กล่องใส่ magic mouse กลายเป็นกล่องใส่นามบัตร

magic mouse เป็นเม้าส์ของ apple ที่ออกแบบมาเป็นแบบไม่มีปุ่ม และมีมัลติทัชให้ใช้งาน ถือว่าเป็นเม้าส์ที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุดในโลกตัวหนึ่ง หน้าตาดี สวยงามตั้งแต่กล่องใส่กันเลย และผมก็ซื้อมาใช้งานแล้วหลายเดือน

วันนี้เหลือบไปดูบนชั้นวางของ เห็นกล่องใส่ magic mouse ที่ดูดี ราคาแพง วางอยู่เฉยๆ เลยคิดออกว่าเอามาใช้งานดีกว่า เลยเอามาใส่นามบัตรซะเลย เพราะกล่องใส่นามบัตรทั่วไปมักจะเป็นกล่องใสๆอยู่แล้ว ก็เอามาใช้แทนกันไปเสีย เวลาหยิบนามบัตรแจก คนที่พบเห็นจะได้รู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น

พอเอามาวางในกล่องแล้วลองจับมันวางเพื่อค้ำยันให้ฝากล่องมันเปิดทิ้งไว้ ดูแล้วรูสึกว่ามันสวยดี เลยจัดการถ่ายรูปเก็บไว้เสียหน่อย แต่จะถ่ายให้สวยก็ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยบ้าง ก็คือเอาเข้าไปถ่ายด้วยชุดไฟสำหรับถ่ายสินค้าเสียเลย ใช้ความรู้เกี่ยวกับการจัดแสงแฟลชเล็กน้อย แล้วก็ได้ภาพแบบนี้

เบื้องหลังก็คือ กล่องไฟอนาถาราคาประหยัด กับแฟลชถ่ายรูป นามบัตรที่ใส่ในกล่องก็ทำขึ้นมาใหม่เดี๋ยวนั้นเลย พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล แล้วก็ตัดขอบมนรอบด้าน มันก็กลายเป็นนามบัตรหรูหรา พร้อมกล่อง magic mouse ที่หรูหรายิ่งกว่า

ห้องมืดถูกใช้เป็นสตูดิโอขนาดย่อม เพราะว่าสภาพห้องมันมีโต๊ะวาง ทำให้่ถ่ายของสะดวก มีแอร์เปิดเย็นสบายทำให้ทำงานในห้องนี้ได้นาน คราวต่อไปจะดัดแปลงกล่องไฟอนาถาให้ใหญ่ขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น อนาถาจะได้กลายเป็นผู้ดีมีราคา

ปล. ข้อมูลการถ่าย กล้อง Eos5d เลนส์ Tamron 28-75/2.8 แฟลช canon550 พร้อมตัวส่งสัญญาณ trigger ขณะถ่ายภาพปรับรูรับแสง f5.6 speed 1/125 iso100

พา honda freed ไปเข้าศูนย์ เช็คระยะ 10000 กิโลเมตร

ขับรถยนต์คันใหม่ Honda Freed มาครบสามเดือนแล้ว วิ่งไปได้ประมาณ 10500 กิโลเมตร ได้เวลาพาไปเข้าศูนย์เสียที ตอนแรกที่ได้รถมาใหม่ๆ พอใกล้จะครบ 1000 กิโลเมตร ก็โทรไปถามเซลส์ว่าต้องเอาเข้าศูนย์ไหม? เซลส์ตอบมาว่า เดี๋ยวนี้รถ Honda ออกแบบมาให้พ้นรันอินตั้งแต่วันขายแล้ว และเอาเข้าศูนย์อีกทีตอน 10000 กิโลเมตรได้เลย

ก็เลยเพิ่งจะได้เข้าศูนย์กับเขาครั้งนี้เป็นครั้งแรก ขับรถไปจอดไว้ที่โชว์รูม ใช้เวลาทำเอกสารประมาณ 15 นาที ก็เรียบร้อย อีกสองชั่วโมงเสร็จ ผมเลยนั่งแท๊กซีี่กลับมาทำงานก่อน แล้วค่อยแวะไปอีกที ค่าใช้จ่ายที่ศูนย์ประเมินอยู่ที่ 700 บาท เป็นค่าน้ำมันเครื่อง ฟรีค่าแรง ฟรีเพราะอะไรผมก็จำไม่ได้แล้ว

ทำงานไปเรื่อยๆ ช่างโทรมาแจ้งว่าเสร็จแล้ว เข้าไปรับได้เลย ก็เลยนั่งแท๊กซี่ไปกลับไป ไปถึงยังไม่ได้ทันที กำลังล้างรถอยู่ ก็เลยขึ้นไปนั่งรอที่ห้องรับรองลูกค้า ซึ่งห้องรับรองที่นี่น่าประทับใจมาก มันเป็นห้องกว้างๆ มีโต๊ะรับแขก มีโต๊ะทำงาน มีเคาเตอร์ มีเก้าอี้นวย มีที่นั่งทุกรูปแบบที่คนเราน่าจะชอบ มีอินเทอร์เน็ตให้เล่นฟรี เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งชุดเลย มีบริการ WIFI ด้วย มีขนม มีคุ๊กกี้ มีกาแฟให้ชงเอง มีน้ำส้ม น้ำหวานแบบกดเอาเองเลย มีไอศครีมอยู่ในตู้แช่ ทุกอย่างหยิบเองตามสบาย ผมสามารถใช้พื้นที่แห่งนี้ทำงานได้เลย ประทับใจกับความพยายามที่จะดูแลลูกค้าแบบนี้มาก

พอล้างรถเสร็จช่างก็เดินมาแจ้ง ผมรับรถ แล้วขับออกมาทำงานต่อ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการเช็ค 10000 กิโลเมตรอยู่ที่ 702.99 บาท ผมจ่าย 703 บาท ไม่ต้องทอน 55555555555555

ปล. ลืมบอกชื่อโชว์รูม ฮอนด้า สาขาบางปะแก้ว

ถ่ายภาพแม่

ภาพแม่นั่งเล่นอยู่หลังบ้าน ระหว่างรอไปกินอาหารมื้อเย็น ก่อนหน้านี้หนึ่งนาทีผมเตรียมเก็บของเพื่อจะออกไปกินข้าวกัน เหลือบไปเห็นว่าแม่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่แสงสวย อิริยาบทกำลังดูสบายๆ แม่ชอบนั่งในส่วนถ้าอากาศไม่ร้อน พื้นที่สวนหลังบ้านเป็นส่วนที่ใช้ร่วมกันกับบ้านอื่น หลังบ้านเราก็จะตรงกับหลังบ้านคนอื่นๆเหมือนกัน เพื่อนบ้านสามารถเดินไปเดินมา แวะมาเยี่ยมเพื่อนบ้านได้ทางหลังบ้านเลย เห็นแสงแบบนี้ หยิบกล้องขึ้นมาทันที เลนส์ Tamron 28-75 ปรับซูมไปที่ระยะ 75mm โหมดวัดแสงเลือกเป็น Av รูรับแสง 2.8 ลักษณะภาพแบบนี้วัดแสงพอดีไม่ต้องชดเชยเลย ตั้งความไวไว้ที่ iso200 กล้อง eos5d โฟกัสแล้วถ่าย ภาพเดียวก็ถูกใจแล้ว ถ้าพยายามมากกว่านี้ความน่าสนใจอาจจะไม่เท่านี้ก็ได้

