เรื่องราวของเดือนนี้ กันยายน 2552

ทดลองเล่นทวีตเตอร์  เล่นง่ายไม่ยากอย่างที่คิด  เห็นถึงพลังการสื่อสารของมันแล้ว

 

เปิดเว็บ http://www.lonelypostcard.com หลังจากจดทะเบียนเว็บ 2 วัน ก็นำเนื้อหาขึ้นตอนแรกได้ทันที

 

ได้ลูกค้าใหม่จากการแนะนำบอกต่อ  แต่ก็สะดุดกับการเมืองในบริษัทของลูกค้าใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะเป็นหัวหรือก้อย  พนักงานติดต่อสั่งพิมพ์งาน  เจ้านายแทรกแซง จะส่งงานให้อีกที่หนึ่ง  เราก็แห้วไปล่วงหน้าแล้ว  จะได้งานต่อเนื่องหรือจบกันไปหนอ

 

วันนี้มีคนโทรมาเพื่อติดต่อขอซื้อรูป  จะเลือกรูปแหล่งท่องเที่ยว แต่เรายังไม่ได้อัพโหลด  ต้องเตรียมข้อมูลให้ดูแบบเร่งด่วน  แต่ก็ถือว่าการขายภาพมีอุปทานจริงๆ

 

อุปกรณ์ไวเลสตัวหนึ่งเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ  ส่งซ่อมเพราะยังอยู่ในประกัน  ผ่านไป 18 วันได้คืนมาแล้ว  ก็ถือว่าโชคดีไป  เพราะประกันหมดวันนี้พอดี

 

ทำนามบัตรรับถ่ายรูปเสร็จแล้ว  ยังไม่ทันได้แจก  ก็มีคนโทรมาถามเรื่องคิวว่าง  จะให้ไปถ่ายรุปงานแต่งงาน (เกี่ยวอะไรกับนามบัตร  …)  จองคิวเรียบร้อย วันที่ 21-11-52 เช้าถึงดึก

 

เว็บขายภาพอัพโหลดรูปไปไม่ถึงห้าร้อยภาพ  ไม่มีเวลา  ข้ออ้างสากล

 

เดือนนี้งานยุ่งมาก ทำโอทีทุกวัน  คนงานรวยไปตามๆกัน

my gadget

my macbookpro 2.2
Model Name: MacBook Pro
Model Identifier: MacBookPro3,1
Processor Name: Intel Core 2 Duo
Processor Speed: 2.2 GHz
Number Of Processors: 1
Total Number Of Cores: 2
L2 Cache: 4 MB
Memory: 2 GB
Bus Speed: 800 MHz
Boot ROM Version: MBP31.0070.B07
SMC Version: 1.16f8
Serial Number: W87424FCX91
Sudden Motion Sensor:
State: Enabled

เลนส์เปียก

สามวันก่อนมีฝนตกหนักมาก  รถจอดอยู่ในโรงงาน อยู่ใต้ท่อน้ำทิ้งจากหลังคาชั้นสองพอดี  น้ำจากท่อไหลลงบนกระจกหลังรถ  ปกติก็แค่รถเปียก แต่คราวนี้ฝนตกหนักมาก  มากซะจนท่อน้ำทิ้งมีน้ำไหลแรงราวกับเป็นท่อฉีดน้ำดับเพลิง  น้ำเลยซึมเข้ากระโปรงท้ายรถ  ในนั้นมีกระเป๋าคอมพิวเตอร์  กระเป๋ากล้องหลายใบ หนังสือ และข้าวของอื่นๆ  กระดาษเป็นปึกๆ  

 

เมื่อวานเห็นว่ามีอะไรชื้นๆอยู่ที่ขาตั้งกล้องเลยหยิบออกมาดู ก็พบว่าขาตั้งกล้องมีละอองน้ำเปียกอยู่  พอเข้าใจได้ว่าน้ำเข้ารถ  เลยสำรวจหยาบๆ  พบว่าพื้นรถ(ในกระโปรงหลัง) มีความชื้น หนังสือและกระดาษบวมหมด  พรมในรถมีราขึ้น  เลยจัดการเช็ดออก  แล้วก็เก็บของเหมือนเดิม  เอามือจับกระเป๋ากล้อง  บางใบก็มีชื้นๆนิดหน่อย  แต่บางใบไม่ชื้น  เลยคิดไปว่าน้ำคงซึมแค่เล็กน้อย

วันนี้เอากล้องกับเลนส์ออกมาใช้  หยิบออกมาแล้วพบว่าเลนส์เปียก  แค่นั้นแหละ  เรื้อทุกอย่างท้ายรถออกมาวางเรียงราย  กระเป๋ากล้องทุกใบชื้นหมด  ที่พื้นกระเป๋าค่อนข้างเย็นมาก  แสดงว่าน้ำคงมีมากกว่าการซือ  หยิบเลนส์ออกจากกระเป๋า รีบผึ่งให้แห้ง  หยิบเลนส์มาใส่กล้องแล้วลองถ่ายหลายๆแบบ  เปลี่ยนเลนส์ครบทุกตัวเพื่อเช็คสภาพ  เท่าที่ดูด้วยสายตา และดูจากภาพที่ถ่าย  เลนส์ยังไม่เสียหายไปจากความชื้นเหล่านี้  แต่ก็ประมาดไม่ได้  กระเป๋ากล้องที่ชื้นอยู่เอาไปผึ่งลม  อยากให้แดดออกแต่วันนี้ดันไม่มีแดด  คิดเอาไว้ว่ากระเป๋ากล้องที่ชื้นมากๆคงจะทิ้งไปเลย  ไปซื้อใบใหม่ดีกว่า  ไม่มั่นใจใบเก่าแล้ว  

 

