macbook air เป็นโน้ตบุ๊คของ apple ที่ออกมาหลายปีแล้ว ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่มีหน้าตาดูดีและรูปร่างที่เพรียวบางที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง ในครั้งแรกออกมาราคาแพงลิบริ่ว แต่ก็มีเทคโนโลยีที่ดีตามมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบอะลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียวทำให้มีความแข็งแรง การออกแบบที่แบนบางทำให้สามารถพกพาได้สะดวก การไม่มีช่องใส่ซีดีทำให้มีซอร์ฟแวร์แชร์ไดร์ฟซีดีจากเครื่องอื่นๆมายังเครื่อง macbook air ได้ โลกของอินเทอเน็ตแบบไร้สายเป็นจริงเป็นจังยิ่งกว่าเดิม
วันดีคืนดี macbook air กลับกลายมาเป็นโน้ตบุ๊คที่ราคาถูกที่สุดที่ apple เคยผลิตออกมา และขณะเดียวกันก็เป็นโน้ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบาที่สุดอีกต่างหาก โน้ตบุ๊คตัวเก่าของผมเป็น macbook pro จอ 15 นิ้ว เป็นโน้ตบุ๊คที่ตั้งใจซื้อมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ และมันก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ มันทำได้ทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งควรจะทำได้ แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยขนาดตัวที่ใหญ่พอสมควร กระเป๋าโน้ตบุ๊คใบเก่าๆของผมหลายใบใช้กับ macbook pro ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาผมใช้โน้ตบุ๊คตัวเล็กมาตลอด เลยต้องหากระเป๋าใบใหม่ ใบที่ใหญ่พอจะใส่โน้ตบุ๊ค 15 นิ้วได้ ผลก็คือ กระเป๋าใหญ่และหนักมาก
ผมชอบโน้ตบุ๊คตัวเล็กมากกว่าตัวใหญ่ แต่โน้ตบุ๊คตัวเล็กๆอื่นๆที่เคยซื้อก็มีคุณภาพที่น้อยไปหน่อย บางตัวก็เล็กเกินไป บางตัวก็ช้าเหลือเกิน บางตัวก็ทั้งช้าและเล็ก เลยได้แต่รอว่า macbook air ลดราคาเมื่อไหร่จะได้ซื้อมาใช้แทนตัวเก่า
แล้วมันก็เป็นจริง macbook air หน้าจอ 11 นิ้ว มันเปิดตัวเมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวานนี้มันก็วางขายในประเทศไทย และวันนี้มันก็มาตั้งอยู่ที่โต๊ะทำงานผมแล้วด้วยค่าตัว 34900 บาท
หน้าจอ 1366×768 พิกเซล ขนาดกว้าง 11.6 นิ้ว ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คจอเล็ก แต่ก็ไม่เล็กเกินไป มันยังให้ความละเอียดที่เพียงพอต่อการทำงาน ดีกว่าเน็ตบุ๊คราคาหมื่นกว่าบาทที่หน้าจอให้มาเพียง 1024×600 พิกเซล อย่าง acer one ที่ผมเคยอยากได้ แต่พอซื้อมือสองมาลองแล้วถึงจะรู้ว่าเน็ตบุ๊คมันช้าเกินไปสำหรับการทำงานในปัจจุบัน
macbook air รุ่น 11.6 นิ้วตัวนี้ใช้ซีพียู intel core2duo ความเร็ว 1.4Ghz ดูเหมือนจะน้อยไปเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบันที่ความเร็วซีพียูวิ่งกันอยู่ที่ระดับ 2-3GHz กันแล้ว แต่ก็มีการทดลองเปรียบเทียบในต่างประเทศแล้ว และพบว่า macbook air ไม่ได้ช้าไปกว่าตัวอื่นๆเลย ตัวเลขซีพียูไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสามารถทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ มันมีอย่างอื่นอีกที่ทำให้ macbook air มีความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือการเลือกใช้ตัวเก็บข้อมูลแบบโซลิทสเตท หรือไม่ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบแม่เหล็กอีกแล้ว เพราะความเร็วของโซลิทสเตทมันเร็วกว่าแม่เหล็กอยู่หลายเท่า แถมยังประหยัดพลังงานกว่าอีกด้วย ระยะเวลาที่ใช้งานได้ของ macbook air รุ่น 11 นิ้วนี้ อยู่ในระหว่าง 5-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาการทำงานที่ยาวนานเพียงพอ