บางแสนดูเป็นระเบียบดี

วันว่างของวันหยุดยาววันหนึ่ง แม่ชวนไปหามื้อเย็นกินกันที่บางแสน ก็เลยขับรถกันไป ขาไปรถไม่ติดเลยเพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่คนอื่นๆเขากำลังเดินทางกลับเข้ากรุงเทพกัน ไปถึงบางแสนในเวลาประมาณ 1 ชม. เศษ บริเวณถนนย่อยวิ่งเข้าชายหาดมีรถค่อนข้างเยอะ ขับได้ช้ามาก ไม่เหมือนบนทางด่วนที่วิ่งกันได้สบายๆ ทำความเร็วได้สูงมาก

แวะกินร้านข้างทางแถวๆอ่างศิลา ชื่อร้านเจ๊อ่วย รสชาดอาหารก็พอใช้ได้ ราคาถูก แต่มีข้อเสียตรงที่ไม่มีห้องน้ำอยู่ในร้านเลย จะต้องเดินไปเข้าห้องน้ำที่ตึกแถวซึ่งเห็นอยู่ไกลๆ กินกัน 3 คน สั่งของ 5 อย่าง เช็คบิลออกมาได้ 450 บาท

กินเสร็จแล้วก็แวะไปเดินเล่นริมหาด ขับรถเลยจุดที่แวะกินไปประมาณห้านาทีก็ถึงริมหาดบางแสน คนค่อนข้างเยอะ แต่ผมไปถึงก็ค่อนข้างเย็นแล้ว ที่จอดรถก็หาได้ค่อนข้างง่าย แตกต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง เพราะบางแสนผมเคยแวะไปตอนกลางวันซึ่งเป็นวันหยุดที่ใครๆก็หาเรื่องเที่ยว ผมก็จะเจอสถานการณ์รถติดอย่างมาก แต่วันนี้โชคดีที่มาไม่เร็วเกินไป

From for wordpress4

บางแสนยังเป็นระเบียบเหมือนเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งดีกว่าบางแสนในความทรงจำเมื่อยี่สิบปีก่อนอย่างมาก ร้านค้าขายของริมหาดมีระเบียบเรียบร้อย

แม้ว่าร่มจะเยอะ เตียงชายหาดจะเยอะ แต่มันก็กลายเป็นลักษณะเฉพาะของหาดยอดนิยมไปเสียแล้ว ใครถ่ายภาพออกมาไม่มีภาพร่มและเตียงนอนก็จะดูแปลกๆและอาจจะคิดไปว่าไม่ได้ไปบางแสนจริงๆ

เวลาเย็นแบบนี้ไม่มีแดดแล้ว ร่มก็จะถูกหุบลงไปทุกคัน การถ่ายภาพร่มและเตียงริมหาดเหล่านี้ก็มักจะต้องถ่ายออกมาให้เห็นว่ามีแนวร่มเรียงกันยาวเหยียด มีเตียงวางเป็นตับ

ถ้ามีแดดอาจจะไม่ได้อารมณ์เย็นๆสบายๆแบบนี้

นอกจากของกินแล้วก็มีของเล่นหลายอย่างที่มาเร่ขายอยู่ริมหาด

และที่ขาดไม่ได้สำหรับบางแสนก็คือจักรยาน ซึ่งจะต้องเป็นจักรยานสองที่นั่งขึ้นไปเสียด้วย บางคันสามที่ บางคันสี่ที่เลยก็มี ถ่ายรูปมานิดเดียวก็แสงหมดเสียแล้ว

อัดรายการช่างคุย

รายการช่างคุย เป็นรายการพอดคาสท์าหนึ่งที่มีมานาน ปีนี้จะครบปีที่ 4 ถือได้ว่าเป็นรายการแรกๆของเมืองไทย และยังคงไม่ล้มหายไปไหน ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งมีเนื้อหาสะสมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอัตราการผลิตงานต่อเดือนอยู่ในระดับนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครแซงได้ ยกเว้นคนทุนหนา ลงทุนซื้อเนื้อหามาใส่ แบบนั้นไม่น่าจะเอามาแข่งขันกันได้

ผมอาสาเข้าไปพูดคุยในรายการด้วย เพราะเป็นหัวข้อที่ผมสนใจ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการสีของรูปภาพและสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นอาชีพของผมทั้งสิ้น ถ่ายรูปแล้วอัดภาพสีไม่ถูกใจ ส่งงานพิมพ์เข้าโรงพิมพ์แล้วได้สีไม่ตรงตามต้องการ เรื่องราวเหล่านี้สมควรจะถูกอธิบายอย่างต่อเนืื่อง เพราะนักเรียน นักศึกษาที่จบกันออกมาต่างก็จำวิธีผิดๆออกมาทำงานกันตลอด

แขกรับเชิญที่เป็นพระเอกของการพูดคุยครั้งนี้คือ คุณ ขจร พีระกิจ เป็นพนักงานของ adobe ซึ่งเป็นบริษัทซอร์ฟแวร์เกี่ยวกับภาพและสิ่งพิมพ์อันดับหนึ่งของโลก และไม่มีอันดับสองให้นับ เพราะมีอยู่รายเดียว พี่คนนี้เป็นคนทำงานในวงการพิมพ์มานาน และมีความรู้ความชำนาญในภาคปฏิบัติ และมีความรู้ในส่วนของวิชาการที่เป็นสากล ผมอยากรู้อยากเห็น อยากได้ความรู้ในเรื่องเหล่านี้จึงอาสาเข้าไปขอร่วมพูดคุยด้วย

แขกคนอื่นๆก็เป็นเด็กๆรุ่นน้อง เป็นคนที่สนใจถ่ายภาพ เป็นคนที่เรียนมาทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางภาพจากจุฬาฯด้วย ซึ่งผมก็จบที่นี่เหมือนกัน

ผมไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาประมาณ 15 นาที แล้วก็เริ่มพูดคุยกันเกริ่นถึงสิ่งที่จะพูด แล้วก็เริ่มบันทึกการสนทนา ใช้เวลากันเกือบสองชั่วโมง ซึ่งถือว่าค่อนข้างยาว เนื้อหาในสิ่งที่คุยกันก็ยังไม่ครบถ้วนในส่ิงที่ควรจะพูดถึง มันคงต้องใช้เวลามากกว่านี้ หรืออาจจะต้องแบ่งหัวข้อกันให้ชัดเจนแล้วเลือกพูดแค่บางหัวข้อ แต่เริ่มคุยสิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ดีตรงที่ได้ความรู้จากคนรู้จริง และมีการถ่ายทอดออกไปสู่คนที่สนใจ