ตอนลองเลนส์และกล้องก็ถ่ายไปเรื่อยเปื่อย  มีเด็กๆวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆก็เรียกมาเป็นแบบเล่นๆ  แล้วน้องๆเหล่านั้นก็โพสท์ท่าถ่ายรูป  ไม่รู้ใครสอน  หรือมันเป็นพันธุกรรม  มันโพสท์ท่าเดียวกัน  มันโพสท์ท่าเหมือนบางภาพสมัยผมเด็กๆ  …  ขำดี

ลองเล่น twitter กับเขาบ้าง

หลังจากที่ได้รู้จักโปรแกรมตัวนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว  ก็ได้ฤกษ์ลองเล่นอย่างจริงจังเสียที  เพราะเริ่มเห็นว่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ  แม้แต่พวกนักการเมืองยังใช้งานกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง  แต่ที่มันดังก็คงเป็นเพราะนักข่าวเอามาใช้งานด้วย  และมันก็มีประสิทธิภาพช่วยให้โปรโมทข่าวได้เร็วมากจริงๆ  จะเห็นได้ว่ามีสำนักข่าวดังๆแทบทุกยี่ห้อจะมีทวิตเตอร์ของตัวเอง  เราอยากรู้พาดหัวข่าวของค่ายไหนก็แค่ไป follow เขาเสีย  เวลาอัพเดทข้อมูลอะไรก็จะโผล่มาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราทันที  ไว และ ได้ใจความมาก  มันไวเท่ากับ sms และมันมีสาระเท่ากับ  pager ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในปัจจุบัน

บทความ-ทดสอบเครื่องเสียง TEAC R-1

บทความ-ทดสอบเครื่องเสียง TEAC R-1

teac r1 review

IMG_9000

“ทดลองใช้ วิทยุเสียงดี TEAC R1”

นานมาแล้วผมเคยพยายามมองหาลำโพงชุดหนึ่งเพื่อนำมาใช้งานร่วมกับเครื่องเล่น iPod ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องการเสียบหูฟังตลอดเวลา เนื่องจาก iPod เป็นเครื่องเล่นเพลงชนิด Mp3 ที่มีคุณภาพดีมาก หลายคนที่เคยปฏิเสธการฟังเพลงจากไฟล์ Mp3 กลับหันมาเลือกใช้ iPod เป็นเครื่องเล่นเพลงประจำตัว อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่กลืนน้ำลายตัวเอง เคยสบประมาทและดูถูก Mp3 ไปต่างๆนานา แต่สุดท้ายก็หันมาลงทุนกับอุปกรณ์กลุ่มไฮเทคโนโลยีอย่างลุ่มหลงไม่รู้ตัว

เมื่อได้ ipod มาใช้ก็เลยอยากให้มันส่งเสียงได้ พยายามมองหาลำโพงมาหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นลำโพงเล็กๆย่อมๆซึ่งผมซื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ตัว แต่ละตัวถูกคาดหวังว่าจะเป็นลำโพงสุดรัก พกพาไปฟังได้ทุกที่ ทุกเวลา บางตัวรูปร่างเป็นทรงกลม บางตัวเป็นทรงกระบอก บางตัวเป็นลูกบาศก์ บางตัวใส่กระเป๋าโน้ตบุ๊คได้ บางตัวไม่อยากจะหิ้วขึ้นรถเลยก็มี นอกจากลำโพงขนาดย่อมเหล่านี้ ผมยังหาลำโพงคู่ใหญ่ๆมาใช้กับอินทิเกรตแอมป์ที่ใช้ในบ้านอีกด้วย ลงทุนซื้อ Docking สำหรับวาง iPod ติดแท่นเอาไว้ แล้วต่อสายสัญญาณเสียงมาเข้าแอมป์ เวลาฟังเพลงผ่านอินทิเกรตแอมป์ที่ใช้งานประจำจะได้คุณภาพเสียงที่ดี ซึ่งความดีมันต้องยกให้ทั้งสองส่วน คือเครื่องเล่นเพลงให้คุณภาพที่ดี และระบบขยายเสียงก็ให้คุณภาพที่ดี แต่มันก็ขนาดใหญ่เกินกว่าจะพกพา หรือใช้งานไม่สะดวกสักเท่าไร การจะมองหาลำโพงเล็กๆพกพาได้หิ้วไปมาใช้งานแทนอินทิเกรตและชุดลำโพงในบ้านจึงเป็นเครื่องเพ้อฝันจริงๆ เพราะลำโพงเล็กแต่เสียงดีหายากมาก

วันหนึ่งผมไปเดินเล่นแถวบ้านหม้อ แวะไปร้านขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์รายใหญ่ ในร้านนั้นมีเครื่องเสียงหลายประเภทวางขายอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเสียง PA มีตั้งแต่ลำโพงยักษ์แอมป์ใหญ่ๆ ไล่ไปจนถึงไมโครโฟนขนาดต่างๆ มีอยู่มุมหนึ่งขายเครื่องเสียงบ้าน ผมเหลือบไปเห็นกล่องสี่เหลี่ยมหน้าตาดีอยู่ตัวหนึ่ง มันคือเครื่องรับวิทยุยี่ห้อ TEAC รุ่น R1 ซึ่งลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดสามารถจับด้วยมือเดียวและยกขึ้นมาได้ มันเป็นเครื่องรับวิทยุที่สามารถต่อสัญญาณเสียงเข้าทางช่อง Aux ได้ ผมเลยคิดว่ามันน่าจะเอามาลองใช้งานคู่กับ iPod เสียหน่อย แม้ว่าจะมีวิทยุมาด้วยในตัวแต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้ส่วนที่เป็นเครื่องรับวิทยุ

