา ข้อมูลลูกค้าก็อยู่ในอ็อฟฟิศและโน้ตบุ๊ค การแก้ไขหรือทำไฟล์เอกสารเพ่ิมเติมไม่ว่าจะแก้ไขที่เครื่องใด อีกเครื่องหนึ่งก็จะได้รับการแก้ไขไปด้วย
แล้วรถเก๋งทำไม่ได้หรือ ก็ต้องตอบว่าทำได้ แต่ไม่สะดวกเท่า เพราะว่า ตอนขับรถเก๋งผมจะเก็บกระเป๋าโน้ตบุ๊คไว้ที่ท้ายรถ ถ้าจะหยิบโน้ตบุ๊ค ต้องลงไปเปิดท้ายเพื่อหยิบ และบังเอิญรถเก๋งที่ผมเคยใช้เปิดเบาะหลังทะลุไปยังกระโปรงท้ายไม่ได้ แต่เป็น Freed ก็แค่ปีนจากแถวหน้าไปแถวกลาง แล้วก็เอื้อมไปล้วงโน้ตบุ๊คที่วางไว้ใต้เบาะแถวสามออกมาใช้ เหตุที่วางไว้ใต้เบาะแถวสามเพราะต้องการพรางไม่ให้มองเห็นว่าในรถมีคอมพิวเตอร์อยู่
ผมเร่ิมงานในรถได้โดยไม่ต้องลงจากรถ มันอาจจะเป็นประสบการณ์ธรรมดาไม่น่าจดจำ แต่ถ้ามันเป็นวันฝนตก ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากลงจากรถ
นั่งทำงานจนจบ ส่งไฟล์ให้ลูกค้าเสร็จ ก็เก็บของแล้วเดินกลับไปที่นั่งคนขับ ขับรถต่อเลย ง่ายไหมล่ะ