ลำโพงสำหรับการพกพา เสียงดีและไฮเทค Altec lansing imt525

ท่าทางผมจะเป็นคนบ้าลำโพงเอามากๆ เวลาเจอลำโพงที่เสียงดีก็มักจะดีใจและถ้ามีเงินในกระเป๋าก็แทบจะซื้อเก็บไว้เสมอ ตั้งแต่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง(เกือบยี่สิบปี) ผมก็ทะยอยมีลำโพงในครอบครองมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าเฉลี่ยอาจจะไม่ถึงปีละคู่ แต่มันก็เยอะพอที่จะทำให้สมาชิกในบ้านเริ่มมองอย่างเอือมระอา

ครั้งหนึ่งสมัยเขียนบล็อกใหม่ๆผมเคยแนะนำลำโพงพกพาเสียงดีมากไว้ตัวหนึ่ง มันมีรูปทรงเป็นกระบอก มาวันนี้ ผมกำลังจะรีวิวลำโพงสำหรับพกพาตัวใหม่ ที่ผมถูกใจมากกว่า ทั้งในแง่คุณภาพเสียงซึ่งเป็นประเด็นหลัก และในแง่ความสะดวกในการพกพาซึ่งเป็นประเด็นลำดับสอง ลำโพงที่กำลังจะพูดถึงนี้ทำให้ลำโพงคู่เก่า(กระบอก)กลายเป็นลำโพงเสียงไม่ดีไปเลย เป็นอาการได้ใหม่ลืมเก่าอย่างสิ้นเชิง

ลำโพงคู่ที่ว่านี้ก็คือ Altec lansing imt525 ซึ่งเป็นลำโพงแบบแบนบาง นอกจากจะเอาไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่น mp3 ทั่วไปแล้ว ยังมีการรับสัญญาณเสียงอ่านระบบ Bluetooth อีกด้วย ซึ่งมันทำหน้าที่เป็น Handfree ไปได้ในตัว สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้เลย หน้ากล่องยังมีรูปโทรศัพท์มือถือโชว์อยู่อีกต่างหาก ทำนองว่าเน้นการใช้งานร่วมกับโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

เปิดภายในออกมาก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆมาอยู่จำนวนหนึ่ง ประกอบไปด้วยตัวลำโพง หม้อแปลงไฟ 9 โวลท์ สายสัญญาณ mini3.5 to mini3.5 ถุงผ้า และคู่มือ ซึ่งผมค่อนข้างตื่่นเต้นกับถุงผ้าเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ซื้อลำโพงมาหลายชนิด ไม่เคยได้แถมถุงผ้ากับเขาเลย

ตัวลำโพงเป็นทรงแบนบาง ปุ่มควบคุมอยู่ด้านบน มีช่องวงกลมเหมือนรูขนาดเล็กเป็นไมโครโฟนเพื่อรับสัญญาณเสียงพูดซึ่งจะใช้ตอนคุยโทรศัพท์ ช่องเสียบหม้อแปลงไฟอยู่ด้านหลัง ระบุไว้ว่าต้องใช้แรงดัน 9V 1600ma ช่องเสียบสายสัญญาณเสียง line-in อยู่ด้านหลัง สามารถใส่ถ่าน AA ได้ 6 ก้อน หมายความว่ามันถูกออกแบบมาให้พกพาจริงๆ ดอกลำโพงคู่ matched pair ขนาด 2 นิ้ว ขนาดน่ะผมเชื่อ แต่ matched pair อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ

ที่ด้านหลังมีจุดที่กดเพื่อให้ขาตั้งเด้งออกมา เมื่อกางขาตั้งแล้วมันจะวางบนโต๊ะได้สวยงาม มุมเอียงหน้าขึ้นเล็กน้อย จะวางบนหัวเตียงก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ผมคิดว่าผมอาจจะเอาไปวางไว้ในรถยนต์ของผมเอง เพราะเครื่องเสียงที่แถมมากับรถคุณภาพค่อนข้างต่ำ ซึ่งถ้าเอาไปใช้ในรถจริงๆก็จะได้ประโยชน์จากการโทรศัพท์ด้วย เพราะจะใช้งานเป็นแบบ Handfree ได้เลย ซึ่งมีประโยชน์ต่อการขับรถไปคุยโทรศัพท์ไปด้วยอย่างยิ่ง

แต่ผมก็คงไม่เอาไปไว้ในรถจริงๆหรอก เพราะว่ามันพกง่าย และผมก็มักจะพับเก็บและขนลำโพงตัวนี้ไปพร้อมกับกระเป๋าโน้ตบุ๊ค เพราะความหนาของมันเท่ากับโน้ตบุ๊คขนาดมาตราฐานทั่วไป การพกพาใส่กระเป๋าไปพร้อมโน้ตบุ๊คจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ทันที ไม่ต้องหากระเป๋าโน้ตบุ๊คใบใหม่ และพอมันอยู่ในกระเป๋าโน้ตบุ๊คแล้ว ผมก็ขี้เกียจหยิบมาวางไว้หน้ารถนั่นเอง

พกพาง่ายแล้วคุณภาพเสียงเป็นอย่างไร เสียงของมันมีจุดเด่นที่เสียงกลาง มีความคมชัดของเสียงร้องค่อนข้างมาก เสียงคนกับเสียงกีต้าร์เป็นเสียงถนัดของลำโพงตัวนี้เลย ความใสก็มีอยู่ค่อนข้างดี ลำโพงราคาถูกทั่วไปมักจะส่งเสียงได้ เปิดดังได้ แต่เสียงจะไม่ค่อยใส ความใสที่ว่านี้เป็นความใสที่ทำให้น้ำเสียงมีประกาย มีน้ำมีนวล ด้วยความบางของลำโพงทำให้การส่งเสียงเบสจะต้องอาศัยเทคโนโลยีมาช่วยอยู่บ้าง นั่นคือลำโพงนี้มีระบบ SRS Tru-bass ซึ่งเป็นวงจรเพิ่มเสียงเบสให้มากขึ้น มันเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาช่วยลำโพงเล็กให้ส่งเสียงทุ้มได้มากขึ้น มันเป็นการประมวลผล DSP แนวทางหนึ่งที่ช่วยให้คนฟังได้ยินเสียงเบสที่เกินตัว ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากลำโพงตัวเล็ก แต่เสียงเบสที่ผ่าน DSP ของลำโพงตัวนี้ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง เพราะข้อจำกัดทางกายภาพที่อยากจะให้ลำโพงมันเล็กและบาง ทำให้เสียงเบสที่พยายามใช้ DSP ช่วยแล้วก็ยังน้อยไปอยู่ดีเมื่อเทียบกับลำโพงที่มีซับวูฟเฟอร์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เท่าที่ได้ยินก็ถือว่า Altec lansing ทำได้ตามที่โม้ไว้ว่า speaker phone ก็ทำแบบเสียงดีได้

