พิพิธภัณฑ์สยามอีกครั้ง

ไปเดินเล่นอีกครั้งหลังจากผ่านไปปีกว่า คราวนี้คนน้อยลง จอดรถง่ายมาก อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ค่าผ่านประตูคนละ 100 บาท ไปห้าคนลดครึ่งราคา

วันนี้พกกล้อง eos5d พร้อมเลนส์ ef35f2 ใช้เลนส์ตัวเดียวตลอดวัน เหตุที่เลือกเลนส์ตัวนี้ก็เพราะรูรับแสงกว้าง สามารถใช้ถ่ายในสภาพแสน้อยๆได้ดี ห้องต่างๆในพิพิธภัณฑ์จะค่อนข้างมืด มีการจัดแสงเน้นเฉพาะสิ่งที่จะนำเสนอ ส่วนใหญ่เป็นแสงสลัวๆ ต้องใช้รูรับแสงกว้างสุดแทบตลอดเวลา ตั้งค่า iso ไว้ที่ 800 สปีดที่ได้ประมาณ 1/25 ซึ่งค่อนข้างเสี่ยงต่อการสั่น แต่ก็พยายามตั้งใจถือกล้อง ก็พอได้ ภาพค่อนข้างดีน่าพอใจ

เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์ตัวโปรด แม้สภาพจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังให้ภาพที่ดีอยู่ ออกจากห้องมืดๆมานั่งด้านนอก ปรับ iso กลับมาเป็น 200 แล้วก็ถ่ายเล่นๆ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นรูรับแสงกว้างสุดเหมือนเดิม

ภาพคุณท๊อปกับคุณเก๋ เตรียมไว้ลงหนังสือ hisoparty

ได้รับมอบหมายให้ถ่ายภาพคนดัง เพื่อเอาไว้ลงในหนังสือนิตยสาร hisoparty โจทย์ก็คือแบบมีเวลาไม่มาก ต้องมาเตรียมจัดแสงไว้ล่วงหน้า ผมก็เลยมาก่อนเวลานัด 1 ชม. เดินดูสถานที่ เลือกตำแหน่ง เลือกทิศทางแสง ในใจก็คิดเรื่องการจัดแสงมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ต้องมาดูที่จริงอีกที

ถึงเวลานัดแบบยังไม่พร้อม เพราะว่ายังแต่งหน้าไม่เสร็จ ผมก็เลยมีเวลาอีก 1 ชม เพื่อที่จะเลือกแสง และนั่งคิดเรื่อยเปื่อยว่าจะใช้มุมภาพแบบไหนดี ในหัวผมเลือกตำแหน่งและวิธีการจัดแสงไว้แค่แบบเดียว ตำแหน่งเดียว เพราะคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว แต่ตอนถ่ายจริงก็มีการปรับตำแหน่ง และปรับแสงให้แตกต่างไปอีกสามแบบ เพื่อความหลากหลาย เจ้าภาพและแบบจะได้ใจชื้นว่ามีภาพให้เลือกเยอะ

โจทย์หลักก็คือภาพคู่และเดี่ยวของแบบ แต่ระหว่างที่ยังรอกันไปรอกันมา ยังแต่งหน้าไม่ครบทั้งสองคนก็ให้เด็กๆมาเข้าฉากประกอบด้วย ถ่ายกันเล่นๆเพื่อลดความซนของเด็ก และเพื่อให้ผมได้เห็นสภาพแสงที่แท้จริงของภาพ


พอถ่ายแม่กับเด็กเสร็จจนเริ่มคุ้นเคยกันแล้วก็ถ่ายตัวคุณพ่อซึ่งเป็นนายแบบหลักของงานนี้ เก็บภาพเดี่ยวหลายๆมุมจนพอใจก่อนแล้วก็ตามด้วยภาพคู่

เสร็จจากมุมนี้ผมก็พอใจกับภาพที่ได้แล้ว  แต่ก็มีย้ายตำแหน่งและจัดไฟใหม่นิดหน่อยเพื่อให้ได้ภาพที่หลากหลายอีกนิด(แม้ผมจะพอใจกับภาพที่ได้แล้ว  แต่ก็ถ่ายเก็บเผื่อไว้ก่อน)

 