ยืนฟังรายการวิทยุจาก TEAC R1อยู่ในร้านสักพักหนึ่งผมก็รู้สึกว่าเครื่องนี้เสียงดี มันให้เสียงเบสได้ค่อนข้างลึก และดััง เสียงกลางชัดมาก เสียงแหลมก็มีประกาย คือฟังโดยรวมแล้วผมคิดว่ามันเสียงดี น่าใช้ แต่ ณ วันนั้นผมยังไม่ได้ซื้อ เพราะว่ายังไม่มั่นใจในหลายๆประเด็น อย่างเช่น เปิดดังได้ไหม เสียงแตกไหม ถ้าเอามาต่อช่อง Aux มันจะเสียงดีรึเปล่า ดูท่าทางมันมีลำโพงแค่ตัวเดียวแล้วมันรับคลื่นวิทยุเป็นสเตอริโอรึเปล่า วงจรขยายเสียงข้างในเป็นแบบสเตอริโอหรือโมโน ถ้าเอามาเสียบใช้เป็นแอมป์หูฟังมันจะเป็นโมโนหรือสเตอริโอ ความสงสัยเหล่านี้ไม่รู้จะหาคำตอบได้จากที่ไหน

ผมลองเข้า internet ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ไม่พบ ไม่มีใครพูดถึงการใช้งานโดยละเอียดเลย มีแต่บอกว่ามันรับวิทยุได้ ต่อ Aux ได้ ส่งเสียงได้ มีแบตเตอรี่ในตัว ราคาขายเท่าไร ซึ่่งเป็นข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ต่อผมเลย ในช่วงนั้นเลยยังไม่ได้ซื้อ เพราะว่าหลายครั้งก่อนหน้านี้ผมซื้อลำโพงเล็กๆมาหลายตัว แต่ละตัวจะมีข้อดีที่ผมรับรู้ แต่ก็มีข้อจำกัดหลายอย่างทำให้ไม่ค่อยประทับใจ TEAC R1 ก็ดูจะคล้ายกับตัวอื่นๆที่เคยลอง เลยยังไม่ซื้อ
เวลาผ่านไปนานจนผมลืมไปแล้ว วันหนึ่งผมสังเกตุที่บ้านพบว่าแม่ผมชอบฟังรายการวิทยุ และวิทยุที่แม่ใช้ก็เป็นวิทยุแบบแถม หรือแจกฟรีตามงานปีใหม่ มันส่งเสียงได้ รับคลื่นได้ แต่จะปรับเปลี่ยนคลื่นแต่ละทียากเย็นเหลือเกิน บิดไปนิดเดียวกระโดดข้ามไปหลายคลื่น ไม่สามารถรับคลื่นได้ชัดๆเลยแม้แต่สถานีเดียว แม่ผมก็เลยฟังคลื่นวิทยุอยู่คลื่นเดียวเพราะไม่กล้าบิดเปลี่ยนไปช่องอื่นเนื่องจากกลัวว่าจะบิดกลับมาไม่เจอคลื่นเดิม ผมเลยให้ของขวัญแม่ด้วยการไปซื้อ TEAC R1 ตัวนี้มาให้ใช้แทน เลยถือโอกาสทดสอบการใช้งานในรูปแบบต่างๆเพื่อให้หายสงสัย และเพื่อให้เป็นข้อมูลการทดสอบสำหรับนักเล่นท่านอื่นๆที่กำลังสนใจเครื่องเล่นลักษณะนี้

IMG_9009

TEAC R1 เป็นเครื่องรับวิทยุที่มีลำโพงในตัว สามารถรับคลื่น FM และ AM ได้ ใช้พลังงานจากหม้อแปลง 12 โวลท์ และมีแบตเตอรี่ในตัวสามารถชาร์จไฟขณะใช้งานได้ ถ้าใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จะใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง สามารถต่อสัญญาณขาเข้าจากแหล่งโปรแกรมอื่นๆได้ทางช่อง Aux มีวงจรขยายในตัว สามารถเปิดใช้งานได้ค่อนข้างดังในห้องทำงานทั่วไป หรือในห้องนอนก็กำลังเหมาะสม

IMG_9004

ด้านบนตัวเครื่องมีปุ่มอยู่ 4 ปุ่มดังนี้ ซ้ายสุดเป็นปุ่มเปิดปิดและทำหน้าที่เลือกรับคลื่น FM AM และ เลือกฟังช่องสัญญาณขาเข้า Aux ปุ่มที่สองจากซ้ายเป็นปุ่มปรับเสียง Bass ถ้าบิดไว้ที่ตำแหน่งตรงกลางจะมีคลิกหยุดเป็นตำแหน่ง Flat ส่วนปุ่มที่สามเป็นปุ่มปรับเสียงสูงหรือ Treble มีตำแหน่งกลางเป็น Flat เช่นกัน ปุ่มสุดท้ายหรือทางขวาเป็นปุ่มกลมขนาดใหญ่ที่สุดทำหน้าที่ปรับความดังของเสียง ใต้ปุ่มซ้ายจะมีหลอดไฟแสดงสถานะการทำงาน ตอนเปิดจะติดสว่างเป็นหลอดไฟสีน้ำเงิน ตอนปิดถ้าเสียบหม้อแปลงไฟไว้แล้วเครื่องกำลังทำการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่อยู่หลอดไฟดวงนี้จะกระพริบตลอดเวลา และจะดับไปเองเมื่อแบตเตอรี่เต็ม

IMG_9006

ด้านหลังมีช่องสำหรับเสียบสายต่างๆ และมีช่องระบายอากาศสำหรับลำโพงภายในด้วย นั่นก็หมายความว่าเครื่องเล่นเครื่องนี้เป็นลำโพงชนิดตู้เปิด เดาว่าภายในใช้ดอกลำโพงดอกเดียวทำงานเป็นแบบ Full range คือส่งเสียงทุกย่านความถี่ด้วยดอกลำโพงเพียงดอกเดียว อาศัยช่องระบายอากาศเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในย่านเสียงเบส ตรงกลางเครื่องด้านหลังเป็นช่องเสียบสายอากาศ ซึ่งมีแถมมาให้ในกล่องด้วย