การที่ลำโพงนี้สามารถใช้เป็น Handfree ได้ด้วย หมายความว่ามันจะต้องออกแบบมาให้สามารถคุยกันได้รู้เรื่อง ไมโครโฟนรับเสียงที่อยู่ติดกับลำโพงส่งเสียงจะต้องมีการออกแบบไม่ให้มีเสียงหอน หรือ ฟี้ดแบ็ค ซึ่ง imt525 ก็ทำได้ดีน่าชื่นชม เหตุที่ทำได้ก็เพราะเทคโนโลยีอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า echo-canceling ผมสามารถรับสายระหว่างฟังเพลงได้ และคุยธุระจนจบโดยที่ไม่ได้รู้สีกเหมือนใช้ handfree ในมือถือเลย สามารถคุยกันรู้เรื่อง พูดแทรกกันก็ค่อนข้างได้ยินชัด ไม่ใช่เสียงหายเหมือนสื่อสารทางเดียว

ปุ่มกดจำนวนมากที่ด้านบนลำโพงทำหน้าที่เป็นปุ่มควบคุมการเล่นเพลง เพราะลำโพงตัวนี้เป็น Speaker Bluetooth ที่สนับสนุนโปรโตคอล A2DP หรือการส่งเสียงผ่าน Bluetooth และยังสามารถควบคุมการเล่นได้ด้วย จะหยุด จะเปลี่ยนเพลงทำได้ที่ฝั่งลำโพงเลย โดยในการทดสอบกับโทรศัพท์ผมใช้โทรศัพท์ Samsung รุ่น Monte เมื่อทำการ paired กันเรียบร้อยแล้ว ผมเปิดโปรแกรมเล่นเพลงในมือถือแล้วเลือกรายการเพลงที่ต้องการ กด play บนมือถือปุ๊ป เพลงก็ไปดังที่ลำโพงทันที และพอไปกดเปลี่ยนเพลงที่ลำโพงโดยการกด next มันก็เปลี่ยนเพลงจริงๆ หน้าจอมือถือก็แสดงรายชื่อเพลงใหม่ที่กำลังเล่นทันทีเช่นกัน แบบนี้ก็ถือว่าสะดวกดี ผมรู้สึกว่ามันเหมาะกับการนำโทรศัพท์ที่มี Bluetooth A2DP มาใช้เป็นเครื่องเล่น MP3 แทน iPod ไปเสียเลย ยิ่งถ้าเป็นมือถือรุ่นใหม่ๆที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเข้าไปได้ยิ่งทำให้ลำโพงตัวนี้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น

พอลองกับมือถือเสร็จแล้วก็เอามาลองกับโน้ตบุ๊คบ้าง โน้ตบุ๊คที่มี ฺBluetooth ก็สามารถใช้งานกับลำโพงนี้ได้ ผมลองทั้งเครื่อง macintosh รุ่น macbook pro และลองกับเครื่องที่เป็น windows อย่าง acer aspire1 ก็ทำงานได้ดี สามารถเปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์ให้ไปออกที่ imt525 ได้อย่างไม่ยากเย็น คุณภาพเสียงก็ไม่แตกต่างไปจากการเล่นกับโทรศัพท์มือถือ

เอา imt525 ไปลองกับ iPodtouch Gen2 ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่า iPod Touch รุ่นนี้มี Bluetooth เช่นกัน แต่ใช้งานได้แค่ส่งสัญญาณเสียงเท่านั้น ไม่สามารถใช้สื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอื่นๆได้ เมื่อเชื่อมต่อกับ ipod touch แล้ว เสียงต่างๆของ iPod Touch ก็จะมาออกที่ลำโพง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง หรือฟังเพลง ทุกเสียงจะวิ่งเข้าลำโพงทั้งหมด นับว่าสะดวกมาก มีข้อจำกัดอย่างเดียวที่ iPod Touch Gen2 ยังทำไม่ได้ก็คือ มันยังไม่รองรับระบบ A2DP ทำให้กดเปลี่ยนเพลงที่ลำโพงแล้วเสียงเพลงยังไม่เปลี่ยน

ผมใช้งานลำโพงตัวนี้มาประมาณ 1 เดือน ถือว่าคุณภาพถูกใจ การพกพาก็เป็นเรื่องง่าย ราคาก็ไม่แพงเกินไป ที่บอกว่าไม่แพงก็เพราะผมซื้อมาในราคา 2490 บาท ที่ร้าน iStudio สาขาเซ็นทรัลพระรามสาม หลังจากที่ซื้อกลับมาแล้วก็มาหาข้อมูลเพิ่มก็พบว่ามันเคยมีราคาอยู่ที่ระดับ 7-8 พันบาทกันเลย ก็ทำให้หลงดีใจว่าได้ของถูกอยู่หลายวัน แล้ววันดีคืนดีผมก็เห็นลำโพงตัวนี้อยู่ในร้านขายของร้านหนึ่ง เขาติดราคาไว้ที่พันกว่าบาท ผมเห็นแล้วก็รู้สึกมืนๆเล็กน้อย เสียดายที่ไม่เห็นราคานี้ก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเงินเยอะเกินจำเป็น แต่คิดอีกที ถ้ามันถูกๆแค่พันกว่าบาท ผมอาจจะไม่ได้สนใจที่จะหามาฟังก็เป็นไปได้

กาแฟและดนตรี ที่ร้านวาวี

ร้านกาแฟวาวี เป็นร้านที่ถูกพูดถึงในอินเทอเน็ตมาค่อนข้างนาน ผมได้ยินว่าเป็นร้านกาแฟที่มีการแสดงดนตรี เลยเกิดความสนใจที่จะมาดูให้เห็นกับตา ตำแหน่งของร้านอยู่ที่ซอยอารีย์1 วันนี้ว่างก็เลยแวะไป

เดินทางตอนบ่าย ขึ้นทางด่วนแล้วไปแวะที่ลาวิลล่าก่อน แวะทำไมก็จำเหตุผลไม่ได้ ไปดูเครื่องเสียงในร้าน iStudio นิดนึง แวะซื้อขนมและแผ่นซีดีเพลงแล้วก็ออกมา ออกจากลาวิลล่าร์ก็เลี้ยวเข้าซอยอารีย์ ซึ่งในรอบแรกผมหาร้านไม่เจอ เพราะไม่รู้ว่าอยู่ซอยไหน เลยตัดสินใจแวะปั๊มน้ำมันแล้วหาข้อมูลในอินเทอเน็ตว่าที่อยู่ร้านมันอยู่ตรงไหนของซอยอารีย์

ออกจากปั๊มน้ำมันก็เลี้ยวเข้าซอยอารีย์อีกครั้ง ครั้งนี้รู้แล้วว่าอยู่ ซอย 1 และรู้เพิ่มมาว่าวงดนตรีจะมาเล่นตอน 17.30 – 20.00 น. โดยประมาณ ที่จอดรถในซอยอารีย์ 1 ค่อนข้างน้อย อาศัยจอดแนบฟุตบาธ ซึ่งมีพื้นที่ให้จอดไม่กี่สิบคัน ถ้าจังหวะคนเยอะรับรองไม่มีที่จอดแน่นอน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า แต่มันจะเป็นไปได้สำหรับคนบ้านไกลอย่างผมได้ยังไง แต่วันนี้ก็โชคดีที่ได้ที่จอดรถ เพราะผมไปถึงประมาณสี่โมงเย็น มันเป็นช่วงเวลาที่คนยังไม่เยอะมาก ผมได้โต๊ะนั่งที่บริเวณด้านนอกของร้าน กาแฟเย็นแก้วละ 65 บาท ผมซื้อแล้วนั่งแช่เลย รอเวลาจนเย็นวงดนตรีถึงจะมาเริ่มตั้งเครื่อง