ภาพนี้คือการจัดแสงก่อนจะถ่ายจริง  ใช้ไฟด้านหน้าติดร่มทะลุ  เพื่อกรองแสงให้นุ่ม  ด้านหลังใช้แฟลชอีกดวงยิงตรงเข้ากับเก้าอี้เพื่อให้ด้านหลังสว่างและไม่มีเงาตกอยู่ด้านหลัง การส่งสัญญาณควบคุมแฟลชทั้งสองตัวใช้คลื่นวิทยุ แฟลชด้านหน้าเป็น nikon sb24 ยิงผ่านร่ม ตั้งกำลังไฟ 1/4 เพื่อให้สามารถยิงแฟลชได้ต่อเนื่องหลายๆครั้งไม่ต้องรอเวลาชาร์จไฟ เพราะถ้าหากยิงแฟลชเต็มกำลัง หลังจากถ่ายภาพแรกไปแล้วจะต้องรออีกหลายวินาทีกว่าไฟจะชาร์จจนพร้อมยิงครั้งต่อไป การรอหลายวินาทีอาจจะทำให้พลาดอิริยาบทบางอย่างไปได้ ช่างภาพควรจะจัดอุปกรณ์ให้สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้จำนวนหนึ่งเพื่อโอกาศในการเก็บวินาทีสำคัญ แฟลชด้านหลังเป็น canon 550ex ตั้งกำลังไฟ 1/32 ซึ่งถือว่าน้อยมาก มันทำหน้าที่เพียงเพ่ิมความสว่างด้านหลังให้ไม่มืดจนเกินไป กล้องที่ถ่ายใช้ eos5d รุ่นแรก เลนส์ 70-200/2.8 ตั้งค่า iso400 ใช้เวลาเลือกและจัดแสงประมาณ 1 ชม นั่งรอความพร้อมของแบบ 1 ชม. และถ่ายจริงแค่ 30 นาที.

ต้นไม้กับแสงอินฟาเรด

ต้นไม้ในร่มสามารถโตได้ถ้ามีแสงอินฟาเรด สังเกตได้จากต้นไม้เกาะฝาผนังในภาพ เป็นผนังด้านนอกอาคาร มีชายคายื่นเป็นที่กันแดด ทำให้ต้นไม้ทั้งแผงไม่โดนแสงแดดโดยตรง คือได้แต่แสงสว่างแต่ไม่ได้แสงแดด ด้านล่างเริ่มเฉาตายไปแล้ว แต่ด้านบนเติบโตดูดี มันเป็นเพราะมีกล้องวงจรปิดอยู่ด้านบน กล้องวงจรปิดรุ่นนี้จะมีแสงอินฟาเรดอยู่รอบๆตัวกล้อง แสงอินฟาเรดจะส่องสว่างในช่วงเวลากลางคืน นั่นก็หมายความว่า ต้นไม้โดนแสงอินฟาเรดตลอดคืนนั่นเอง

portrait for doctor

วันนี้ไปรับจ้างถ่ายภาพที่คลีนิคแห่งหนึ่งอยู่บนถนนสาธร คลีนิคแห่งนี้สั่งงานพิมพ์หลายอย่าง และบางอย่างก็ต้องใช้ภาพถ่าย ผมก็เลยรับถ่ายภาพด้วยเลย วันนี้ตั้งใจมาถ่ายภาพลูกค้ากำลังนั่งใช้บริการเครื่องมือตัวหนึ่ง ซึ่งต้องจัดถ่ายในห้องปฏิบัติงานของแพทย์ และมีรูปคนคู่กับเครื่องมือที่กำลังใช้งาน ถ่ายไปเกือบร้อยรูปซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับรูปที่ต้องการเพียงรูปเดียว

