ถ่ายภาพสินค้าตัวอย่างเอาไปทำอาร์ตเวิร์ค

ผมกำลังทำงานโปรโมทหน่วยงานแห่งหนึ่งอยู่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรงพิมพ์เป็นหลัก จำเป็นต้องถ่ายรูปตัวอย่างงานที่เป็นบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ ทางผู้สนับสนุนข้อมูลได้ให้ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์มาให้ผมเอาไว้ใช้ประกอบการทำเอกสาร ก็เลยจำเป็นต้องถ่ายรูปเก็บไว้

เท่าที่ดูของมาเป็นกล่องใหญ่สองใบ แต่ละใบมีกล่องเล็กกล่องน้อยอยู่เต็มไปหมด ผมเห็นกล่องที่ขนมาแล้วก็ไม่อยากนับว่ามีอยู่เท่าไหร่ และก็เลื่อนวันที่จะถ่ายภาพทั้งหมดไปเรื่อยๆเพราะว่าติดธุระอย่างอื่นอยู่หลายอย่าง

ผมประเมินคร่าวๆแล้วว่างานนี้ต้องถ่ายภาพเยอะ และก็เป็นการถ่ายภาพแบบไม่มีค่าตัวเสียด้วย ก็เลยเลือกที่จะถ่ายแบบง่ายที่สุดและใช้เวลาให้น้อยที่สุด และใช้เวลาในวันหยุดสักช่วงหนึ่งถ่ายเก็บทั้งหมด ก็เลยเป็นวันนี้ วันเลือกตั้ง สก. สข. ผมไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จแล้วก็มาเตรียมของที่จะถ่ายภาพ

ผมเซ็ทอัพกล่องและไฟสำหรับถ่ายภาพในแบบที่คุ้นเคย ผมแฟลชดวงเดียวสำหรับการถ่ายภาพครั้งนี้ โดยจัดให้ไฟส่องจากด้านข้างกล่อง ให้ฝาบนและฝาข้างของกล่องได้รับแสงจากแฟลชไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะให้ผลของภาพค่อนข้างสวยในสายตาของผม คือแสงที่ตกกระทบวัตถุจะมีน้ำหนักบนและข้างไม่เท่ากัน ส่งผลให้ภาพดูมีมิติตื้นลึก

ผมใช้แฟลชนิคอน sb-25 ต่อกับตัวรับสัญญาณแฟลชแบบคลื่นวิทยุ หรือ ทริกเกอร์ เปิดกำลังไฟเพียง 1/8 ของกำลังไฟทั้งหมดเพื่อให้แฟลชสามารถยิงแสงได้ต่อเนื่องหลายครั้ง ถ้ายิงเต็มกำลังทั้งหมด พอยิงไปแล้วจะต้องรอชาร์จไฟจนเต็ม ซึ่งมันใช้เวลาหลายวินาที มันจะทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง เพราะว่าช่างภาพมักจะกดถ่ายภาพค่อนข้างถี่ บางครั้งการรอให้ชาร์จไฟอีกเพียงห้าวินาทีก็ทำให้เสียอารมณ์การทำงานได้

กล้อง eos5d เลนส์ tamron 28-75 ค่ารูรับแสง f8 iso400 เมื่อได้แสงที่ถูกใจก็เริ่มถ่ายจริง ผมทำงานคนเดียว หยิบเอง วางเอง ถ่ายเอง เก็บของเอง ด้วยความที่ไม่อยากจะใช้เวลามากเกินไป ผมเลยเร่งการทำงานแบบค่อนข้างเร็ว ของมีอยู่กี่ชิ้นไม่ได้นับ แต่ภาพที่กดถ่ายออกมาได้มีอยู่ 298 ภาพ ซึ่งผมใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้้ายไปทั้งหมด 85 นาที แล้วใช้เวลาเก็บของอีกประมาณสามสิบนาที

ดิจิทัลปริ๊นท์ ตอนที่ 3 เรื่องแย่ๆก็มี

ผมเริ่มเจอปัญหาแล้ว

สองเดือนที่ผ่านมาเครื่องพิมพ์มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ผมโทรตามช่่างมาดู มาซ่อมหลายครั้ง การซ่อมแต่ละครั้งไม่สามารถทำให้หายขาดได้ อาการก็คือ ภาพขึ้นไม่สม่ำเสมอ บางส่วนของภาพสีอ่อนทั้งๆที่ข้อมูลสีเป็นแบบเดียวกัน อาการแบบนี้ทำให้งานพิมพ์นามบัตรหรือป้ายสินค้าที่ลงไว้หลายๆตัวในหน้ากระดาษ บางตัวจะสีเข้ม บางตัวจะสีอ่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เครื่องพิมพ์ตัวละพันบาทก็ต้องไม่มีปัญหาแบบนี้ แต่นี่เครื่องละเป็นล้าน ถ้ามีก็แย่แล้ว

ตัวอย่างงานที่เป็นปัญหา เป็นงานป้ายสินค้าสีส้ม ซึ่งในกระดาษใบใหญ่จะมีป้ายตัวเล็กๆวางอยู่ประมาณ 20 ชิ้น ชิ้นที่อยู่ด้านบนจะสีอ่อนกว่าชิ้นที่อยู่ด้านล่างของกระดาษ ผมตัดชิ้นด้านล่างออกมาแล้วเอาไปวางทาบกับชิ้นบนเพื่อให้เห็นว่า สีมันต่างกัน

ช่างหลายคนที่วนเวียนเข้ามาดูตลอดสองเดือนไม่มีใครวิเคราะห์อาการแล้วซ่อมให้หายขาดได้เลย มีแต่พยายามปรับแต่งทำให้สีดูแตกต่างน้อยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการ ผมเจอหน้าช่างประมาณไม่ต่ำกว่าห้ารอบภายในเวลาแค่สองอาทิตย์ คำสัญญาที่ Fujixerox ได้เคยให้ไว้ว่าจะมาถึงเครื่องหลังจากแจ้งซ่อมไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ไม่เป็นจริง หลายครั้งที่มาได้จริง แต่ก็มีหลายครั้งที่มาไม่ได้ มาไม่ทัน มันแย่ตรงที่ว่าผมรักษาสัญญาด้วยการจ่ายเงินตรงไปตรงมาครบทุกเดือน แต่ผมไม่ได้รับการปฏฺิบัติตามสัญญากลับคืนมา ข้อนี้ถือว่าสอบไม่ผ่าน ถ้าผมมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ผมไปจากคุณแน่นอน

อาการเสียซ่อมไม่หายขาด เป็นๆหายๆ ผมยืนดูช่างมาซ่อมแต่ละคนแล้วไม่เข้าใจนโยบายบริษัทเลย ถ้าชิ้นส่วนเครื่องมันเสื่อมแล้วความสามารถมันตก ก็เปลี่ยนอะไหล่ให้ผมก็จบเรื่อง ยกทั้งเครื่องมาเปลี่ยนให้ผมไปเลยก็ได้ เอาตัวเก่าไปซ่อมให้ชัวร์แล้วค่อยมายกเปลี่ยนคืนก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ปีหนึ่งๆ Fujixerox ขายเครื่องรุ่นนี้ได้เป็นร้อยตัว ผมไม่เชื่อว่าจะไม่มีอะไหล่ให้ผม แต่ถ้าไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยนจริงๆ(เครื่องสำรอง) ก็ถือว่าเป็นนโยบายที่แย่มาก

ธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิทัลคือการพิมพ์ตามสั่ง คำศัพท์ Print on demand เป็นถ้อยคำที่ Fujixerox โปรโมทมาตลอดเวลา อุตส่าห์เชื้อเชิญ แนะนำ ว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์มันต้องเป็นดิจิทัล ต้องรวดเร็ว ถึงจะเสริมสร้างธุรกิจของลูกค้าได้ ผมก็เห็นด้วยเลยลงทุนกับดิจิทัล แต่วันที่มันมีปัญหา Fujixerox กลับเพิกเฉยไม่กระตือรือร้นที่จะทำให้เครื่องพิมพ์ของผมซึ่งยังอยู่ในสัญญารับประกันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมทำงาน ในบางวัน print on demand ในโรงพิมพ์ของผม มันกลายเป็นคำว่า Print on demand but wait for service tomorow

ผมมีภาระต้องผ่อนค่าเครื่องวันละเกือบสามพันบาท การที่เครื่องทำงานไม่ได้ ไม่ว่าจะกี่วัน กี่ชั่วโมง หรือกี่นาทีเป็นความเสียหายที่ผมไม่สามารถไปเรียกร้องเอาจากใครได้เลย บริษัทใส่ใจผมน้อยเกินไป ถ้าผมได้รับเช็คคืนเงินชั่วโมงละสามร้อยบาทที่เครื่องทำงานไม่ได้ หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ผมจะไม่ว่าอะไรเลย

ตอนนี้เครื่องได้รับการซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหญ่ๆไปแล้ว มันอยู่ในสภาพเกือบ 100% ช่างทีมสุดท้ายที่มาซ่อมให้ผมอธิบายเรื่องอะไหล่ที่หมดอายุ “มันหมดอายุครับ” พูดแค่นี้ผมเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมไม่เปลี่ยนสิ่งที่มันหมดอายุไปตั้งแต่แรก ทำไมต้องรอให้มันสร้างปัญหาซ้ำซาก วิ่งเข้ามาดูกันห้ารอบแล้วยังไม่สำนึกว่าชิ้นส่วนมันหมดอายุ

เครื่องพิมพ์ดิจิทัลมันช่วยในธุรกิจโรงพิมพ์ได้จริง แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็คาดหวังกับการบริการที่ดีที่สุด เพราะผมจ่ายแพง มันแพงกว่าเครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ททั่วไปอย่างเทียบกันไม่ได้ ถ้าคุณจ่ายเงินสามล้านให้กับเครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ท คุณสามารถใช้มันไปได้ยี่สิบปีเป็นอย่างต่ำ และถ้ายี่สิบปีผ่านไปแล้วคุณขายต่อ คุณก็น่าจะได้เงินหลายแสน หรือเป็นล้านบาทคืนกลับมา แต่เครื่องพิมพ์ดิจิทัล ถ้าครบห้าปีตามสัญญาบริการ ราคาที่คุณจะขายคืนหรือขายต่อก็คือการชั่งกิโลขาย ผมคิดว่าซาเล้งน่าจะให้คุณสักกิโลละสองบาท เครื่องพิมพ์ทั้งตัวน่าจะได้สักหนึ่งพันบาท มันแย่ยิ่งกว่าเศษกระดาษในโรงพิมพ์เสียอีก เพราะเศษกระดาษเขาขายกันกิโลละสี่บาท

พิมพ์เร็วด่วนได้ และโปรแกรมจัดหน้าชื่อ Pages

ในวันที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้ จะมีงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการหน่วยปฏิบัติการออกแบบและวิจัยการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ เป็นหน่วยย่อยหน่วยหนึ่งในศูนย์นวัตกรรมอาหาร ซึ่งเป็นโปรเจ็คใหญ่ของคณะวิทยาศาสตร์และเภสัชศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผมกับเพื่อนอีกคนช่วยกันจัดงานแถลงข่าวของโครงการผลิตบรรจุภัณฑ์นี้

เอกสารค่อนข้างด่วน แก้ไขรายวัน ทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยน ส่งตรวจ แก้ไขกลับไปกลับมาหลายรอบ บัตรเชิญถูกพิมพ์ไปแล้ว 3 เวอร์ชั่น แต่ละเวอร์ชั่นมีอายุ 1 วัน เวอร์ชั่นล่าสุดคาดว่าจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะมันใกล้ถึงวันแถลงข่าวเหลือเกิน

ด้วยความเร่งรีบ และต้องการบัตรเชิญจำนวนน้อย การพิมพ์ที่เหมาะสมกับงานนี้ก็หนีไม่พ้นระบบดิจิทัล ซึ่งมันเป็นลักษณะที่ตรงกับคอนเซ็พท์ Print on Demand หรือ พิมพ์ด่วน เอาจำนวนแค่เท่าที่พอใช้ ระบบดิจิทัลนี้มีจุดเด่นก็คือ ทำจำนวนน้อยได้ คุณภาพใกล้เคียงงานพิมพ์อ็อพเซ็ทสี่สี สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้บ่อยเท่าที่ต้องการ(ถ้าไม่กลัวคนทำอาร์ตเวิร์คด่าลับหลัง) ผมพิมพ์การ์ดเชิญทุกวัน วันละยี่สิบชุดบ้าง ห้าสิบชุดบ้าง วันนี้รอบที่สามผมพิมพ์ไป 100 ชุด การ์ดเชิญงานนี้ถ้าถูกนำมาแสดงโชว์ในงานจะมีรูปแบบที่หลากหลายมาก (ไม่ได้ตั้งใจ)

ยังคงมีเอกสารอื่นๆอีกสองตัวที่จำเป็นต้องจัดเตรียมแบบเร่งรีบไม่แพ้กัน นั่นก็คือแผ่นพับอีกสองรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็ปรับเปลี่ยนแก้ไขมาหลายรอบ

เอกสารด้านบนนี้เป็นเอกสารตัวแรก จำนวน 8 หน้า ทีแรกจะทำ 200 ชุด ผมคิดไว้ในใจแล้วว่าจะทำเป็นระบบดิจิทัลเช่นกัน แต่คุยไปคุยมา เจ้าของงานบอกว่าจะเก็บไว้ใช้งานอื่นด้วย เลยต้องเพ่ิมจำนวนพิมพ์เข้าไปเป็น 500 ชุด ด้วยปริมาณพิมพ์เท่านี้จะเริ่มไม่เหมาะกับระบบดิจิทัลเสียแล้ว เพราะต้นทุนดิจิทัลต่อเล่มจะแพงเกินไป สุดท้ายงานนี้ก็เลยต้องไปพิมพ์ด้วยเพลท แต่ก็ต้องแลกกับเวลาทำงานที่นานขึ้น เอกสารตัวนี้ถ้าไม่สรุปในวันพรุ่งนี้ (อีก 24 ชั่วโมงหลังจากโพสท์นี้) ก็จะไม่ทันใช้งานในวันที่ 1 เดือนหน้า

เอกสารอีกตัวหนึ่งที่เพิ่งได้ข้อมูลมาเมื่อเช้า และป่านนี้(ดึกมาก) ก็ยังส่งข้อมูลมาไม่ครบ ผมเลยทำอาร์ตเวิร์คเท่าที่ทำได้ออกมาให้ตรวจเสียก่อน ก็ได้รูปแบบงานพิมพ์ออกมาตามภาพต่อไปนี้