ในร้านเป็นบรรยากาศร้านกาแฟมาตรฐาน แต่คนที่แวะมาที่ร้านทุกคนล้้วนแต่มีคอมพิวเตอร์พกมาด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ บางโต๊ะก็เป็นกลุ่มมาคุยงาน โต๊ะข้างๆไกลๆผมเห็นกระดานเขียนแบบกำลังถูกใช้งานอยู่ มันเป็นที่รวมของคน IT ไปเสียแล้ว นอกจากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแล้ว มือถือเกือบทั้งร้านจะเป็น iPhone หรือไม่ก็ Black Berry และที่สำคัญ ที่นี่ผมเห็น iPad ตัวจริงหลายเครื่องมาก ซึ่งผมยังไม่เคยเห็นตัวจริงเลยแม้ว่าจะเดินห้างฟอร์จูนบ่อยแค่ไหนก็ตาม

โต๊ะด้านนอกก็มีทั้งแบบม้านั่ง และเป็นแบบโต๊ะพร้อมเก้าอี้ ผมได้ที่นั่งเป็นโต๊ะพร้อมเก้าอี้ สามารถนั่งคุยหรือนั่งทำงาน หรือประชุมกันก็ได้ แต่วันนี้มาคนเดียว

กาแฟรสชาดปกติ ผมไม่ได้รู้สึกว่าอร่อย แต่บรรยากาศของร้านมันก็น่านั่งดี น่าจะถูกใจผู้คนแถวนี้ เพราะซอยอารีย์มีคอนโดเยอะ น่าจะมีคนในพื้นที่ใช้บริการเยอะ แต่ที่เยอะจริงๆน่าจะเป็นผู้คนจากทั่วกรุงเทพที่ชอบฟังเพลงเสียมากกว่า เพราะวันนี้ผมก็แวะมาที่ร้านเพื่อฟังเพลง

วงดนตรีเริ่มเล่นประมาณ 18.00 น. เล่นเพลงป็อปทั่วไป มีเพลงเบเกอรี่ค่อนข้างเยอะ แนวเพลงที่เล่นก็เป็นเปียโนไฟฟ้าพร้อมกับนักร้องและเครืองเคาะเล็กๆน้อยๆ เป็นลักษณะที่เรียบง่ายดี การแสดงของนักดนตรีก็อยู่ในระดับที่เป็นกันเอง เล่นเอาความรู้สึกสนุกมากกว่าจะเล่นเพื่อโชว์ฝีมือ ผมคิดว่าการแสดงแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีกว่าการพยายามโชว์ เพราะมันรู้สึกสบายและไม่ต้องพยายามฟัง

ไม่ได้ถ่ายรูปวงดนตรีไว้เพราะว่านั่งอยู่ค่อนข้างไกลจากจุดแสดง และไม่อยากลุกไปถ่ายภาพ มาคนเดียวกลัวว่าลุกแล้วจะมีคนมานั่งแทน ก็เลยนั่งฟังไปเรื่อยๆ กาแฟหมดแล้วไปตั้งนานแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งแช่ไม่เลิก นั่งจนเบื่อก็ลุก มาคนเดียวนั่งได้ไม่นานเพราะไม่รู้จะคุยกับใคร

คอมพิวเตอร์เก่าแต่สวย

apple ทำเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น imac ออกมาขายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 โดยประมาณ ด้วยรูปทรงน่ารักและมีสีสันสวยงาม ในเวลานั้นผมทำงานโปรแกรมเมอร์และเป็นนักเขียน ทั้งชีวิตใช้คอมพิวเตอร์พีซีตัวเหลี่ยมๆ สายพะรุงพะรัง ผมได้ข่าวว่ามี imac เกิดขึ้นในโลก ผมก็รู้สึกอยากได้ แต่ตอนนั้นมันแพงเหลือเกิน เครื่องละหกหมื่นบาท ในขณะที่คอมพิวเตอร์ที่ผมใช้ทำงานมันเครื่องละสองหมื่นเท่านั้น ตอนนั้นเลยไม่ได้ซื้อ

imac สีสวยเหล่านี้ถูกผลิตต่อเนื่องจนถึงประมาณปี ค.ศ. 2001 มีหลายสีและหลายลวดลายออกมาให้เห็นเต็มไปหมด เวลาผ่านมาหลายปี ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผมอยากลองใช้งาน apple กับเขาบ้าง เลยไปหาเครื่องมือสองมาใช้งาน อาศัยว่ามันตกรุ่นและค่าตัวในตลาดมือสองอยู่ในระดับไม่กี่พันบาท ผมก็ได้มาตัวหนึ่ง ได้มาวันแรกก็ลองทำงานสิ่งพิมพ์ตัวหนึ่ง แล้วก็จบงานได้จริงๆด้วย ผมก็เลยมั่นใจว่าผมใช้มันทำงานได้จริง ตั้งแต่นั้นก็ซื้อ apple ใช้มาตลอด

From for wordpress4

imac สีแดง ตัวนี้ผมได้มาเป็นตัวแรก เป็นรุ่นที่มีถาด DVD-rom สามารถใช้ดูหนังดีวีดีทั่วไปได้ทันที ผมตั้งใจเก็บตัวนี้ไว้สำหรับการดูหนังฟังเพลง เล่นเน็ตบ้างเป็นบางครั้ง แต่การเล่นเน็ตด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์อายุสิบปีเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนุกเลย เพราะทุกอย่างจะช้ามาก เนื่องจากเว็บในปัจจุบันมีข้อมูลอยู่ในปริมาณมาก เพราะความเร็วของเน็ตในปัจจุบันมันวิ่งกันอยู่ที่ประมาณ 2 เม็กกะบิทขึ้นไป แต่ imac สิบปีที่แล้วมันเกิดมาบนความเร็วเน็ตประมาณ 0.005 เม็กกะบิท ซึ่งมันต่างกันมากเกินไป ผมเคยพยายามหาข้อมูลที่ต้องการด้วย imac ตัวนี้ ผมใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย เพราะมันช้ามาก กว่าจะเปิดหน้าหา กว่าจะไล่อ่านสิ่งที่มันลิสท์ขึ้นมาให้ดู และกว่าจะคลิกตามไปดูว่าสิ่งที่ลิสท์ออกมามีอะไรบ้าง คลิกไปแล้วมันก็ไปเจอการแสดงผลที่มีข้อมูลเยอะ ลูกเล่นเยอะ ตัวเครื่องประมวลผลไม่ทัน ต้องหยุดรอนานเกินไป สุดท้ายผมหมดความพยายามที่จะใช้งานมันต่อในที่สุด

ตัวสีเทาคือ imac ในเจนเนอเรชั่นเดียวกัน แต่จะเป็นรุ่นที่มีความเร็วสูงที่สุด หลังจากรุ่นนี้ imac จะเปลี่ยนโฉมเป็นแบบจอแบน