หลังจากเสร็จจากเครื่องมือ ก็มาถึงภาพของคุณหมอแต่ละท่าน คลีนิคต้องการใช้ภาพคุณหมอเพื่อวางในหนังสือ เป็นภาพแสดงให้เห็นหน้าตาของหมอ เลียนแบบภาพเล็กๆในหัวคอลัมภ์ที่มักจะเป็นรูปนักเขียน ผมดูภาพตัวอย่างของนิตยสารที่ลูกค้าเปิดให้ดู ก็เลยเลือกจัดแสงและถ่ายออกมาแล้วนี้ คือไปหาฉากสีเข้มไว้ก่อน แล้วจัดไฟให้มีแสงสว่างส่องมาจากด้านหลังให้มาโดนตัวแบบเล็กน้อย แสงจากด้านหน้าจะไว้ให้ยิงเข้าไปเฉียงๆ สรุปแล้วใช้ไฟสองดวง ไฟหน้ายิงผ่านร่ม ไฟด้านหลังยิงตรงเข้าที่ฉากและให้บางส่วนยิงโดนตัวแบบ ส่งสัญญาณยิงแฟรชด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งเป็นอุปกรณ์รับส่งที่เพิ่งได้มาจากเพื่อน งานนี้เอามาใช้เป็นครั้งแรกเลย

นอกจากภาพเดี่ยวแล้วก็ยังมีภาพหมู่ของคุณหมอด้วย เลือกแนวทางเดินในตึกจุดหนึ่ง และหน้าคลีนิคอีกจุดหนึ่ง การใช้แฟรชแบบไร้สายให้ความสะดวกยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ทำให้ต้องพกขาตั้งไฟและแฟรชอีกสองตัว สรุปคือวันนี้ตอนเก็บของพบกว่า ผมมีเป้สะพายหลัง 1 ใบ มีกระเป๋ากล้องสะพายข้าง 1 ใบ ในมือถือขาตั้งไฟสองชุด และร่มสะท้อนแสงอีก 1 คัน

วันนี้ได้คุยกับแม่เรื่องวิทยุเครื่องใหม่

IMG_1747

แม่เล่าให้ฟังว่า “วิทยุเครื่องนี้มันดีนะ มันได้ยินเสียงสารพัดอย่างในเพลงเต็มไปหมดเลย เสียงกลอง เสียงเครื่องเคาะ เสียงดนตรี เสียงร้อง ทุกเสียงได้ยินชัดดี ไม่เหมือนเครื่องเก่าที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้แต่ว่าเขาเปิดเพลง รู้แต่ว่าเขาพูด แต่ไม่ค่อยรู้ว่าในเพลงมีเสียงอะไรบ้าง”

แม่เล่าให้ฟังต่อว่า เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าวิทยุแต่ละเครื่องมันจะต่างกัน ยี่สิบกว่าปีที่แม่มีวิทยุใช้งานหลายเครื่อง ทุกเครื่องแม่ก็คิดแค่ว่าให้มันส่งเสียงได้ก็พอ แต่มีเครื่องนี้แหละที่แม่บอกว่ามันเสียงเพราะดี ทำให้แม่ได้ยินเสียงต่างๆในเพลงทุกเสียง และแม่ก็รู้ว่าการทำเพลงมันมีมากกว่าเสียงร้อง…. มีเสียงใหญ่ๆ เล็กๆ เต็มไปหมด

ผมก็ยิ้ม มันเป็นความรู้สึกดีที่สุดครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เพราะว่าแม่ชอบเครื่องเสียง แต่รู้สึกดีเพราะแม่สัมผัสความสุขได้

ถ่ายรูปซองยาสำหรับทำโบรชัวร์

ได้รับงานจากลูกค้า ให้ออกแบบการ์ดเชิญเพื่อฉลองครบรอบ 1 ปี ลูกค้าต้องการจะโปรโมทสินค้าใหม่ด้วย อยากให้ซองยาเป็นตัวละครอยู่ในสิ่งพิมพ์ เลยเอาซองยามาถ่ายรูปเพื่อจัดอาร์ตเวิร์คเบื้องต้น

ภาพนี้ใช้กล่องกระดาษคลุมเอาไว้ แล้ววางไว้ใกล้ๆหน้าต่าง ปกติจะใช้แฟรชยิงเข้าด้านข้างของกล่อง แต่ไม่อยากใช้แฟลชเลยเลือกวางไว้ข้างหน้าต่างเพื่ออาศัยแสงจากภายนอกอาคาร ถ่ายภาพแรกออกมารู้สึกว่าสีเพี้ยน เลยตั้งค่าแบบ custom whitebalance ซึ่งจะให้ค่าสีที่แม่นยำกว่าการตั้งเป็น Auto หรือตั้งเป็นค่าคงที่อย่าง Daylight