ภาพนี้คือหน้าปก ผมให้ลูกน้องออกแบบชื่อและจัดวางตัวหนังสือของชื่อให้ ภาพประกอบผมถ่ายเองเมื่อตอนเดือนกุมภาพันธ์ต้นปีนี้ ซึ่งตอนถ่ายภาพก็ไม่คิดว่าจะได้หยิบใช้จริงๆ แต่ก็่ถ่ายเก็บไว้เป็นสต๊อกภาพ ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัลราคาถูกมากๆตัวหนึ่งของโกดัก ถ้าผมจำไม่ผิดมันจะเป็นรุ่น c140 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ราคาขายสองพันกลางๆ ผมชอบกล้องตัวนี้เพราะมันราคาถูก มันโฟกัสภาพได้ชัด มันใช้ถ่ายไฟฉายขนาด AA ซึ่งหาซื้อได้ง่าย และมันใช้หน่วยความจำ SD ซึ่งราคาถูกมาก

หน้าอื่นๆของเอกสารก็ค่อยๆทะยอยทำออกมา ดูรูปแบบเหล่านี้แล้วบอกได้เลยว่าผมไม่สามารถทำเองได้เลยในโปรแกรมจัดหน้ายอดนิยมอย่าง indesign ซึ่งเป็นเครื่องมือของคนทำนิตยสารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ถึงหากพยายามจะทำก็อาจจะพอได้ แต่คงใช้เวลาหลายชั่วโมงอย่างมาก ความง่ายและเร็วเหล่านี้เป็นผลมาจากโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสารชื่อ Pages ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดหน้าประเภทหนึ่งที่ apple เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา โปรแกรมนี้ทำงานบนความเรียบง่าย และหลักการง่ายๆ อะไรที่ควรจะง่ายมันก็ออกแบบให้ง่ายอย่างแท้จริง มันทำให้ผมสร้างเอกสารสวยๆได้ในเวลาที่สั้นอย่างไม่น่าเชื่อ

การเอาตัวรอดจากโปรเจ็คนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าผมจะทำได้อย่างไรถ้าไม่ได้โปรแกรมจัดหน้าตัวนี้ และถ้าผมไม่มีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลของตัวเอง ผมอาจจะทำไม่ทันก็ได้ การมีเครื่องดิจิทัลให้ใช้งานทำให้ผมสามารถทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับงานด่วนแล้วพิมพ์ออกมาในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หรือการพิมพ์บางส่วนไปใช้งานเบื้องต้นก่อนด้วยดิจิทัลแล้วค่อยไปผลิตแบบจำนวนเยอะด้วยเครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ท การมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลในครอบครองช่วยให้ธุรกิจงานพิมพ์สามารถขยายตัวไปอยู่ในส่วนที่โรงพิมพ์ที่ใช้เครื่องจักรยุคเก่าไม่สามารถทำได้ มันเป็นข้อดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโรงพิมพ์สมัยเก่า ผมคิดว่าการปรับตัวมาใช้เครื่องพิมพ์ดิจิทัลเป็นการขยับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมสำหรับตัวผมเอง และเชื่อว่าบริการพิมพ์เร็วด่วนได้แบบนี้คือคำตอบของการทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ในยุคต่อจากนี้ไป

ถ่ายภาพสตรอเบอรี่

ลูกค้าให้ทำงานติดสติ๊กเกอร์บนถังไอติม โดยจะเอาภาพสตรอเบอรี่เป็นหลัก และลูกค้าก็ได้หาภาพสตรอเบอรี่จากอินเทอเน็ตมาให้แล้ว แต่ละภาพก็เล็กเกินไป ไม่สามารถจะเอามาขยายเพื่อติดตั้งได้เลย ผมเลยเสนอว่าให้ถ่ายภาพใหม่ดีกว่า ให้เขาซื้อสตรอเบอรี่มาแล้วเดี๋ยวผมถ่ายให้ใหม่ ไม่คิดค่าถ่ายภาพ

คุยกันตอนเช้า ตอนบ่ายสตรอเบอรี่ก็มาถึงผมแล้ว แต่กว่าจะได้ถ่ายภาพจริงๆก็หลุดไปถึงช่วงเย็นเพราะตลอดวันงานยุ่งมาก ไม่สามารถเจียดเวลามาถ่ายภาพได้เลย ตอนเย็นๆค่ำๆหลังจากหมดธุระที่จะต้องพูดคุยกับลูกค้าแต่ละรายแล้ว ก็เริ่มถ่ายภาพ

การถ่ายภาพให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่ผมก็เลือกที่จะทำด้วยเหตุผลสองข้อ ข้อแรกคือลูกค้าคนนี้คือลูกค้าประจำ ปีหนึ่งๆเขาจ่ายเงินค่าสิ่งพิมพ์ให้ผมเป็นแสนบาท ผมบริการเขาแค่นี้เรื่องเล็กน้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมมีโอกาสได้ถ่ายภาพสต๊อกเก็บไว้ ภาพสตรอเบอรี่ไม่ถูกใช้งานแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแน่นอน จะเอาไปทำโปสการ์ดยังได้เลย

ก็เลยเป็นที่มาของภาพชุดนี้ ผมใช้เวลาถ่ายไม่นาน ตั้งกล่องไฟ ตั้งแฟลชด้วยความคุ้นเคย ตั้งแต่เริ่มหยิบอุปกรณ์จนถึงนาทีที่กดชัตเตอร์ผมใช้เวลาไม่เกินห้านาที แล้วก็ใช้เวลานั่งมองนั่งคิดอีกครึ่งชั่วโมง

มีการเปลี่ยนองค์ประกอบและเปลี่ยนค่าแสงบ้างเพื่อให้สีสันมันแตกต่างกันออกไป บางภาพผมตั้งใจเอาไปทำโปสการ์ด บางภาพตั้งใจเอาไว้ใช้โอกาสอื่นๆ แต่ภาพที่จะใช้กับงานปัจจุบันนี้ ยังเลือกไม่ได้เลย

เว็บนี้่ถ่ายภาพสวยดี Bridal Portraits | Houston Photographer Aric C. Hoek, the Master of Shadows ®, Solaris Studios

Award winning

via Bridal Portraits | Houston Photographer Aric C. Hoek, the Master of Shadows ®, Solaris Studios.

เว็บขายภาพก้าวต่อมา

หลังจากที่ความพยายามจะทำเว็บขายภาพของผมต้องพิการไปประมาณ 1 ปีกว่าๆ มาวันนี้ผมเปลี่ยนวิธีการทำงานเล็กน้อย แต่ก่อนจะมาถึงวันนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

สองสัปดาห์ที่แล้วผมได้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการขายภาพสต๊อค เป็นหนังสือที่จัดทำโดยช่างภาพท่านหนึ่งซึ่งผมก็ไม่เคยรู้จัก สิ่งที่อยู่ในหนังสือคือธุรกิจขายภาพ หนังสือเล่มนั้นแนะนำวิธีเอาภาพไปขาย ผมได้ความรู้จากหนังสือเล่มนั้นเยอะมาก มันเป็นครึ่งทางของสิ่งที่ผมอยากทำ อีกครึ่งหนึ่งคือผมอยากเป็นตัวแทนขายภาพ แต่การเป็นตัวแทนขายภาพมันยาก มันทำคนเดียวไม่ได้ แต่ผมก็ยังคิดว่าจะทำคนเดียวอยู่ดี