ตัวนี้คือ imac ลายดรัมเมเชียนบลู หรือลายจุดแบบหมาดรัมเมเชียน เป็นรุ่นสุดท้ายที่ apple ใส่สีสันลงในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ นอกจากลายนี้แล้วยังมีลายดอกไม้อีกลายหนึ่งที่ผมยังไม่สามารถหาซื้อมาได้ เครื่องนี้ถูกประกาศขายตอนเช้าวันหนึ่งที่ผมกำลังทำงานอยู่ และบังเอิญว่าคลิกไปอ่านเจอประกาศพอดี ผมโทรถามราคาและถามทางไปหา อยู่ไกลมาก ผมขับรถจากบ้านไปถึงร้านขายใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ผมไปถึงสักห้านาทีกำลังดูของอื่นๆในร้าน ก็มีอีกคนขับรถเข้าไป เขามาเพื่อจะซื้อคอมพิวเตอร์ตัวนี้เช่นกัน แต่ผมมาก่อนแค่นิดเดียว ผมก็เลยได้มา

เครื่อง imac จอสีเหล่านี้ค่อนข้างจะเก่าเกินไปสำหรับการทำงานในสมัยปัจจุบัน และการอัพเกรดชิ้นส่วนภายในก็ค่อนข้างมีราคาแพง หน่วยความจำที่จะใช้กับมันก็ราคาแพงกว่าตัวเครื่องไปเสียแล้ว การอัพเกรดจึงเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเกินไปสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าอย่าง imac จอตู้ประเภทนี้ ผมเลยลดหน้าที่ของมันให้เหลือเพียงเอาไว้ตั้งโชว์และเปิดเพลงเล็กๆน้อยๆ แล้วหันไปซื้อ apple รุ่นใหม่มาใช้แทน

สอนถ่ายภาพ ล้างอัดขาวดำ

ครั้งหนึ่งที่เคยพยายามทำสิ่งที่ผมเชื่อ ผมเชื่อว่าผมสอนให้คนหัดถ่ายรูปได้ แล้วผมก็ทดลองเปิดคอร์สสอนจริงๆ มีลูกศิษย์ 5 คน คอร์สนั้นผมลงทุนซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนไปหลายหมื่นบาท เก็บค่าสอนได้ไม่กี่พันบาท แล้วก็ปิดตัวลงด้วยนักเรียนแค่รุ่นเดียวเพราะผมเหนื่อยมาก เหนื่อยกว่าที่คิด สี่สัปดาห์ที่ผมสอน สัปดาห์ละ 1 วัน วันอาทิตย์ที่ควรจะได้เป็นวันพักผ่อนกลับกลายเป็นวันที่ผมเหนื่อยที่สุด เหนื่อยกว่างานประจำที่ทำมา 6 วัน วันละสิบสองชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ

รูปนี้เพื่อนถ่ายให้ เพื่อนใจดีมาช่วยเป็นลูกมือ เป็นผู้ช่วยสอน จบการสอนครั้งนี้ผมได้ข้อสรุปหลายอย่าง คือ
1 การถ่ายภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนหัดได้ เรียนรู้ได้
2 วิธีการสอนของผมได้ผล ทุกคนล้างฟิล์มขาวดำเป็น และไม่มีปัญหาฟิล์มติด หรือภาพขึ้นไม่ทั่วเลย
3 โรงเรียนสอนถ่ายภาพ มีต้นทุนสูงกว่าที่คิด ค่าเรียนคิดถูกๆอาจทำให้กิจการล่มสลายได้

ปกเทป เพลงเชียร์ ปี 2535

ในแต่ละปี ชุมนุมเชียร์และแปรอักษรของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยจะต้องทำสมุดเพลงเชียร์ออกมาแจกน้องๆ ม.ต้น เพื่อเอาไว้สอนน้องร้องเพลง บางปีเป็นหนังสือ บางปีเป็นกระดาษใบเดียว

พอถึงปีของผม ก็ขอแหวกแนวออกมาเป็นปกเทปเลยละกัน เพื่อความแตกต่าง เพื่อความสวย เพื่อความอยากส่วนตัว ปกเทปรุ่นนี้แจกเป็นใบ ไม่มีตัวเทป พอแจกไปหมดแล้ว ผมก็ไปหาเทปสักม้วนมาอัดเพลงโรงเรียน แล้วก็เอามาประกอบเป็นเทปเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก

กว่าจะมาเป็นม้วนเทป ก็ต้องเตรียมข้อมูล เตรียมภาพถ่าย มีการนัดใส่เสื้อเพื่อถ่ายภาพร่วมกัน แล้วหารูปที่ดูเท่ห์ที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้มาเป็นรูปหลักของม้วนเทป

ในยุคนี้ ยุคของการตามหาอดีตผ่านเฟสบุ๊ค ผมก็เลยต้องขุดของเก่าเอามารำลึกบ้าง เพื่อให้เพื่อนๆได้ทบทวนว่าเคย “ซน” กับเรื่องอะไรบ้าง สมัยที่เราต่างคนต่างก็ยังเป็นเด็กใส่ขาสั้น พาหัวโล้นๆ ตัดผมเกรียนไปจีบสาว

รูปเก่า

ขายบ้านหลังเก่าออกไป ก็เลยย้ายของทุกอย่างมาไว้ที่บ้านปัจจุบัน ของเก่าในกรุก็ทะยอยหลุดออกมาให้เห็น ให้พอนึกถึงอดีต บางภาพ บางสถานการณ์ก็เกือบจะครบยี่สิบปี ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมเริ่มแก่แล้ว

ภาพนี้่ถ่ายช่วงปี 2537 เดือนมกราคม ก่อนสอบเอ็นทรานซ์ไม่กี่เดือน ช่วงเวลานี้เด็กสวนกุหลาบ ม.6 ต่างก็หยุดเรียนแล้ว เพื่อเตรียมตัวสอบ บ้างอ่านหนังสือ บ้างก็ดูเพื่อนอ่่านหนังสือ บ้างก็เที่ยวเล่น ผมทำทั้งสามอย่าง แถมยังหัดเล่นกีต้าร์ในช่วงนี้อีกต่างหาก

ทดสอบเครื่องเสียง q box

สัปดาห์ที่แล้วมีพนักงานขายของร้้านเครื่องเสียงร้านหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่าทางร้านจะมีการจัดงานขายแบบเคลียร์แลนซ์ คือลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นขึ้นไป ผมเลยถามกลับไปว่า มีอะไรถูกมากๆ หรือลดเยอะๆไหม ทางร้านเลยให้เข้าไปดูในเว็บ ก็เห็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่เรียกว่า q box ซึ่งเป็นตัวปรับเสียงชนิดหนึ่ง เคยมีราคาขายอยู่ที่ 2900 บาท ตอนนี้เอามาลดเหลือ 590 บาท