การเชื่อมต่อที่มีให้ จะมีช่องต่อจอภาพใช้ขั้วต่อแบบ mini display port ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ apple ช่องต่อ usb 2 ช่อง ซึ่งดูเหมือนจะน้อยไปหน่อย และช่องเสียบสายหูฟังเท่านั้น ไม่มี card reader และไม่มีช่องเสียบไมโครโฟน คีย์บอร์ดที่ให้มามีขนาดใหญ่โตเป็นปกติ ทำให้การวางมือเพื่อเตรียมพิมพ์ข้อความเป็นไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถพิมพ์ตัวหนังสือได้สะดวก เพียงแต่รู้สึกว่า ปุ่มกดต่างๆมันมีระยะจมตัวค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าตัวถังโน้ตบุ๊คมันบางมาก ทำให้ปุ่มกดมีระยะยุบตัวน้อยตามไปด้วย แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะปรับตัวไม่กี่นาทีก็สามารถพิมพ์ข้อความเร็วๆและยาวๆเหมือนรีวิวนี้ได้
สิ่งที่ประทับใจทันทีก็คือระยะเวลาเปิดเครื่องทำได้ภายใน 15 วินาทีเท่านั้น แตกต่างจากเครื่องตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊คตัวเก่าที่ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบแม่เหล็กอย่างไม่เห็นฝุ่น เดี๋ยวนี้ผมเล่นอินเทอเน็ตผ่านตัวต่อสัญญาณแบบ 3g ซึ่งเป็นอุปกรณ์พกพาประเภทหนึ่ง มันมีหน้าตาคล้ายโทรศัพท์ มันมีปุ่มกดเพื่อเปิดเครื่อง กดเพื่อรับสัญญาณไวเลสแลน และกดปุ่มเพื่อต่อสัญญาณกับเครือข่ายโทรศัพท์ 3g ซึ่งไอ้เจ้าตัวต่อสัญญาณตัวนี้ หรือ เรียกย่อๆว่า mifi มันเปิดตัวเองและเข้าสู่โหมดพร้อมทำงาน ใช้เวลานานกว่า macbookair เสียอีก ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์อื่นมันช้า แต่เป็นเพราะ macbook air มันเร็วมาก
ใช้เล่นเน็ตไปเรื่อยๆ ผ่านไปสองชั่วโมง ความเร็วของ macbook air ไม่ตกเลย การเปิดอ่านข้อมูลในอินเทอเน็ตหลายๆหน้าต่าง สลับแต่ละหน้าไปมา อ่านแล้วคลิก อ่านแล้วคลิกไปเรื่อยๆ มันราบลื่น ไม่หน่วง เวลาเปิดโปรแกรมต่างๆใช้เวลาโหลดน้อยลง พอโหลดเสร็จแล้วการเปลี่ยนโปรแกรมไปมาระหว่างสองถึงสามโปรแกรมทำได้เร็วมาก เร็วกว่าการทำงานในอดีตที่ผ่านมาทั้งชีวิตเลย ความดีความชอบครั้งนี้เป็นเพราะการใช้ตัวเก็บข้อมูลแบบโซลิทสเตท ซึ่งมันคงเป็นอนาคตที่ทุกอุปกรณ์ทุกเครื่องมือจะต้องเข้าไปสู่ระบบเดียวกัน
การไม่มีฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก ทำให้ไม่ต้องมีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ทำให้ไม่เปลืองพลังงาน ลดการสึกหรอ อายุการใช้งานจะยาวนานยิ่งกว่าเดิม และชั่วโมงการทำงานด้วยแบตเตอรี่ก็จะนานขึ้น ความร้อนที่เกิดจาก macbook air ค่อนข้างน้อยอย่างน่าประหลาดใจ เพราะ macbook pro ตัวเก่าของผมมันร้อนมากจนไม่อยากจับเลย การอุ้มโน้ตบุ๊คทำงานบนตักเป็นสิ่งที่ผมหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะมันร้อนจนน่าจะเอาไปรีดผ้าได้ แต่กับ macbook air ตัวใหม่นี้ เอามือจับที่ใต้เครื่องตอนที่ใช้งานไปสองชั่วโมง มันแค่อุ่นๆ