การจะตั้งระบบคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งค้นหาภาพ ผมกำลังทำเลียนแบบเว็บยักษ์ใหญ่หลายเว็บ แต่สเกลกระจอกกว่ากันเป็นร้อยล้าน พันล้านเท่า สิ่งที่เหมือนกันคือผมอยากขาย ผมมีระบบอัพโหลด มีระบบแสดงภาพ มีระบบค้นหาภาพ มันเหมือนกับเว็บยักษ์ใหญ่ ผมรู้ว่าผมกำลังเอาน้ำพริกไปละลายมหาสมุทร เอาลมหายใจไปสู้กับพายุ ผมรู้อนาคตของเว็บนี้แล้ว แต่ว่า…. แต่ความสวยงามของพลุมันก็ยังน่าดู น่ามอง น่าจดจำ ผมอยากเห็นพลุสักลูกที่ผมทำ แม้ว่ามันจะสู้แสงอาทิตย์ไม่ได้เลยก็ตาม

ผมเปลี่ยนวิธีการทำงานเล็กน้อย จากที่เคยขุดของเก่ามาอัพโหลดเป็นลำดับแรก ผมเปลี่ยนมาเป็นเอารูปที่ถ่ายใหม่มาอัพโหลด แล้วค่อยทะยอยย้อนกลับไปใช้รูปเก่าๆ การทำแบบนี้ผมจะมีรูปเพิ่มขึ้นตามงานถ่ายภาพที่ผมทำอยู่เกือบทุกวัน ถ้าผมยืนยันกับการเอาภาพเก่ามาขึ้นเว็บก่อน ผมก็จะไม่มีวินัยในตัวเอง และมันก็จะถูกผลัดวันประกันพรุ่ง เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการทำงาน

ขอบคุณหนังสือเล่มนั้นที่ช่วยเตือนให้ผมรู้ว่าผมมีเรื่องที่อยากทำ และต้องลงมือทำ และต้องทำทันที ผมเชื่อในสิ่งที่ผู้เขียนท่่านนั้นอธิบายไว้ในหนังสือ จุดเด่นจุดด้อยต่างๆของระบบขายภาพแบบของผมและแบบยักษ์ใหญ่เป็นอะไรบ้างผมพอจะเห็นภาพแล้ว ผมอาจจะเป็นช่างภาพที่ขายภาพสต๊อกให้เว็บใหญ่ และเป็นช่างภาพที่มีเว็บขายภาพส่วนตัวด้วย มันเป็นรูปแบบผสมผสานที่อาจจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างไป รอดูไปเรื่อยๆดีกว่า

http://www.sawasdeephoto.com/

โน้ตบุ๊คเสียอีกแล้ว คราวนี้เขาว่าเป็นที่ฮาร์ดดิสก์

โน้ตบุ๊คของ apple รุ่น macbook pro ความเร็ว 2.2GHz เป็นโน้ตบุ๊คประจำตัว ใช้งานมาแล้วสองปี ห้าเดือน ซื้อประกันเพิ่มเป็นสามปี เคยส่งซ่อมมาแล้วสามครั้ง ครั้งแรกซ่อมแบตเตอรี่ได้เปลี่ยนตัวใหม่มาเลย ครั้งที่สองซ่อมเมนบอร์ดเพราะว่าเปิดไม่ติด ครั้งที่สามซ่อมแบตเตอรี่อีกครั้ง ได้เปลี่ยนตัวใหม่มาอีกเช่นกัน

รอบนี้ ใช้งานอยู่ดีๆก็มีอาการเครื่องแฮงค์ คือไม่ตอบสนอง ต้องกดปุ่มปิดสถานเดียว แล้วเปิดใหม่ก็ไม่สามารถบูทเข้าไปใช้งานได้ ได้เห็นแค่หน้าจอสว่างขึ้น แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเคลื่อนไหวเลย พยายามจะบู๊ทเครื่องด้วยแผ่นซีดีก็ไม่สามารถทำได้ เลยยกเข้าไปส่งซ่อมที่ศูนย์ MCC หรือ Macintosh Center ที่ห้างฟอร์จูน

ส่งซ่อมรอตรวจเช็ค พนักงานแจ้งว่าฮาร์ดดิสก์เสีย พอถอดของเสียออกก็ใช้งานได้ ผมต้องเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่ เลยจัดการเอาตัวเก่าที่เคยได้รับมาพร้อมเครื่องขนาด 120g กลับไปใส่แทน แล้วเอาตัวที่เสียซึ่งผมเปลี่ยนเอง 320g ออกมาเพื่อส่งเคลมอีกยี่ห้อหนึ่ง เพราะ apple รับประกันเฉพาะชิ้นส่วนที่มาพร้อมเครื่อง สิ่งที่เปลี่ยนเอง สิ่งที่เพิ่มเอง ต้องไปแยกเคลมตามบริษัทที่ซื้อมา

เสียอารมณ์นิดหน่อยที่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องของเสีย เวลา 1 ชั่วโมงที่รอช่างตรวจสอบอยู่ก็แวะไปเดินเล่นที่ร้านขายคอมพิวเตอร์ apple แล้วก็ไปดูราคาเครื่องใหม่ โน้ตบุ๊คที่ถูกที่สุดราคา 34900 บาท ตัวเครื่องเป็นพลาสติกสีขาวดูสวยดี แต่ไม่กล้าซื้อเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าใช้ไปนานๆแล้วพลาสติกจะแตก

ไปดูอีกรุ่นที่แพงขึ้น ราคา 40900 บาท macbook pro ตัวนี้เป็นจอ 13 นิ้ว ของเดิมผมใช้จอ 15 นิ้ว รุ่นใหม่จอเล็ก ราคาถูกลง ความสามารถเครื่องเร็วขึ้น แต่การเชื่อมต่อและพอร์ตต่างๆจะน้อยกว่ารุ่น 15 นิ้ว รุ่น 13 นิ้วนี้เป็นตัวที่น่าซื้อเพราะราคาถูกมากแล้วเมื่อเทียบกับของเก่า แต่ผมก็ยังรู้สึกอยากได้เครื่องใหญ่กว่าอยู่ดี เลยดูไปที่รุ่นจอ 15 นิ้ว มันราคา 61900 บาท ตัวนี้อยากได้ แต่เงินไม่พอ ซื้อไม่ไหว ทนซ่อมทนใช้ของเก่าไปก่อนดีกว่า

งานที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์ที่เสียมีบางงานที่ยังไม่ได้แบ็คอัพไว้ คาดว่าจะเสียรูปถ่ายไปประมาณ 1-2 งาน และข้อมูลลูกค้าบางส่วนที่เสียแน่ๆ แต่ว่ายังพอไปขอก็อปปี้จากลูกค้าได้ ถือว่าการเสียหายครั้งนี้ไม่สร้างผลเสียมากนัก แต่ก็ทำให้หงุดหงิดพอสมควร หงุดหงิดตรงที่ว่าเครื่องมือทำมาหากินมันเสียแล้วทำให้เราทำงานต่อไม่ได้ แต่การจะสำรองโน้ตบุ๊คไว้สองเครื่องเผื่อเสียมันก็ดูจะเกินความจำเป็นไป

ทำไมถึงไม่คิดจะหาเครื่องสำรองสำหรับงานคอมพิวเตอร์กันหนอ กล้องยังมีสำรองเลย คอมพิวเตอร์สำรองตัวละสี่หมื่นมันก็ราคาพอๆกับกล้องถ่ายรูป คิดได้แต่ก็ยังไม่รู้สึกอยากทำ