ผมเลยโทรคุยกับเพื่อนเพื่อเล่าให้ฟังว่ามีเครื่องเสียงลดราคาเยอะดี ดูมันน่าสนใจ และเชียร์ว่าให้ซื้อ q box เก็บไว้ เพราะเท่าที่อ่านตามเน็ท และรีวิวทดสอบในหนังสือบางเล่ม ก็ได้รับความเห็นคล้ายๆกันคือเป็นตัวช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น ทำให้ระบบเสียงที่มีอยู่มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างคุ้มค่า เหมาะกับชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ที่อยากจะได้คุณภาพการฟังเพลงที่ใกล้เคียงเครื่องเล่นซีดีระดับสูงๆกับเขาบ้าง เพราะเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่า เครื่องเสียงสำหรับดูหนังจะฟังเพลงไม่ได้เรื่องเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เครื่องเล่นดีวีดีจะยุคไหนๆ ก็ให้เสียงได้แย่อย่างรับไม่ได้จริงๆ นักทดสอบหลายค่าย จากหลายสำนักพิมพ์ก็ได้ทดสอบ q box แล้วสรุปคร่าวๆไว้ว่ามันสามารถช่วยให้เครื่องเล่นดีวีดี หรือ เครื่องเล่นซีดีราคาถูก มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างมาก สามารถรับรู้ได้ทันที ราคาเครื่องเล่นดีวีดีรวมกับ q box ถือว่าไม่มาก แต่ได้คุณภาพที่สามารถสู้กับเครื่องเล่นซีดีที่มีราคาสูงหลายเท่าตัวได้เลย เว่อร์มากๆ

ตั้งแต่มี iPod ผมก็เลิกฟังเพลงจากเครื่องเล่นดีวีดีไปเลย เพราะคุณภาพเสียงมันต่างกันจริงๆ ผมมีเครื่องเล่นดีวีดีเอาไว้ดูหนังแค่บางเรื่อง การฟังเพลงส่วนใหญ่จะใช้ iPod หรือเปิดตรงกับคอมพิวเตอร์เลย และเสียงจากคอมพิวเตอร์ก็ต่อเข้ากับเครื่องขยายเสียงอีกที

หลังจากยุให้เพื่อนซื้อ q box ไปแล้ว ผมก็ฝากซื้อด้วย 2 ตัว เพราะเห็นว่าราคาถูกดี และถ้ามันคุณภาพดีก็ถือว่าได้ของดีในราคาถูก จริงๆ ผมไม่ได้ต้องการเครื่องเสียงชิ้นนี้เลย แต่เห็นว่า ตัวถัง และขั้วต่อ และวงจรจ่ายไฟของเครื่องเสียงตัวนี้มันมีราคาเกินค่าตัวไปเยอะ ลดราคาเหลือ 590 บาท แค่ผมซื้อมาถอดชิ้นส่วนออก เอาตัวถังกับภาคจ่ายไฟไว้ใช้งานก็คุ้มแล้ว และผมมีโครงการจะทำเครื่องเสียงไว้ใช้เองอยู่แล้วด้วย ดังนั้นการสะสมอุปกรณ์ชิ้นนี้เอาไว้ดัดแปลงเป็นสิ่งที่อยู่ในดุลยพินิจ

เมื่อได้ q box มาอยู่ในมือแล้ว ผมเปิดดูข้างในให้หายสงสัย แล้วก็พบว่า มันเป็นสิ่งที่ผมคาดไว้จริงๆ สิ่งที่ยังไม่รู้ก็คือ ไม่รู้ว่าข้างในใช้ ic เบอร์อะไร รู้แต่ว่า มันเป็นวงจรขยายและทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ชนิดหนึ่งเท่านั้น เป็นวงจรที่นักออกแบบเครื่องเสียงจะต้อง”คิด”ที่จะใช้อยู่แล้ว สิ่งที่ถือว่าผู้ออกแบบ q box มีความตั้งใจก็คือ การเลือกใช้วงจรจ่ายไฟที่มีการใช้ capacitor ค่อนข้างเยอะชิ้นเพื่อเพิ่มความไวในการจ่ายกระแสไฟฟ้า การเลือกติดตั้งขั้วต่อและวงจรหลักไว้ใกล้ๆกันเพื่อลดระยะทางเดินของสัญญาณให้สั้นที่สุด แต่มันก็เป็นเรื่องของความปราณีตประการเดียวที่มองเห็น แต่สิ่งที่นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่อยากสัมผัสคือ ศิลปะการออกแบบ หรือชั้นเชิง หรือ แนวคิดที่แหวกแนว ซึ่งผมสรุปเองว่า ผมมองไม่เห็น จริงๆผมไม่ควรจะคาดหวังว่าจะได้เห็นนวัตกรรมใดๆจากเครื่องเสียงราคาแค่หลักพันบาท

ผมต่อเครื่องเสียง q box เพื่อทดลองใช้งาน เริ่มจากใช้เครื่องเล่นดีวีดียี่ห้ออะไรผมก็ลืมไปแล้ว เป็นเครื่องเล่นดีวีดีที่ผมได้มาเมื่อปีที่แล้ว มันมีช่องต่อสาย HDMI ด้วย แต่ผมไม่ได้ใช้ช่องนี้ เพราะผมไม่มีทีวีเป็นของตัวเอง ที่ใช้งานหลักคือเอาไว้เปิดเพลง ซึ่งจริงๆก็ไม่ค่อยได้เปิด ก่อนจะหยิบมาใช้งานผมต้องเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดฝุ่นก่อนหลายรอบ สัญญาณเสียงจากเครื่องเล่นดีวีดีผมต่อเข้ากับ q box และสัญญาณออกจาก q box ต่อเข้ากับเครื่องขยายเสียง ซึ่งผมใช้อินทิเกรตแอมป์ VCL รุ่น the legend ปัจจุบันยี่ห้อนี้ตายไปแล้ว ลำโพงที่ใช้เป็นของ MRZ ซึ่งเป็นลำโพงเซอร์ราวด์ ตัวเล็กๆราคาไม่แพง คุณภาพของลำโพงเป็นอย่างไรผมยังระบุไม่ได้เพราะใช้ลำโพงตัวนี้ไม่บ่อย แต่การทดสอบครั้งนี้ ผมตั้งใจหาความแตกต่างของการใช้ และไม่ใช้ q box เท่านั้น คุณภาพของลำโพงจึงไม่เป็นปัญหาในการทดสอบ

สายสัญญาณและสายลำโพงเป็นเกรดธรรมดา เป็นสายจำพวกที่หยิบแถมไม่มีค่าตัว ต่ออุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จก็เริ่มฟังแผ่นซีดี เลือกกดปุ่ม bypass ที่ด้านหลัง q box เพื่อให้สัญญาณวิ่งตรงเข้าแอมป์ เสียงที่ได้ก็จะเป็นเสียงจริงของระบบ จะดีจะแย่ก็เป็นผลของระบบเสียงทั้งหมด เมื่อฟังจนรู้แล้วว่าเสียงเป็นอย่างไร ก็กดปุ่ม bypass ให้เด้งออก เพื่อให้สัญญาณเสียงผ่าน q box ตามเจตนาของมัน เสียงที่ได้ยินผมรู้สึกว่ามันดังขึ้นเล็กน้อย ทำให้ได้ยินเสียงเล็กๆน้อยๆมากขึ้น เสียงดัง แต่เสียงไม่เปลี่ยน ไม่เห็นดีขึ้นเลย ผ่านไปสามสิบนาที ผมอยากจะสรุปไว้เลยว่า q box ไม่คุ้ม คุณภาพเสียงยังไม่ดีขึ้นอย่างที่คิด มันแค่เสียงดังขึ้นเท่านั้น แต่มันอาจจะใช้เวลาทดสอบสั้นเกินไปก็ได้ ถ้าจะให้ชัวร์ต้องใช้งานไปสักหลายๆชั่วโมงแล้วค่อยทดสอบจริงจังอีกครั้ง