IMG_9027

ถัดลงมาเป็นช่องต่อสัญญาณขาเข้า Aux in ซึ่งแถมสาย mini 3.5mm สองหัวมาให้ด้วยเช่นกัน ช่องถัดลงมาเป็นช่องเสียบหูฟัง สามารถใช้งานกับหูฟังทั่วไปได้ หมายความว่าเราสามารถใช้เครื่องเล่นเครื่องนี้เป็นแอมป์ขยายสัญญาณเสียงให้กับหูฟังที่เราต้องการได้ ช่องด้านล่างสุดเป็นช่องเสียบหม้อแปลงไฟ หม้อแปลงที่แถมมาให้เป็นแบบแปลงไฟ 220v แปลงเป็น 12V คิดว่าถ้านำ TEAC R1 ไปเสียบกับไฟในรถยนต์ก็คงสะดวกดีเพราะแรงดันไฟตรงกัน ด้านขวาเหนือช่องระบายอากาศเป็นเสาอากาศแบบชัก การชักเสาอากาศยืดขึ้นมาจะช่วยให้รับคลื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีผลมากในการใช้งานที่อยู่ในตึกอาคารต่างๆ ซึ่งคลื่นวิทยุจะรับค่อนข้างยาก เสาชักในตัวทำงานได้ดีเยี่ยม แทบไม่พลาดการรับคลื่นเลย จะมีเพียงบางสถานีเท่านั้นที่เสียงค่อนข้างเบา หรือมีการทับซ้อนกันบ้างเนื่องจากคลื่นวิทยุชุมชนในกรุงเทพค่อนข้างจะถี่ พาลเบียดคลื่นหลักไปบ้างก็มี

IMG_9012

ด้านหลังซ้ายเป็นช่องใส่แบตเตอรี่ ต้องใช้ไขควงเพื่อเปิดฝาครอบออก ภายในเป็นแบตเตอรี่แรงดัน 7.2 โวลท์ ขนาดความจุ 1200 มิลลิแอมป์

มาทดลองฟังกันเลยดีกว่า ผมเสียบหม้อแปลงแล้วเปิดเครื่องให้รับคลื่น FM หมุนหาคลื่นไปเรื่อยๆ ลูกบิดหน้าเครื่องทำหน้าที่หมุนหาคลื่น ลูกบิดนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เป็นระบบกลไกที่มีการทดรอบเพื่อให้หมุนได้กว้างขึ้น กล่าวคือวงแหวนหน้าเครื่องวงเล็กที่ทำหน้าที่ให้มือจับจะต้องหมุนด้วยรอบที่มากกว่าเพื่อให้วงแหวนอีกวงซึ่งมีตัวเลข 88-108MHz ขยับไปทีละนิด ซึ่งจากการวัดคร่าวๆ ผมต้องหมุนลูกบิดไปประมาณ 2 รอบเต็มๆ ถึงจะทำให้ตัวเลขคลื่น FM ขยับจาก 88 ไปเป็น 108 Mhz หรือวงใหญ่หมุนไปครึ่งรอบเท่านั้น การออกแบบเช่นนี้ทำให้การหมุนหาคลื่นทำได้ง่ายขึ้น แต่ละสถานีที่อยู่ติดกันจะมีระยะหมุนค่อนข้างมาก ทำให้ปรับคลื่นได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น

IMG_9001

เสียงรายการวิทยุที่ได้รับค่อนข้างชัดเจนมาก ยิ่งเป็นคลื่นวิทยุชุมชนที่สถานีส่งอยู่ใกล้บ้านผมยิ่งชัดเจน ชัดขนาดที่ว่าผมต้องหยุดฟังเลย แม้จะเป็นแค่เสียงพูดก็ตาม ฟังเพลงสตริงตามคลื่นยอดฮิตต่างๆก็ให้เสียงที่ชัด มีเสียงเบสที่แน่นและคม เสียงกลางชัด เสียงแหลมก็มีไม่ตกหล่นแถมยังเป็นประกาย เสียงเบสค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ดูเหมือนลักษณะลำโพงตู้เปิดจะถูกจูนเสียงให้มีเสียงเบสเยอะเป็นพิเศษ การเปิดฟังเพียงเบาๆจะให้เสียงที่มีน้ำหนักพอดี แต่ถ้าเปิดให้ดังขึ้นมากสักหน่อยจะรู้สึกว่าเสียงเบสเยอะเกินไป การฟังตลอดการทดสอบนี้จะปรับเสียงไว้ที่ flat ซึ่งก็ให้น้ำเสียงที่ดีน่าฟังเพียงพอแล้ว สรุปคร่าวๆในส่วนของวิทยุได้เลยว่า เครื่องเสียงตัวนี้รับวิทยุได้ชัด ให้เสียงเพลงได้น่าฟังมาก เสียงกลางชัดมาก

IMG_9015

ผมลองเสียบหูฟังเข้ากับช่องด้านหลัง เพื่อทดลองฟังในแบบสเตอริโอ เนื่องจากมันมีลำโพงแค่ดอกเดียว ผมเคยคิดว่ามันอาจจะเป็นเครื่องเล่นแบบโมโน แต่พอลองฟังผ่านหูฟังแล้วก็พบว่า R1 เป็นสเตอริโอ มันรับคลื่นและขยายเสียงเป็นสเตอริโอ อันนี้ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ หายสงสัย และคิดเลยต่อไปว่ามันสามารถใช้งานเป็นเครื่องรับวิทยุสำหรับห้องฟังเพลงได้เลย โดยการต่อสัญญาณจากช่องเสียบหูฟังเข้ากับอินทิเกรตแอมป์หรือชุดเครื่องเสียงชุดหลักของห้องฟัง ซึ่งมันมีราคาค่าตัวต่ำมากเมื่อเทียบกับเครื่องเสียงแยกชิ้นอื่นๆ