ถ่ายภาพทุ่งนาและต้นข้าว

ผมได้รับงานถ่ายภาพจากคนรู้จักแนะนำต่อ ลูกค้าคนใหม่นี้อยู่ต่างจังหวัด งานคือต้องไปถ่ายภาพต้นข้าวและทุ่งนาที่จังหวัดชัยนาท น่าจะใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเก็บภาพให้ครบตามเนื้อหาที่ต้องการ นัดวันเสาร์ วันศุกร์เย็นผมเพิ่งจะได้รับการอธิบายการเดินทาง นับว่ากระทันหันอย่างมาก

ผมตื่นเช้าตามปกติ ไปเคลียร์งานที่โรงพิมพ์ก่อนเล็กน้อย แล้วก็ออกเดินทาง โดยอุปกรณ์ถ่ายภาพทั้งหมดยังคงอยู่ในรถยนต์ ซึ่งไม่ได้ขนลงหลังจากที่กลับมาจากการถ่ายภาพอาหาร มีเพียงแบตเตอรี่ของกล้องและแผ่นเมมโมรี่เท่านั้นที่หยิบออกมาเพื่อชาร์จและก๊อปปี้ไฟล์งานเก่าเก็บไว้

ผมออกเดินทางจากบ้านตอน 09.00 น. ขึ้นทางด่วนไปดินแดงแล้วต่อโทลเวย์ แล้วก็ขับตรงไปยังชัยนาท ผมไปถึงประมาณ 11.15 น. นั่งพัก กินข้าง คุยเรื่องเนื้อหาที่ต้องถ่ายภาพ แล้วก็เร่ิมงานถ่ายกันประมาณบ่ายโมง

ครั้งนี้เป็นการถ่ายภาพทุ่งนาและต้นข้าวในระยะใกล้ชิดมาก เมื่อก่อนได้แต่ขับรถผ่านแล้วอย่างมากก็แวะข้างทาง หยิบกล้องมาส่องแล้วกดชัตเตอร์เก็บภาพแค่ไม่กี่นาที แต่รอบนี้ ผมได้ใช้เวลากับทุ่งนาและต้นข้าวอย่างเต็มที่ ได้ความรู้รอบตัวเรื่องข้าวค่อนข้างเยอะ เพราะลูกค้าอธิบายเรื่องราวหลายๆอย่างให้ฟังอย่างหมดเปลือก คงต้องการให้ผมเข้าใจพฤติกรรมของข้าว ผมก็เห็นด้วย

ก่อนจะมาถ่ายภาพชุดนี้ผมหาข้อมูลภาพทุ่งนาและต้นข้าวอยู่หลายชั่วโมง เพื่อจะดูว่าเขาถ่ายภาพลักษณะไหนกันบ้าง ดูจบแล้วก็พอจะรู้แนวและรู้ว่าจะถ่ายภาพเพื่อนำไปใช้งานทำสิ่งพิมพ์อย่างไรถึงจะใช้งานง่าย การทำการบ้านมาก่อน และการได้มีเวลาอยู่ในสถานที่จริงค่อนข้างนานทำให้ผมสามารถถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น มีภาพที่ดีจำนวนมากในมาตรฐานของผม แม้ว่าผมจะไม่ค่อยแน่ใจว่าลูกค้าจะชอบภาพลักษณะนี้หรือไม่ แต่ผมก็พอใจของผมเอง

ภาพริมทุ่งแบบนี้จะเห็นแนวคันดินและต้นข้าว เป็นเพราะผมยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ลุยเข้าไปเลยได้ภาพมาลักษณะนี้ เป็นภาพที่จัดองค์ประกอบแบบสมดุลย์ ไม่ได้มีความหมายอื่นๆที่แอบแฝงไว้ ผมมองภาพส่วนใหญ่ในวันนี้เป็นแบบเรขาคณิต คือมองสัดส่วน รูปทรง แต่เพียงเท่านั้น ไม่ได้ซ่อนความหมายอะไรไว้ในภาพ

หลายภาพเป็นภาพเพื่อความมั่นใจ หมายความว่าเป็นภาพที่ไม่แย่ เป็นภาพที่สามารถเอาไปใช้งานทำเอกสาร ทำสื่อต่างๆได้ไม่ยาก ผมเรียกภาพลักษณะนี้ว่า “เซฟช็อต” คือได้ภาพที่ดีในระดับนึง อาจจะไม่ได้สร้างสรรให้หวือหวาหรือโชว์ภูมิใดๆ

ภาพคนถือขวดผลิตภัณฑ์ เป็นภาพแนวบังคับว่าเนื้อหาต้องมีคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ด้วย ภาพนี้เป็นภาพที่ผมพยายามถ่ายให้ดูแปลกกว่าภาพเซฟช็อต เลยเลือกที่จะถ่ายคนด้วยเลนส์มุมกว้างพร้อมกับการเลือกใช้แฟลชเสริมยิ่งเข้าไปด้านหน้าด้วย ลักษณะภาพที่ออกแบบไว้ในหัวจะต้องมีท้องฟ้าสีฟ้าสวยๆอยู่ด้านหลัง แต่วันนี้มีเมฆเยอะ เลยได้มาแค่นี้

ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายออกมาจากเพิงที่พักของชาวนาเจ้าของที่ดิน ผมเห็นว่าที่นั่งตรงนี้มันร่ม และรู้สึกสบายตาที่จะมองออกมา เห็นด้านบนเป็นส่วนมืด ด้านล่างก็เป็นส่วนมืด เลยเลือกที่จะวัดแสงให้ต้นข้าวด้านนอกได้รับแสงพอดี แล้วปล่อยให้ด้านไม่โดนแสงมืดไปเลย

นี่คือเบื้องหลังอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้่ถ่ายภาพ ผมใช้แฟลชสองตัวช่วยกันยิงแสงออกมาสู้กับแสงแดด แต่ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอ จริงๆอยากได้แฟลชแรงกว่านี้ แต่ผมมีอยู่แค่สองตัวเลยไม่ค่อยตรงใจสักเท่าไหร่ ภาพที่ใช้แฟลชก็คือภาพคนด้านบนที่พูดถึงไปแล้ว

ภาพแปลงต้นกล้า เป็นต้นกล้าที่ถูกจ้างปลูกเอาไว้ ชาวนายุคปัจจุบันหลายคนเริ่มจ้างคนอื่นปลูกต้นกล้า เมื่อต้นกล้าโตเต็มก็ค่อยมาเอาไปลงดินจริงๆ ธุรกิจปลูกต้นกล้าก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีรายได้ค่อนข้างดี เพราะชาวนาหันมาใช้บริการจ้างปลูกต้นกล้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ภาพนี้คือต้นกล้าอายุ 1 วัน จริงๆคงไม่สามารถเรียกว่าต้นกล้าได้ เพราะมันยังเป็นแค่เมล็ดข้าวที่กำลังงอกหมาดๆ อายุแค่หนึ่งวัน

พอผ่านไปหลายวันต้นกล้าก็สูงขึ้น ยืนต้นวางเบียดกันเต็มกระบะ

ต้นกล้าอายุประมาณสองอาทิตย์ก็พร้อมจะถูกนำไปลงดินจริงๆ บางคนใช้ปักดำ บางคนใช้โยนกล้า ซึ่งเริ่มมีคนรู้จักวิธีโยนมากขึ้นเรื่อยๆ ภาษาท้องถิ่นเรียกวิธีการโยนว่า “นาโยน”