ถ่ายสินค้าแบบโปรสุดๆ

ถ้าจะทำให้ได้แบบนี้คงต้องเหนื่อยอีกเยอะเลย

วิทยุตั้งโต๊ะหน้าตาดี เสียงดี TEAC R-1

เครื่องเสียงคุณภาพดีเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยาก แต่การจะให้คุณภาพดีอยู่คู่กับรูปร่างหน้าตาที่ดี ใช้งานง่ายนั้นค่อนข้างยาก สังเกตุได้ว่านักเล่นเครื่องเสียงระดับบ้าบิ่นจะมีห้องฟังแยกต่างหาก เป็นห้องเอาไว้ปลีกวิเวก เลิกคบคน

ผมเคยหาลำโพงที่เอาไว้ฟังเพลงจาก ipod ซึ่งหาไปหามาก็ได้เป็นลำโพงตัวใหญ่ทุกที เลยได้เป็นลำโพงพร้อมเครื่องขยายเสียงแบบต้องตั้งอยู่กับที่ พกพาไม่ได้ ครั้นจะหาแบบพกพาก็ได้แบบอันเล็กๆ ยัดใส่กระเป๋าโน๊ตบุ๊คได้ แต่ก็ใช้งานยากนิดหน่อย

ช่วงนี้เป็นวันแม่ เลยจะหาของขวัญให้แม่ และรู้ว่าแม่ชอบฟังรายการวิทยุ ดังนั้นเครื่องเสียงที่ผมเคยมีอยู่ทั้งหมดนั้น “สอบตก” เพราะฟังวิทยุไม่ได้ แม่ไม่ได้ต้องการเครื่องเสียงคุณภาพสุดยอด ไม่ได้ต้องการเครื่องเสียงที่ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ได้ต้องการเครื่องเสียงเล็กๆพกพาได้ แม่ต้องการแค่วิทยุเครื่องหนึ่ง และผมก็เคยพิจารณาเครื่องเสียงอยู่ตัวหนึ่งที่จะเอามาใช้ฟังเพลงจาก ipod แต่ที่ไม่ซื้อในคราวนั้นเพราะว่ามันมีวิทยุ และผมไม่ต้องการวิทยุ

ก็ในเมื่อคนใช้งานไม่ใช่ผม ผมก็เลยคิดว่า เครื่องที่เคยเล็งไว้น่าจะเหมาะกับแม่ สุดท้ายก็ไปซื้อมาให้แม่เป็นของขวัญ และแน่นอนที่สุดก็ืคือ ผมทดลองฟัง และทดลองใช้งานด้วยตัวเองด้วย เลยมีข้อมูลมาบันทึกเอาไว้ เผื่อให้คนอื่นๆที่กำลังสนใจหาเครื่องเสียงลักษณะนี้ได้รู้ข้อมูลที่น่าสนใจของเครื่อง จะได้รู้ว่าเหมาะ หรือ ไม่เหมาะกับตัวเอง

TEAC R-1 เป็นวิทยุที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ในตัว ถอดเปลี่ยนได้ มีหม้อแปลง 12V แถมมาให้ด้วย มีสายรับ FM และสายสัญญาณต่อกับเครื่องเล่น MP3 ให้อีก 1 เส้น ตัวเครื่องเสาอากาศแบบชักในตัว ซึ่งสามารถรับคลื่นได้ชัดมากอยู่แล้ว ผมยังนึกไม่ออกว่าเสาอากาศแบบเป็นสายต่อเพ่ิมจะเอาไว้ใช้งานรับคลื่นประเภทไหนอีก แต่ให้มาก็คงดีกว่าไม่มี

การปรับคลื่นวิทยุเป็นแบบมือหมุน แต่ว่าตัวแกนหมุนมีการทดรอบให้ปรับได้ละเอียดมาก และมันก็ให้ความกว้างพอสมควร คือแต่ละสถานีที่อยู่ติดกันจะมีระยะหมุนที่มากพอที่จะแยกคลื่นแต่ละสถานีได้ขาดออกจากกันได้ ไม่เหมือนของถูกๆไม่กี่ร้อยบาทที่ทุกคลื่นอยู่เบียดกันจนบางครั้งได้ยินเสียงทีละสองคลื่น เลื่อนไปเลื่อนมาก็คลื่นหายไปหมด ใช้ฟังได้จริงแค่ไม่ถึงห้าสถานี แต่ TEAC R-1 ฟังได้ทุกคลื่นจริงๆ แถมชัดมากอีกด้วย