IMG_9022

มาลองฟังแบบต่อกับ iPod ดีกว่า ผมต่อ iPod Shuffle สลับกับ iPod Video เข้าทางช่อง Aux โดยสายที่แถมมากับเครื่อง เพลงที่อยู่ใน iPod เป็นเพลงที่ก๊อปปี้มาจากคนอื่นบ้าง ริบแผ่นแท้ต่างๆเอาไว้บ้าง เสียงเข้าไปฟังแล้วก็รู้สึกดี เสียงที่ได้ยินค่อนข้างชัดเจน เสียงเบสเยอะเพียงพอ น่าฟังมาก ความคมชัดและความกระฉับกระเฉงเป็นจุดเด่นที่มีให้รับรู้ตั้งแต่เริ่มต้น ไดนามิคเร้นจ์ที่จะแจ้ง เสียงเครื่องเคาะก็มีความแข็ง คม มาพร้อมกับเสียงเบสที่ติดตามได้ ผมลองกับเพลงที่หลากหลายเพื่อจะได้รู้แนวว่า TEAC R1 มีคุณภาพระดับใด เพลงป๊อปทั่วไปทำได้ยอดเยี่ยม ไม่มีจุดให้ติ สิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับและไม่คิดว่ามันเป็นจุดด้อยก็คือ ถ้าเปิดเสียงดังมันจะเสียงแตก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องเสียงระดับเล็กๆ ยิ่งใช้ไฟเลี้ยงระดับต่ำและใช้ลำโพงขนาดเล็ก ยิ่งไม่ควรคาดหวังว่ามันจะเสียงแน่นแม้จะเปิดลั่นบ้าน ระดับเสียงที่ฟังทดสอบก็อยู่ในระดับนั่งฟังในห้อง ไม่ได้ไปเปิดแข่งกับใคร ฟังกับเพลงร๊อคก็ได้เสียงกลองที่ชัดมาก ผมเลือกวง dreamtheater มาใช้ทดสอบ เพราะผมชอบวงนี้เป็นการส่วนตัว ชอบเพราะแนวเพลงแปลกดี และฝีมือนักดนตรีอยู่ในระดับไม่ใช่คน แม้จะดูเหมือนพูดเกินจริง แต่ผมก็คิดว่าหาคนเล่นได้แบบนี้ยาก กลองที่เล่นได้ระห่ำสุดๆจากอัลบั้ม awake ซึ่งออกมาเกินสิบปีแล้ว เสียงกระเดื่อง เสียงทอม เสียงสแนร์ เสียงแฉ ฉาบ ทุกเสียงได้ยินครบถ้วนและติดตามได้ทุกเม็ด ความฉับไวเป็นจุดเด่นของ R1 อย่างไม่ต้องสงสัย เลยไปถึงเสียงกีต้าร์ที่เล่นได้ดุดันสะใจ เสียงเบสที่ฟังออกแทบทุกเม็ด ผมคิดว่านักดนตรีสามารถใช้ R1 เพื่อแกะเพลงได้แน่นอน จบจากร๊อคผมลองกับเพลงแจ๊สนุ่มๆของน้องนอร่าโจนส์ซึ่งมีจุดเด่นที่เพลงนุ่มนวล เสียงร้องชัด เบสอัดได้ดีมาก ผมได้ยินเสียงเบสไล่ไปทีละโน๊ต นุ่มและคม คือนุ่มแบบไม่เบลอ หัวโน้ต หางโน้ต เกิดขึ้นแล้วจบลงแบบมีระยะของตัวเองที่พอดิบพอดี แต่เพลงของนอร่าโจนส์จะสร้างปัญหาให้กับ R1 ได้ง่ายๆถ้าเปิดดัง เพราะว่าลำโพงของ R1 ถูกออกแบบให้ไวต่อเสียงเบส เพื่อชดเชยกับรายการวิทยุที่อาจจะส่งเสียงเบสมาได้ไม่ค่อยเยอะนัก พอฟังเพลงแจ๊สที่มีเบสเด่นๆ จะรู้สึกว่ามีอาการกระพือเล็กน้อย จำเป็นต้องลดระดับเสียงลงไปให้น้อยกว่าปกติที่ฟังเพลงป๊อปและร๊อคทั่วไป แต่เชื่อเถอะว่า เบส และ กลางของ R1 มันเพราะจริงๆ

IMG_9002

นอกจากนี้ผมลองฟังแจ๊สที่เน้นเสียงร้องกับกีต้าร์อะคูสติก ผมว่ามันลงตัวกับ R1 มากที่สุดเลย อัลบั้มของ Snow rose ซึ่งเธอเป็นใครผมก็ไม่รู้ แต่เพลงที่เธอเอามาร้องใหม่ ทำใหม่ โดยร้องคู่กับกีต้าร์แค่ตัวเดียวมันหวานซึ้งและน่าฟังมาก เสียงร้องที่เป็นจุดเด่นก็ทำได้ดีไม่สงสัย เสียงกีต้าร์อะคูสติกให้ความรู้สึกว่านักดนตรีเล่นเก่งดี และมั่นใจในการเล่นเสียด้วย เสียงตีคอร์ทและเล่นเป็นโน๊ตสลับกันออกมาแบบว่า เหมือนจริงมาก แม้ว่ามันจะใช้ลำโพงดอกเดียว ก็ยังรู้สึกว่าเพราะดี

แบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งระยะเวลานี้ผมไม่ได้เป็นคนทดสอบเอง แต่มันเกิดจาก ผมดึงปลั๊กไฟออกจาก R1 ตอนเก้าโมงเช้า แล้วก็ปล่อยให้แม่ฟังเพลงใช้งานไปตลอดวัน จนตอนเย็นกลับมาบ้าน แม่บอกว่า วิทยุเป็นอะไร ทำไมอยู่ๆก็ดับไป ผมถามว่าดับไปตอนไหน แม่บอกประมาณสี่โมงเย็น ผมก็เลยได้คำตอบว่า แบตเตอรี่มันใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง

IMG_9039

ผมคิดว่า TEAC R1 เป็นตัวแทนของลำโพงไฮไฟหรือลำโพงเสียงดีได้อย่างไม่ขัดเขิน เสียงที่ดีจากเครื่องเสียงคุณภาพดีเป็นยังไง ผมคิดว่ามันเป็นเสียงแบบนี้แหละครับ ปกติแม่ผมจะเป็นแม่บ้านที่ใช้เงินค่อนข้างประหยัด ไม่ค่อยกล้าซื้อของอะไรแพงๆ และวิทยุที่แม่เคยใช้มาตลอดชีวิตก็เป็นของถูกๆ คุณภาพแย่ ถึงแย่มาก วิทยุเครื่องนี้ถือว่าเป็นเครื่องที่แพงที่สุดที่แม่เคยใช้มา แต่มันน่าภูมิใจอย่างหนึ่งตรงที่ มีวันหนึ่งแม่คุยกับผมแล้วเล่าให้ฟังว่า วิทยุตัวนี้มันเสียงดีนะ ฟังเพลงอะไรก็เพราะ เพิ่งรู้ว่าแต่ละเพลงมันมีเสียงกลอง เสียงกุ๊งกิ๊ง เดี๋ยวก็มีเสียงโน้นเสียงนี้โผล่มาในเพลง ฟังได้เพลินไปเลย เมื่อก่อนเวลาเปิดฟัง จะรู้แต่ว่าสถานีเขาพูด เขาเปิดเพลง แต่ไม่เคยรู้ว่าในเพลงมันมีเสียงอะไรบ้าง เพราะมันแบนๆฟังไม่ค่อยออก ผมฟังแล้วก็อมยิ้มเลย นานๆทีแม่ของคนเล่นเครื่องเสียงจะเห็นดีเห็นงามด้วยว่าเครื่องเสียงที่เสียงดีมันเป็นยังไง แม้ว่าค่าตัวของวิทยุเครื่องนี้จะไม่มาก บางทีสายสัญญาณยี่ห้อดังยังแพงกว่าหลายเท่า แต่ค่าตัวที่ย่อมเยาก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นดนตรีมันลดน้อยลง ตรงนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าต้องการอะไร ต้องการเสพเครื่องหรือเสพดนตรี ของขวัญวันแม่ปีนี้ผมจ่ายน้อยลงกว่าปีที่แล้วเยอะ แต่ว่ามันสร้างความสุขใจได้ทั้งคนให้และคนรับ และที่สำคัญแม่ได้ใช้งานทุกวัน

กลับมาเขียนบทความเกี่ยวกับเครื่องเสียงอีกครั้ง

สิบปีที่แล้วผมเคยเดินเข้าไปสมัครงานเป็นนักเขียนของนิตยสารเครื่องเสียงฉบับหนึ่ง และทางสำนักพิมพ์ให้โอกาสเขียนงานไปส่ง เรื่องอะไรก็ได้เกี่ยวกับเครื่องเสียง อีกไม่กี่วันผมก็ส่งต้นฉบับไป และได้ลงในหน้าสุดท้ายของเล่ม ตั้งแต่วันนั้นผมก็เป็นนักเขียนกับเขาจริงๆ

หลายเดือนหลังจากนั้นผมได้รับงานเขียนประจำคือ แปลบทความ เครื่องเสียงต่างๆที่ออกมาจะถูกทดสอบโดยนิตยสารต่างประเทศทั้งจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษ สิ่งที่นิตยสารไทยจะทำได้ก็คือ แปลสิ่งที่ฝรั่งเขียน เนื้อหาทั้งเล่มมีที่เป็นคนไทยคิดเองเขียนเองทดสอบเองแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นของฝรั่งแปลเป็นไทย ผมก็รับหน้าที่แปลอย่างขยันขันแข็ง

ผมแปลได้เร็วมาก อาศัยว่าผมเป็นคนบ้าเครื่องเสียง ศัพท์เทคนิคที่ควรรู้ผมก็รู้หมด ความรู้ทางสายวิศวกรรมไฟฟ้าช่วยให้ผมทำความเข้าใจสิ่งที่ผมแปลได้เร็วมาก งานก็เลยไหลมาเทมา ผมเคยแปลสูงสุดเดือนละ 30 หน้า A4 ซึ่งเป็นการแปลความแบบทำความเข้าใจแล้วเล่าเรื่องใหม่ก่อนเขียน

ผ่านไปหลายเดือนผมกลายเป็นคนไม่กลัวภาษาอังกฤษ หนังสือเล่มหนา ข้อมูลกองใหญ่แค่ไหนก็ก็อ่านได้เรื่อยๆ การแปลจะเจอคำซ้ำๆ เจอประโยคคล้ายๆกัน สุดท้ายพอชำนาญมากๆผมก็เริ่มมองประโยคอังกฤษเหล่านั้นเป็นภาพ คือเห็นประโยคขึ้นต้น ตรงกลาง ลงท้าย มองรวมๆสิบประโยคผมก็แต่งข้อความภาษาไทยขึ้นมาใหม่เลย นอกเสียจากเป็นเรื่องราวเฉพาะทางจริงๆถึงจะอ่านทำความเข้าใจซ้ำไปซ้ำมาหลายๆเที่ยว