สาวคนนี้คือผู้รับจ้างปลูกต้นกล้า

ภาพชุดนี้มีคุณภาพค่อนข้างดี หลายภาพมีองค์ประกอบที่เหมาะสำหรับนำไปทำเอกสารและสื่อสิ่งพิมพ์ มีภาพของแถมหลายรูปที่ผมเห็นแล้วเลือกถ่ายเก็บไว้ด้วย

อย่างเช่นภาพนี้เป็นต้น ไม่รู้ว่าบริษัทที่ขายขนมถุงที่อยู่ในมือของเด็กคนนี้จะดีใจบ้างไหมถ้าได้เห็นภาพนี้

ผมเสร็จงานที่ชัยนาทประมาณห้าโมงเย็น กินข้าวเสร็จก็ขับรถกลับ ใช้เวลาเดินทางกลับประมาณสามชั่วโมง

ถ่ายอาหารอีกครั้งด้วยอุปกรณ์อนาถา

มีงานถ่ายภาพอาหารเข้ามาอีกแล้ว เป็นอาหารประเภทข้าวในร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง คราวที่แล้วถ่ายภาพแฮมเบอร์เกอร์ คราวนี้เป็นจานข้างซึ่งขนาดใหญ่กว่าเดิม ทำให้ผมต้องเปลี่ยนอุปกรณ์การถ่ายภาพเล็กน้อย

ลักษณะของอุปกรณ์ช่วยถ่ายในงานประเภทนี้คือเต๊นท์สำหรับถ่ายสินค้า ตอนที่ถ่ายของเล็กๆผมก็เอากล่องกระดาษขนาดไม่ใหญ่มาเจาะเพื่อติดกระดาษขาวบาง แล้วก็เอาสินค้าไปวางในกล่องเพื่อถ่าย แต่คราวนี้สินค้าใหญ่ขึ้น ผมเลยต้องเปลี่ยนเต๊นท์ให้ใหญ่ขึ้นเช่นกัน

กล่องใบใหม่นี้เป็นกล่องใส่ปริ๊นเตอร์ ผมรื้อหากล่องเก่าๆในโรงพิมพ์เพื่อเอามาดัดแปลง ใช้เวลาเลือกกล่องอยู่เกือบชั่วโมง แล้วก็จัดการตัดด้านข้างสองด้าน ด้านบนอีกหนึ่งด้าน สั่งคนงานทำให้ แล้วกล่องก็พร้อมใช้งานตอนสิบโมงเช้า ซึ่งคิวงานผมนัดไว้ตอน 11.00 น. ที่ถนนรามคำแหงใกล้ถนนวงแหวนตะวันออก

ทีแรกจัดไฟด้วยแฟลชตัวเดียว คือติดแฟลชไว้บนขาตั้งแล้วส่องข้างบนของกล่อง วางวัตถุในกล่องตามภาพ ได้ตัวอย่างงานตามที่เห็น

แล้วก็จัดการวางสินค้าจริงเข้าไปถ่าย เมนูอาหารจานเดียว แบบเดียว แต่วางหลายๆแบบ แล้วก็มีบางภาพที่ลองเพิ่มแสงแฟลชด้านข้างเข้าไปด้วย ผลลัพธ์ที่น่าพอใจออกมาในภาพช่วยสุดท้าย คือเป็นภาพที่ใช้แฟลชสองตัว โดยแฟลชตัวที่สองอยู่ทางด้านขวามือ

ได้แสงที่ต้องการแล้วก็ลองขยับอาหารดูหลายๆแบบ ได้ภาพคล้ายๆกัน ซึ่งลูกค้าดูแล้วก็พอใจ จบงานได้ภายในสองชั่วโมง

งานนี้ใช้เวลาเดินทางไปกลับนานกว่าเวลาที่ใช้ถ่ายภาพ

เก็บอดีตมาเล่า วิทยุ โมเดิร์นด๊อก พระพุทธชินราช

ครอบครัวผมขายบ้านออกไปหลังหนึ่งเพราะว่าดูแลไม่ทั่วถึง บ้านหลังที่ผมโตขึ้นมาสมัยเรียนหนังสือ พอขายไปก็ต้องย้ายของออกมา พอย้ายของก็ได้เจอเรื่องในอดีตหลายเรื่อง เลยเก็บของบางอย่างมาถ่ายรูปเก็บไว้

วิทยุขวดโค้ก
มันเป็นวิทยุที่รับคลื่นแทบไม่ได้เลย ในสมัยนั้นปีไหนผมจำไม่ได้ มันเป็นของแถมมาจากร้านไอศรีมสเวนเซ่น ในตอนนั้นมันรับคลื่นได้บ้างไม่ได้บ้าง คลื่นหลักๆพอรับได้ แต่พอเปลี่ยนคลื่นอาจจะหมุนกลับมาที่เดิมไม่เจอ สรุปว่าวิทยุเครื่องนี้เป็นของพรีเมี่ยมที่ดูน่าสนใจแต่ใช้งานไม่ได้เรื่อง ยิ่งถ้าเอามาเปิดในปีนี้ (พ.ศ.2553) ผมคิดว่ามันคงจะรับคลื่นลำบากยิ่งกว่าเดิม เพราะวิทยุชุมชนมันอัดแน่นเต็มไปหมด ผมจะฟังคลื่นวิทยุหลักๆสักคลื่นบางทียังฟังไม่ได้ เพราะโดนคลื่นวิทยุชุมชนเบียดแย่งไปหมดเลย

เทปโมเดิร์นด๊อกชุดแรก
เทปม้วนนี้เป็นอัลบั้มแรกแต่ปั๊มออกมาขายรอบที่สอง เพราะเทปม้วนนี้มีเพลงแถมคือเพลง “ก่อน” ในแบบอคูสติกด้วย มันเป็นเพราะเพลงนี้มันดังและฮิตมากนั่นเอง เทปม้วนแรกจริงๆของผมหายไปไหนผมก็จำไม่ได้แล้ว เลยซื้ออีกม้วนตอนที่มันมีเพลงแถมด้วย นอกจากเทปแล้วผมก็มีแผ่นซีดีเหมือนกัน เป็นแผ่นที่ผมพกไปขอลายเซ็นต์ของศิลปินตอนเขามาเล่นที่มหาวิทยาลัย ว่าไปแล้ว โมเดิร์นด๊อกก็กลายเป็นตำนานไปเลยหลังจากที่ทำอัลบั้มออกมาเพียงแค่ชุดเดียว เพลงอาจจะไม่เพราะทั้งหมด แต่มันสร้างสรรค์มากทุกเพลง เป็นความพยายามที่น่าชื่นชม และไม่รู้ว่าจะหาวงดนตรีวงไหนที่มีความสร้างสรรค์และนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการเพลงไทยได้อีกครั้งเหมือนแบบที่โมเดิร์นด๊อกเคยทำได้