น้ำหนักตัว 1.06 กิโลกรัม เวลาหยิบขึ้นมาใช้งานนับว่าเป็นความรู้สึกที่ดี เพราะมันเบา ทำให้ไม่รู้สึกเกี่ยงที่จะหยิบมาเปิดดูข้อมูลต่างๆ คือลดความรู้สึกลำบากลงไปได้เยอะ สิ่งที่น่าชื่นชมอีกประการหนึ่งก็คือ เวลาเอาโน้ตบุ๊ควางบนโต๊ะ เราสามารถมือเพียงข้างเดียวยกฝาเพื่อกางหน้าจอขึ้น ความหนืดของบานพับฝืดกำลังพอดี ไม่ได้ฝืดแน่นจนยกฝาแล้วคีย์บอร์ดด้านล่างก็ติดขึ้นมาด้วย เพราะโน้ตบุ๊คเกือบทุกตัวที่เคยใช้มา ต้องใช้สองมือเพื่อกางหน้าจอทั้งสิ้น คือมือนึงจับฝา มือนึงจับฐาน แล้วก็กางให้มันแยกกัน macbook air มันออกแบบบานพับได้ดี ดีมาตั้งแต่รุ่นแรกเสียด้วยซ้ำ
หลังจากได้มาสองวัน ก็ทะยอยลงโปรแกรมเพื่อทำงาน แล้วก็ทดสอบเปิดไฟล์อาร์ตเวิร์คต่างๆ ปกติ เวลาลูกค้าส่งไฟล์อาร์ตเวิร์คมาให้พิมพ์ ก็ต้องเปิดมาตรวจสอบ ปรับขนาด แล้วก็ save ออกไปเป็น pdf เพื่อเอาไฟล์ pdf ไปทำดิจิทัลปรู๊ฟ ผมลองกับงานตัวเดิมของลูกค้ารายหนึ่ง ผมเคยต้องใช้เวลาประมาณ 3 นาที สำหรับการเปิด ตั้งขนาด และ save ใหม่อีกครั้ง แต่บน macbook air ตัว 11 นิ้วนี้ ผมใช้เวลาประมาณ 1 นาทีก็ทำเสร็จแล้ว ถือว่าเป็นความเร็วที่น่าทึ่งมาก มันตอกย้ำชัดเจนว่า ความเร็วของหน่วยประมวลผล หรือ ซีพียู ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความเร็วของทั้งระบบ ทุกอย่างต้องมีความเร็วที่สอดคล้องกันมันถึงจะพาให้ทั้งระบบเร็วขึ้นได้ แปลเป็นภาษาชาวบ้านอีกทีก็ต้องบอกว่า ทีมเวิร์คที่ดี ทำให้ผลงานดี ความเร็วของเมนบอร์ด แรม ตัวเก็บข้อมูล ยิ่งเร็วทันกัน ระบบโดยรวมก็ยิ่งเร็วตามกันไป
การเตรียมเครื่องเพื่อใช้กับงานสิ่งพิมพ์และภาพถ่ายจะต้องมีการคาลิเบรตจอภาพด้วย ผมมีเครื่องมือสำหรับคาลิเบรตอยู่ มันคือ X-rite รุ่น i1 ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สิ่งที่พบก็คือผมไม่สามารถแขวนอุปกรณ์ตัวนี้บนหน้าจอ macbook air 11 นิ้วได้ เพราะจอมันเล็ก ความสูงของจอไม่เพียงพอ สุดท้ายก็เลยต้องวางนอน ปล่อยให้ macbook air นอนอ้าซ่าแบบในภาพเพื่อทำการคาลิเบลต ผลการคาลิเบลตก็ผ่านไปได้ด้วยดี ภาพก่อนทำ และหลังทำมีความแตกต่างกัน ภาพที่มากับตัวเครื่องจะมีความดำมากกว่าเล็กน้อย ส่วนภาพที่ผ่านการคาลิเบรตแล้วจะลดความดำลง คือเปิดให้เห็นรายละเอียดในส่วน shadow หรือ เงามืดได้มากขึ้น แต่มันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเทียบเป็นหน่วยการรับแสง f-stop ผมคิดว่ามันเหมือนภาพสว่างขึ้นประมาณ 1/3 stop
สรุปสั้นสำหรับการทดสอบ macbook air หน้าจอ 11 นิ้วตัวนี้
มันสอบผ่านในเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน เพราะมันทำงานหลายๆอย่างได้เร็วขึ้น
มันสอบผ่านในเรื่องของความเบา เพราะมันเบาเกือบจะที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊คหน้าจอ 11 นิ้วตัวอื่น
มันสอบผ่านเรื่องความสวยงาม
มันสอบผ่านเรื่องราคา เพราะมันเป็นโน้ตบุ๊คของ apple ที่ถูกที่สุดเท่าที่เคยมีมา
มันสอบผ่านเรื่องแบตเตอรี่ เพราะมันทำงานไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ยิ่งรุ่นที่เป็นจอ 13 นิ้ว จะให้แบตมากกว่านี้อีก