ผ่านไปหลายปีผมเป็นนักเขียนประจำกองบรรณาธิการ จนถึงช่วงเวลาหนึ่งผมเริ่มทุ่มเทเวลาให้กับการถ่ายภาพ ลดเวลาการเขียนงานลง ห้าปีหลังมานี้ผมเริ่มถ่ายภาพมากขึ้น และเริ่มรับผิดชอบงานของครอบครัวมากขึ้น ความถี่ในการส่งงานเขียนค่อยๆลดลง จากเดือนละหลายตอน กลายเป็นเดือนละสองตอน และ หนึ่งตอน และ เดือนเว้นเดือน จนกระทั่งในที่สุดเดือนพฤษภาคม ปี 2550 ก็เป็นเดือนสุดท้ายที่ผมส่งงานเขียนเข้าไป และไม่เคยได้ทำอีกเลยจนถึงปัจจุบัน

ตอนต้นเดือนผมอยู่ที่ร้านขายหนังสือ หยิบหนังสือที่ผมเคยเขียนมาเปิดดูเล่นๆ และเปิดไปดูหน้าบรรณาธิการ เหลือบดูรายชื่อนักเขียนในกองบรรณาธิการ ผมเห็นชื่อผมอยู่ในหนังสือเล่มนั้น ในใจก็รู้สึกดีที่เขายังไม่ถอดชื่อผมออก ผมเลยนึกได้ว่า ผมยังสามารถเขียนได้ถ้าผมอยากเขียน ก็เลยหยิบเรื่องราวของเครื่องเสียงสักตัวที่ผมชอบขึ้นมาเขียน การเขียนครั้งนี้เป็นการเขียนจากสิ่งที่อยากเขียน ไม่ได้เป็นการแปลเหมือนแต่ก่อน แต่ผมก็ยังอยากแปลบทความอยู่ดี เพราะผมรู้สึกว่าการแปลบทความทำให้ผมได้รู้เรื่องราวภายนอก การเขียนเรื่องของตัวเองเป็นการเขียนที่ง่ายที่สุดและอาจจะมักง่ายที่สุด แต่การเขียนเรื่องของคนอื่น หรือแม้แต่การแปล ผมถือว่าเป็นการเขียนที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบระดับสูง ถ้าไม่เข้าใจ เขียนผิด แปลส่งเดช มันจะเกิดความเสียหาย และมันจะเป็นการบอกตัวตนคนทำงานด้วยว่าตั้งใจ หรือ มักง่าย

เครื่องเสียงที่ผมชอบมีไม่กี่ตัว สิ่งที่แยกแยะได้ว่าผมชอบก็คือ ความรู้สึกว่า ไม่เสียดายเงินที่ซื้อมันมาใช้ วิทยุเครื่องหนึ่งที่อยู่ในบทความที่กำลังจะส่งไปให้สำนักพิมพ์พิจารณาเป็นตัวแทนของเครื่องเสียงคุณภาพดี มีแนวคิดการออกแบบที่น่าสนใจ และเป็นครูของนักออกแบบเครื่องเสียงรุ่นใหม่ๆได้เป็นอย่างดี แต่คงมีีคนไม่กี่คนที่รับรู้เรื่องพวกนี้ ผมเคยพยายามออกแบบเครื่องเสียงเอง พยายามทำเอง แต่ผมก็ทำให้มันดีไม่ได้ อาจจะเพราะความรู้ไม่พอ หรืออาจจะเพราะทรัพยากรไม่พอ หรือ จินตนาการไม่พอ ผมเลยไม่มีเครื่องเสียงทำเองออกมาสักที ทั้งที่มันเป็นความตั้งใจครั้งหนึ่งในชีวิต ว่าอยากจะออกแบบเครื่องเสียงใช้เอง ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องเสียงของตัวเอง ขอเขียนไปพลางๆก่อนก็ได้ อย่างน้อยก็ยังถือว่าอยู่ในวงการเครื่องเสียงเหมือนกัน

teac r1 review

เปิดบริษัท เรื่องยุ่งกว่าที่คิด

ผมกำลังจะเปิดบริษัทเพื่อทำงานเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ พอเริ่มต้นก็มีเรื่องให้คิดอีกเยอะ เปิดเป็นบริษัท เป็น หจก เป็นคณะบุคคล เป็นบุคคลธรรมดา …… การเปิดกิจการจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจากทั้งสี่อย่างนี้ ซึ่งแต่ละอย่างมีจุดดีไม่เหมือนกัน มีข้อจำกัดไม่เหมือนกัน แค่ตัดสินใจเลือกแบบเดียวให้ได้ก็ปวดหัวแล้ว เพราะดันขอข้อมูลจากผู้รู้ไว้หลายคน แต่ละข้อมูลก็มีสิ่งที่จะต้องเอามาคิดให้ถี่ถ้วน นับเป็นเรื่องปวดหัวเรื่องที่หนึ่ง

สมมุตว่าได้ข้อสรุปแล้วว่าจะทำแบบใด ก็ต้องเลือกชื่อ และทำโลโก้ ทำตรายาง ต้องคิดชื่อ ต้องออกแบบโลโก้ กว่าจะได้ชื่อ กว่าจะออกแบบโลโก้ก็ใช้เวลาพอสมควร ผมได้ชื่อและออกแบบโลโก้เสร็จแล้ว ก็เอาไปสั่งทำตรายาง ทำตรายางก็อุตส่าห์เลือกแบบมีหมึกในตัวเพื่อความสะดวกไม่ต้องพกถาดหมึกให้วุ่นวาย ผลก็คือได้ตรายางหมึกเยิ้มๆมาอันหนึ่ง ใช้งานจริงไม่ได้เลย มันเลอะเทอะ สุดท้ายก็ต้องทำใหม่ เป็นเรื่องปวดหัวเรื่องที่สอง แต่ความปวดหัวระดับเบาบาง แก้ไขได้ทันที