ภาพพระพุทธชินราช
ผมเป็นเจ้าของภาพนี้แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพนี้ ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าผมวางแผนที่จะถ่ายภาพนี้ตั้งแต่ต้นโดยการฝากกล้องมีเดียมฟอร์แม็ต Yashica 635 ซึ่งเป็นกล้องโบราณแบบทวินเลนส์ไปกับเพื่อนที่กำลังเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือ เพื่อนผมชื่อ “เขียน” มันไปเที่ยวและมันก็เป็นคนชอบถ่ายรูปด้วย มันพกกล้องของมันไปด้วย ผมก็เลยฝากกล้องโบราณติดไปด้วยตัวนึง และบอกกับมันว่า ภาพพระพุทธชินราชผมขอให้มันช่วยถ่ายให้หน่อย กล้องโบราณตัวนี้ไม่มีตัววัดแสง หมายความว่าต้องใช้กล้องสมัยใหม่ช่วยวัดแสงเสียก่อน แล้วก็มาปรับกล้องโบราณด้วยค่า f และ speed ที่วัดได้ ถ่ายให้องค์ประกอบสมดุลย์ ก็เลยได้ภาพนี้มา หลายปีผ่านไปฟิล์มก็หลงติดไปอยู่กับเพื่อนผมจนแทบจะหาไม่เจอแล้ว แต่สุดท้ายก็ตามกลับมาจนได้ ภาพนี้ผมเอาฟิล์มไปสแกนที่ร้านอัดรูปเพื่อเก็บไว้ดูในคอมพิวเตอร์ พระพุทธชินราชถูกบูรณะครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด ทำสี และเปลี่ยนผนัง จัดแสงไฟใหม่ ภาพนี้เลยเป็นภาพที่ไม่อาจจะถ่ายได้อีก

รีวิวเก้าอี้ aeron chair ของ herman miller เก้าอี้เพื่อคนนั่งนาน

ช่วงห้าปีหลังมานี้ผมมีปัญหากับอาการปวดหลัง บางครั้งปวดรุนแรงถึงกับงอตัวไม่ได้ ตอนที่ปวดมากๆ ไม่สามารถออกแรงพยุงตัวเองออกจากรถยนต์ได้เลย เพราะท่าลุกออกจากรถยนต์มันใช้กล้ามเนื้อหลังเป็นหลัก อาการปวดหลังจะเป็นอยู่นานๆที แต่มันก็เป็นบ่อยจนผมจำ จำว่าผมเป็นคนมีหลังไม่แข็งแรง

เคยไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นกระดูกทับเส้นประสาท แฟนบอกกระดูกสันหลังของผมอาจจะคด แอบคิดไปเองว่าท่านั่งทำงานของผมคงมีปัญหา คงต้องพยายามเปลี่ยนเก้าอี้ที่นั่งทำงาน เพื่อให้สภาพหลังและก้นดีขึ้น

aeron1

แล้วก็ได้มารู้จักเก้าอี้ยี่ห้อ herman miller ซึ่งยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้ออะไรมาจากไหนผมก็ไม่เคยรู้ ถ้าบอกว่ารถเบนซ์ รองเท้าไนกี้ กล้องนิคอน แบบนี้ก็พอจะรู้จัก แต่ยี่ห้อเก้าอี้ไม่เคยอยู่ในความสนใจ เมื่อหลายปีก่อนผมเคยได้งานพิมพ์ชิ้นหนึ่ง เป็นของบริษัท herman miller ซึ่งขายเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะเก้าอี้ในรูปแบบต่างๆ ลักษณะของสิ่งพิมพ์ที่เขาสั่งพิมพ์กับผมนั้นเป็นงานออกแบบสิ่งพิมพ์ที่เรียบง่ายและสร้างสรรค์ ไม่เหมือนใบปลิวของสินค้าอื่นทั่วไปที่แจกกันดาดดื่นไม่มีราคา สิ่งพิมพ์ชุดนั้นทำให้ผมอยากรู้ราคา และพอรู้แล้วก็ทำใจลืมไปเสียทันที เพราะมันเป็นเก้าอี้ที่แพงเหลือเกิน แพงในแบบที่ผมไม่คิดว่าผมจะอยากได้มัน

และเมื่อไม่นานมานี้ อาการปวดหลังก็กลับมาอีกครั้ง ประจวบกับในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งมีการพูดคุยกันเรื่องเก้าอี้ที่สามารถช่วยแก้อาการปวดหลังได้ ผมก็เลยสนใจและลองหาข้อมูลดู เก้าอี้ที่ว่านี้ชื่อ Aeron Chair เป็นของ Herman miller และมีการรวมตัวกันซื้อของสมาชิกเว็บบอร์ดด้วยเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง

aeron2

สมัยทำงานใหม่ๆ ผมทำงานในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ เป็นงานที่ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานเป็นหลัก จะเกิดงานก็ต่อเมื่อนั่งหน้าจอคอมฯเท่านั้น ในตอนนั้นก่อนจะนั่งเขียนโปรแกรมในแต่ละวัน ผมจะจัดที่ทาง จัดโต๊ะทำงาน เตรียมขนม ของกิน กาแฟ สมุด กระดาษ แก้วน้ำ และเก้าอี้อย่างพร้อมเพียง เพื่อให้สมาธิอยู่กับงานเต็มที่ นอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ดีๆสักตัวแล้ว สิ่งที่อยากได้คู่กันถ้าเลือกได้ก็คือเก้าอี้ที่ถูกใจ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเก้าอี้ดีๆมันมีราคาเท่าไหร่ และไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามีธุรกิจขายเก้าอี้ดีๆอยู่ในโลกนี้ด้วย เพราะความคิดในวัยนั้นคิดว่า ที่รองก้น มีพนักพิง ก็พอแล้ว

ในเว็บบอร์ดตกลงรวมตัวกันไปซื้อเก้าอี้ ผมยกมือเป็นหนึ่งในนั้น แล้วก็แวะไปที่โชว์รูม ซึ่งเป็นโชว์รูมที่ผมเคยขนสิ่งพิมพ์ไปส่ง ที่เดิม เวลาเปลี่ยน วัยวุฒิเปลี่ยน ผมแก่ขึ้น และมีความอยากจะลงทุนกับสิ่งที่เรียกว่าสุขภาพมากขึ้น ก็เลยซื้อกลับมา 1 ตัว และวันนี้มันก็มาส่งแล้ว ผมนั่งทำงานและพิมพ์ข้อความนี้บนเก้าอี้ตัวใหม่นี้

จากเอกสารที่หาอ่านในอินเทอเน็ต Aeron เป็นเก้าอี้ที่ออกแบบโดยสถาปนิก เพื่อสถาปนิก และมีงานวิจัยรองรับอยู่หลายสิบชิ้น ยิ่งหาก็ยิ่งเจอแต่คำแนะนำให้ใช้ ยิ่งเจอแต่คำชมว่า aeron chair เป็นเก้าอี้ที่ดีที่สุดสำหรับการนั่งทำงาน เป็น the wish list ของโปรแกรมเมอร์และคนนั่งโต๊ะทำงานเกือบทั่วโลก และยังได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมอีกหลายรางวัล เป็นเก้าอี้แห่งทศวรรษกันไปนั่น

นอกจากคำสรรเสริญเยินยอแล้ว ยังมีข้อมูลอื่นๆที่ประกอบการตัดสินใจให้ผมอีกหลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามัน “เจ๋ง” เช่น การรับประกัน 12 ปี ซื้อก่อนแต่งงาน สามารถใช้งานได้ยาวนานจนลูกโต ถ้าลูกอยู่ ม.1 ก็จะใช้ได้จนเรียนจบปริญญาโท มันคงเป็น 12 ปีที่ไม่ต้องมองหาเก้าอี้ใหม่ และผมก็หวังว่าเมื่อพ้น 12 ปีไปแล้วมันก็ยังคงใช้งานได้ดี และถ้าเสียก็คงซ่อมไม่แพงเกินไป มันน่าจะอยู่กับผมจนลืม นอกจากการรับประกันที่ยาวนานแล้ว ยังมีงานโฆษณาออกมาให้ดู เขาเอาเก้าอี้ไปเล่นฮ็อกกี้ เพื่อโชว์ว่าเก้าอี้แข็งแรง ล้อหมุนทนทาน แต่ผมถามพนักงานขายแล้ว เขาบอกว่า ถ้าเอาไปเล่นฮอกกี้แล้วเก้าอี้แตก หรือหัก คงไม่รับประกัน เพราะเป็นการใช้งานผิดประเภท โฆษณาเล่นฮ็อกกี้เป็นโฆษณาส่งเสริมการขายว่าเก้าอี้มันแข็งแรง แต่ไม่ได้อยากให้ลูกค้าเอาไปเล่นจริงๆ