หลังจากกดปุ่ม bypass ใช้ และ ไม่ใช้สลับไปมาอยู่หลายเที่ยว ผมก็รู้สึกว่า q box ทำหน้าที่ของมันได้ไม่ดีเท่าที่ข่าวลือเขาว่าไว้ คุณภาพเสียงของมันยังไม่สามารถใช้คำว่าไพเราะขึ้นได้เลย จบการทดสอบเที่ยวนี้ ผมนั่งคิดอยู่สักพัก แล้วก็ตัดสินใจ เดินไปหยิบเครื่องแปลงสัญญาณ D/A มาต่อกับเครื่องเล่นดีวีดี โดยเอาสัญญาณดิจิทัลจากเครื่องเล่นดีวีดีมาต่อเข้ากับตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาลอกหรือ D/a ซึ่งเป็นสินค้าของ California Audio Lab รุ่น Gamma เครื่องแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาลอกตัวนี้เป็นเครื่องรุ่นราคาถูกย่อมเยา สมัยออกใหม่ๆราคาหมื่นกว่าบาท แต่ผมซื้อมือสองตอนที่มันมีอายุสิบปี ซึ่งซื้อมาได้ในราคาสองพันห้าร้อยบาท สัญญาณขาออกจาก Gamma ต่อตรงเข้าอินทิเกรตแอมป์ the legend ตัวเดิม ลำโพง MRZ คู่เดิม

เสียงที่ผ่าน Gamma มีความสด และ ใสมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีเสียงกลางที่เด่นและเป็นตัวเป็นตน มีไดนามิค มีแรงประทะ มีจังหวะจะโคนที่กระชับ ที่มีน้ำหนักเสียงที่หนักและเบาผสมกันอย่างพอดี เหมือนภาพถ่ายที่วัดแสงพอดี ไม่มืดจนดำ หรือ สว่างจนขาวโพลน เสียงไม่ทึบ ไม่อึดอัด และไม่บาง ส่วนเสียงที่ผ่าน q box กลับเป็นตรงกันข้าม คุณภาพเสียงไม่ดีขึ้น แทบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่างการใช้และไม่ใช้ q box เลย เสียงที่จืดชืดอย่างไร ผ่าน q box ก็ยังเป็นแบบนั้น แบบนี้ต้องเรียกว่า q box ไม่ได้ผลถึงจะถูกต้อง

มาคิดอีกทีหนึ่ง q box อาจจะเป็นปรีแอมป์ที่คุณภาพดีมากก็ได้ คือเป็นปรีแอมป์ที่ส่งผ่านสัญญาณเสียงได้อย่างเที่ยงตรง ไม่เปลี่ยนคุณภาพเสียง ถ้าเรามีปรีแอมป์แบบนี้เพื่อใช้งานน่าจะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงอุดมคติ หากติดวอลลุ่มเข้าไป เพิ่มซีเล็คเตอร์เข้าไป มันก็คือปรีแอมป์ทันที

ทำไม q box ถึงไม่ได้ผลกับระบบเสียงของผม ทั้งๆที่คนอื่นเขาทดสอบกันแล้วบอกว่ามันดีขึ้น ถ้าจะวิเคราะห์ในแง่ของอิเล็คทรอนิกส์ q box เป็นอุปกรณ์ประเภท matching impedance หรือ เป็นตัวที่ปรับสภาพความต้านทานของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกัน พูดภาษาชาวบ้านก็คือ ลดผลความไม่ match หรือความเข้ากันไม่ได้ ลดให้มันน้อยลง หรือลดให้มันไม่เป็นปัญหา ระบบที่มีปัญหากับ impedance matching เลยได้อานิสงค์นี้ ระบบเสียงของผมโดยดั้งเดิมไม่มีปัญหาเรื่อง impedance matching ที่ว่า เพราะเครื่องเล่นดีวีดีมีความต้านทานขาออกเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เครื่องเสียงผม the legend มีความต้านทานขาเข้าที่สูงกว่ามาก น่าจะสูงถึง 50k หรือ 100k เสียด้วยซ้ำ เนื่องเป็นวงจรที่ใช้ op-amp และถ้าผมต้องออกแบบ op-amp ผมก็จะออกแบบความต้านทานขาเข้าให้อยู่ในระดับ 50k หรือ 100k แน่นอน พอเครื่องเสียงของผมมีความต้านทานขาเข้าที่สูง จะเอาเครื่องเล่นแบบไหนมาต่อร่วมกันก็จะไม่มีผลความต้านทานไม่ match นั่นเอง เครื่องที่มีปัญหาความต้านทานขาเข้าต่ำเกินไป อาจจะเป็นเครื่องหลอดสูญญากาศ ซึ่งบางครั้งมีความต้านทานต่ำในระดับไม่ถึง 10k ได้ q box มาช่วยปรับความต้านทานก็ทำให้ปัญหามันลดลง มันเลยแสดงผลดีให้ได้ยิน

สรุปว่า ถ้ามีเครื่องเสียงใช้งานปกติอยู่แล้ว การอัพเกรดคุณภาพเสียงด้วย q box อาจจะไม่ให้ผลที่เด่นชัดถ้าระบบเดิมไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าอยากจะปรับปรุงคุณภาพเสียงจริงๆ ลงทุนเพิ่มตัวแปลงสัญญาณ ดิจิทัลเป็นอนาลอกสักตัวไปเลยดีกว่า อย่าง Gamma นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน สามารถเพิ่มคุณภาพเสียงของเครื่องเล่นดีวีดีราคาพันกว่าบาทได้อย่างดี เห็นผลชัดเจน และไม่รู้สึกเสียดายเงิน

ทดสอบ q box แต่ค้นพบว่า D to A อย่าง Gamma นี่มันเป็นของดีคุ้มราคาจริงๆ และลำโพง MRZ ที่เป็นลำโพงเซอร์ราวด์ มีคุณภาพเสียงดีอย่างน่าประหลาดใจ ราคาค่าตัวลำโพงเซอร์ราวด์รวมกับลำโพงเซ็นเตอร์ที่ขายรวมกัน 3 ตู้เขาขายผมเพียง 2700 บาท นับว่าเป็นลำโพงวางหิ้งที่ถูกที่สุดอีกคู่หนึ่งที่เสียงดีน่าใช้

จริงๆแล้วยังมีเหตุผลอีกมากที่ต้องอธิบายว่าทำไมเสียง DVD + D/A gamma ถึงดีกว่า DVD + q box แต่มันจะยาวเกินไป ไว้โอกาสหน้าค่อยโม้เพิ่มเติมดีกว่า