ตรายางชุดแรกที่ได้มา เอาให้คนจดทะเบียนดู เขาออกความเห็นว่า มันเป็นแถบสีทึบกว้างๆ มันเหมือนตรายางเสีย เพราะมันปั๊มให้เรียบไม่ได้ ผมก็เข้าใจ เขาอยากให้เปลี่ยนโลโก้ใหม่ ผมถามว่า มันผิดข้อบังคับอะไรหรือไม่ เขาบอกว่าไม่ผิด แต่อาจจะสร้างปัญหาได้ในอนาคต เพราะว่ามันเหมือนตรายางเสีย อาจจะทำให้ทางธนาคาร หรือราชการไม่ยอมรับ… ผมก็เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนโลโก้ ต้องออกแบบใหม่ เริ่มต้นใหม่ เป็นเรื่องปวดหัวเรื่องที่สาม แต่เป็นระดับเบาบาง แก้ไขได้ทันที

ผมเลือกจะจดทะเบียนเป็นบริษัท ต้องใช้ชื่อคนอื่นหุ้นส่วนด้วย ผมเลยใช้ชื่อผม และไปขอพี่สาวมาให้ร่วมชื่อด้วย ตอนแรกผมคิดว่าใช้สองคน เลยเตรียมเอกสารสองคน พอทางคนจดทะเบียนแจ้งว่าต้องใช้สามคน เลยต้องรอเอกสารจากพี่เขยอีกคนหนึ่ง เป็นเรื่องไม่ปวดหัว แต่ต้องรอ…

ทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ดี? ห้าหมื่น หนึ่งแสน ห้าแสน หนึ่งล้าน ผมจะเอาตัวเลขเท่าไหร่ล่ะถึงจะเหมาะสม ผมจะซื้อเครื่องจักราคาสองล้านกว่า ผมจะใช้ทุนจดทะเบียนแค่ห้าหมื่นได้ไหม คนทำบัญชีบอกว่าอาจจะโดนตรวจสอบได้ เพราะว่าทุนจะทะเบียนไม่เหมาะสมกับเครื่องจักร แล้วผมจะระบุตัวเลขเป็นล้านไปเลย แล้วจะเอาทรัพย์สินจากไหนมาแสดงให้มันครบล้าน งง และ งง ไม่ค่อยเข้าใจขั้นตอนและวิธีคิด ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบเป็นเรื่องปวดหัวเรื่องที่สี่

ผมจะจดทะเบียนแบบเปิดบิล vat ได้ด้วย ผมจะซื้อเครื่องจักรสองล้านกว่า ค่า vat หรือภาษีมูลค่าเพ่ิมประมาณสองแสน ผมสามารถเคลมคืนมาได้ ก็คือบางคนบอกว่าเอาเป็นเงินสดออกมาได้ บางคนบอกว่าเคลมเป็นเครดิตดีกว่า หมายความว่าให้เคลมแล้วค้างเงินไว้กับสรรพกร ถึงเวลาต้องจ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่มแต่ละเดือนก็ไม่ต้องจ่ายจริง ให้หักจากเครดิต ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะถ้าใครเคลมเป็นเงินสดออกมา เสี่ยงจะโดนสอบ ผมก็รู้ จะสอบอะไรก็สอบไปสิ ผมไมไ่ด้ปิดบังซ่อนเร้นอะไร แต่คนทำบัญชีก็บอกว่า ไม่ควรให้เกิดการสอบใดๆ เพราะไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง…. สรุปว่า ผมควรจะได้เคลมเงินสดค่าภาษีมูลค่าเพิ่มออกมาหมุนเวียน เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ดันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เป็นเรื่องปวดหัวเรื่องที่ห้า

เครื่องจักรที่กำลังจะซื้อเป็นเครื่องที่ขายพร้อมซอร์ฟแวร์การควบคุมสี การควบคุมสีทำให้คุณภาพงานมีจุดเด่นที่เอาไปโปรโมทได้ เครื่องของบริษัทผมสามารถพิมพ์ได้สีเที่ยงตรง นี่คือสิ่งที่ผมอยากได้ และเซลส์ขายเครื่องก็บอกว่าทำได้ แต่เพื่อนผมอีกคนที่เป็นคนขายซอร์ฟแวร์การควบคุมสีประเภทนี้ก็ให้ความเห็นว่า มันยากที่จะทำให้ได้แบบที่ผมต้องการ เพราะมันมีปัจจัยเบี่ยงเบนเยอะ เขาไม่เคยคิดว่ามันจำทำได้แม้จะเป็นสิ่งที่อาชีพของเขาต้องทำให้ได้… อ้าวววววววววว เป็นเรื่องปวดหัวเรื่องที่หก นอกจากจะลดความต้องการลง ไม่ต้องแม่นยำก็ได้ แบบนี้ก็จะหายปวดหัวในประเด็นนี้ ผมเลยต้องปวดหัวซ้ำซ้อน ว่าจะลดอ็อพชั่นนี้ดีไหม ลดลงไปก็จ่ายน้อยลง แต่ก็จะเอาไปเป็นจุดขายแย่งตลาดไม่ได้ …. ปวดหัวเรื่องที่เจ็ด ต่อเนื่องจากเรื่องที่หก

ยังไม่หมด แต่เดี๋ยวค่อยมาปวดหัวต่อ….

panasonic GF1

ในที่สุดกล้องคอมแพ็คที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ก็ออกมาอีกตัว หลังจากที่ปล่อยให้โอลิมปัสนำร่องไปก่อนหลายเดือน ในกล้อง panasonic GF1 รุ่นนี้ได้เทคโนโลยีจากโอลิมปัสมาเต็มๆ และทำให้ดีกว่าเดิมในบางอย่าง

รูปร่างหน้าตาก็คล้ายๆกันกับโอลิมปัส E-p1 สิ่งที่พานาโซนิคทำได้ดีกว่าในรุ่นนี้ก็คือ ออกแบบให้มีแฟลชในตัว ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุดที่ E-p1 ลืมใส่มาให้ นอกนั้นก็ใกล้เคียงกัน แต่พานาโซนิค ทำน่ารักกว่าตรงที่มีสีแดงให้เลือกใช้ด้วย