รูปถ่าย0071

เก้าอี้มาส่งแล้ว วางเข้าไปในคอกทำงาน ผมซื้อสีดำเพราะราคาถูกกว่าสีโครเมี่ยม และได้ลองให้แม่นั่งเล่นแล้ว แม่ก็ยิ้มและบอกว่านั่งสบายดี สมราคา

รูปถ่าย0072

แม่ผมเป็นคนโคตรประหยัด ทีแรกที่ผมบอกว่าผมซื้อเก้าอี้ตัวละสี่หมื่นก็กลัวว่าแม่จะด่าเอา แต่กลับกลายเป็นแม่เห็นด้วย โชคดีจริงๆ

การใช้งาน

Aeron chair มี 3 ขนาด เราต้องสั่งซื้อให้ถูกขนาดที่เหมาะกับตัวเรา วิธีการเลือกขนาดก็คือ ไปทดลองนั่งที่โชว์รูม ลองทั้ง 3 ขนาด แล้วก็ค่อยตัดสินใจ   การนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่เกินไป มันก็จะไม่โอบรอบตัวเรา การซัพพอร์ตต่างๆที่จะช่วยให้เรารู้สึกสบายขึ้นก็จะไม่ได้ผล  หากนั่งตัวเล็กเกินไปก็จะแคบและอึดอัด

เมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้ว เราก็ใช้งานมันเลย  เก้าอี้ตัวนี้ทำอะไรกับเรา  ตอนนั่งอยู่บนตัว aeron chair เป็นความรู้สึกว่าเรากำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ  เราไม่รู้สึกว่าตัวเรามีน้ำหนัก  หลัง ก้น ไม่ได้รู้สึกว่าต้องออกแรงแบกน้ำหนักตัว  มันทำให้เรานั่งนานๆได้โดยไม่เมื่อย   ผ้ารองนั่งและส่วนรองหลังที่เป็นตาข่ายชนิดพิเศษ ช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี  การนั่งนานๆจะไม่มีเหงื่อที่ก้นเลย  ทั้งก้นและหลังจะยังคงแห้ง ไม่หงุดหงิด   เทียบกับการนั่งรถยนต์ทางไกล  ต่อให้เราเปิดแอร์ในรถเย็นแค่ไหน แต่ถ้าเรานั่งรถไปสัก 2 ชั่วโมง หลังจะร้อน ก้นจะร้อน เพราะเบาะนั่งในรถยนต์มันระบายความร้อนไม่ดีนั่นเอง ซึ่ง aeron chair ทำได้ดีกว่าอย่างเหนือชั้น

นั่งทำงาน หรือ นั่งเล่นเว็บ ยาวๆสัก 3 ชั่วโมง ผมไม่รู้สึกเมื่อยล้าแต่อย่างใด  จะเป็นสายตาเสียอีกที่มองจอคอมนานๆแล้วรู้สึกไม่ดี  เก้าอี้ตัวนี้เป็นตัวช่วยให้เราโฟกัสอยู่กับงานได้นานยิ่งขึ้น  นานมากอย่างที่เราคาดไม่ถึง  ผมไม่แปลกใจเลยที่มันมาจากสถาปนิก  อาชีพที่ต้องนั่งทำงานยาวๆ  ในวันทำงานผมก็อยู่กับเก้าอี้ตัวนี้ตลอดแทบทั้งวัน  มีลุกเดินออกไปตรวจงานบ้าง แต่ก็กลับมานั่งได้สบายใจ  ในวันหยุดที่ไม่ได้ออกไปไหน  ผมก็มานั่งฟังเพลงบนเก้าอี้ตัวนี้  แม้ว่าจะเป็นเก้าอี้ทำงาน แต่มันก็ใช้นั่งฟังเพลงได้   จะฟังจากลำโพงหน้าคอมพิวเตอร์  หรือ หูฟัง ก็ยังคงใช้เวลาอยู่บนเก้าอี้ได้นานจนจบไปหลายเพลง

การนั่งเก้าอี้อย่าง aeron chair จะทำให้เราเคยชินกับคุณภาพและการออกแบบเพื่อรองรับสรีระ  เราจะเข้าใจคำว่า ergonomic ได้อย่างถ่องแท้   หลังจากใช้ไปหลายปีผมย้อนกลับมาเขียนอัพเดทข้อมูลอีกครั้ง ผมยังคงปลาบปลื้มกับการใช้เวลาบนเก้าอี้ตัวนี้อยู่  แถมตาข่ายผ้าที่ขึงตึงตั้งแต่วันแรกจนวันที่ผ่านมาแปดปี มันก็ยังคงตึงเหมือนเดิม  เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่มันไม่เก่า ไม่ย้วยเลย

มีนักเล่นเครื่องเสียงบางคนก็ใช้เก้าอี้แบบนี้ในห้องฟัง  แม้ว่าห้องฟังจะเหมาะกับโซฟา หรือเหมาะกับเก้าอี้ที่เตี้ยกว่าเก้าอี้ทำงาน  แต่หากจะต้องใช้เวลาในห้องฟังหลายชั่วโมง  จะนั่งดูหนังนานๆสัก สองชั่วโมงไม่ลุก  ผมจะใช้ตัวนี้แน่นอน  เก้าอี้ทรงอื่น รูปแบบอื่นแม้จะดูนั่งสบาย เอนหลังสบาย และดูนุ่มนวลดูดวิญญาณแค่ไหน แต่ถ้านั่งนานๆจะเจอปัญหาเรื่องความเมื่อยล้าและร้อนแทบทั้งสิ้น

เก้าอี้นี้เหมาะกับใคร

เหมาะกับสถาปนิก  เพราะเก้าอี้ตัวนี้ออกแบบโดยสถาปนิก

เหมาะกับโปรแกรมเมอร์  เพราะโปรแกรมเมอร์ที่สมาธิดี ไม่ลุกจากเก้าอี้จะได้โค้ดที่ไหลมาเทมา

เหมาะกับนั่งเล่นเครื่องเสียง  เพราะการนั่งฟังเพลงนานๆแบบไม่เมื่อยทำให้เราได้อรรถรสย์ของการฟังเต็มที่

เหมาะกับคนชอบอ่านหนังสือนานๆ

เหมาะกับคนปวดหลังเรื้อรัง  ผมลองแล้วผมหายปวดหลังไปยาวนานมาก นานจนลืมไปเลย

ขอบคุณ herman miller ที่ผลิตเก้าอี้ดีๆออกมาขาย  ขอบคุณนักออกแบบ

ภาพตอนท้ายนี้แถมให้ ถ่ายภาพเปรียบเทียบเมื่อเวลาผ่านไป 11 ปี

IMG_20211203_140525