เมื่อสักประมาณสองเดือนที่แล้วมีลูกค้ารายหนึ่งโทรมาสั่งพิมพ์งาน เป็นงานที่เขาเคยพิมพ์มาแล้ว คุยไปคุยมาก็พอจะรู้ข้อมูลว่าเป็นสินค้าอะไร และลูกค้าชื่ออะไร ลูกค้าท่านนี้ต้องการจะสั่งพิมพ์ซ้ำ บอกว่าขอราคาเดิมได้ไหม โรงพิมพ์ก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่า ขอไปค้นประวัติก่อนว่าเคยสั่งพิมพ์จำนวนเท่าไร ราคาเท่าไร
หายังไงก็หาประวัติไม่เจอ เลยถามแม่ แม่ก็บอกว่าพอจะนึกออก แล้วแม่ก็ไปหาประวัติจากแฟ้มเก่าๆหลายๆอัน แล้วก็หยิบกระดาษแผ่นนี้ออกมา
กระดาษใบนี้เป็นประวัติการขายสินค้าตัวที่กำลังค้น ลงวันที่ ลงยอดสั่งพิมพ์และราคาขายเอาไว้ ดูจากวันที่ก็ทำให้รู้ว่าเขาสั่งไปเมื่อสิบปีที่แล้ว วันนี้ขอสั่งซ้ำคงให้ราคาเก่าไม่ได้ เพราะว่าต้นทุนสินค้าแพงขึ้นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษแพงขึ้น น้ำมันแพงขึ้น ค่าแรงแพงขึ้น โทรไปบอกราคาใหม่กับลูกค้า คุณลูกค้าก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด เพราะลูกค้าก็จำไม่ได้ว่าเคยสั่งด้วยราคาเท่าไร
ยินดีที่ลูกค้ายังอยู่ในธุรกิจเดิม แสดงว่าเขาก็พออยู่ได้ โรงพิมพ์จะอยู่ได้ก็ต้องทำให้ลูกค้าอยู่ได้ด้วย ปรับราคานิดหน่อยตามเวลาที่เปลี่ยนไปไม่ถือเป็นการเอาเปรียบ แต่ที่น่าทึ่งก็คือ แม่เก็บข้อมูลได้ดีสุดยอด ถ้าบริการลูกค้าได้แบบนี้ทุกราย โรงพิมพ์น่าจะมีลูกค้าชั่วชีวิต
และผมยังไม่มั่นใจว่าถ้าผมบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ผมจะสามารถหามันออกมาได้ในเวลาเพียงสิบนาทีหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ ข้อมูลอาร์ตเวิร์คบางตัวของลูกค้าบางรายผมก็หาไม่เจอแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าผมหาไม่เก่ง หรือผมเก็บไม่เก่ง หรืออีกทางหนึ่งก็เป็นเพราะข้อมูลเสียหายไประหว่างการก้อปปี้ไฟล์ไปมาตอนเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ให้ใหญ่ขึ้น การมีแบ็คอัพเป็นฮาร์ดก็อปปี้เป็นความแน่นอนอย่างหนึ่ง ถ้าไม่เกิดไฟไหม้ ข้อมูลกระดาษก็ยังคงอยู่ไปนานหลายสิบปีแน่นอน