เห็นมีลำโพงแค่ตัวเดียวแต่จริงๆ TEAC R-1 รับสัญญาณวิทยุเป็นสเตอริโอ ถ้าเอาหูฟังมาเสียบช่องด้านหลังเครื่องเราจะได้ยินในหูฟังทันทีว่ามันเป็นเสียงแบบสเตอริโอ และหมายความว่าตัวขยายเสียงภายในทำงานแบบสเตอริโอด้วยเช่นกัน แบบนี้ถือว่าได้เครื่องที่ใช้งานได้อเนกประสงค์จริงๆ เพราะมีนักเล่นบางส่วนที่สรรหาเครื่องขยายเสียงมาใช้กับ ipod เพื่อให้มันขยายเสียงเพิ่มขึ้นสำหรับการใช้งานกับหูฟังที่ต้องการพลังที่เยอะกว่าพลังที่ได้จาก ipod (งงไหม) ซึ่งหลายคนจะเรียกการขยายแบบนี้ว่า Headphone amp หรือ เครื่องขยายเสียงสำหรับหูฟังนั่นเอง

IMG_1712

เราสามารถนำเครื่องเล่น MP3 มาต่อเข้ากับ TEAC R-1 ได้ทางช่องต่อ Aux เพียงบิดสวิตซ์บนเครื่องไปที่ Aux เราก็ฟังเพลงได้เพลินๆ คุณภาพเสียงดีกว่าลำโพงคอมพิวเตอร์ทั่วไปแน่นอน แต่อย่าเอาไปเทียบกับ BOSE ลำโพงคอมฯที่ราคาแพงเท่ากับเครื่องเสียงบ้าน เพราะ BOSE ตัวนั้นเสียงดีกว่าจริง แต่ค่าตัวมันต้องจ่ายสองหมื่นกว่า ฉะนั้น อย่าเทียบเลย

สิ่งที่ดีมากจาก TEAC R-1 คือมันเสียงดี เกิดเป็นเครื่องเสียงก็ต้องเสียงดี ถึงจะไม่เสียชาติเกิด เครื่องเล่นเครื่องนี้เสียงดีจริงๆ แม้ไม่ได้ดีมากแบบที่จะทิ้งของเก่าที่มีอยู่ทั้งบ้าน แต่มันก็เป็นตัวแทนของเครื่องเสียงคุณภาพดีได้อย่างไม่ต้องเอาปี๊ปคลุมหัว ถ้าซื้อของแพงกว่านี้แล้วเสียงยังไม่ดีเท่านี้ ก็ไม่ต้องซื้อดีกว่า

รถเสียกระทันหัน

วันนี้ตอนบ่ายตั้งใจจะข้ามฝั่งเข้าไปในเมือง ขัับรถออกจากโรงพิมพ์เลี้ยวไปขึ้นทางด่วนพระรามสอง ก่อนจะถึงคูหาจ่ายเงิน รถก็เงียบไปเฉยเลย เหมือนเครื่องดับ แต่เพลงยังไม่ดับ เหยียบคันเร่งก็ไม่มีอะไรตอบสนอง เหยียบเบรกก็เหยียบไม่ลง ก็คือเบรกไม่ได้ โชคดีที่รถเคลื่อนที่ช้า เลยดึงเบรกมือหยุดรถไว้ได้ ไม่ไปชนคันอื่น

พอรถหยุดก็ลองปิดกุญแจ แล้วเปิดใหม่ สตาร์ทใหม่ เครื่องก็ไม่ติด สตาร์ทไม่ติด อาการเหมือนแบตหมด แต่ว่าผมเพ่ิงเติมน้ำกลั่นไปเมื่อหลายวันก่อน ยังไม่นานเกิน 7 วัน เลยคิดว่าไม่น่าใจปัญหาที่แบต เพราะต่อให้แบตหมด รถก็ไม่น่าดับ เหลียวไปเหลียวมา เห็นเข็มความร้อนขึ้นไปที่ 100 เปอร์เซ็น โอ….. ความร้อนขึ้น หม้อน้ำรั่วแน่นอน สักพักนึงไม่ถึงนาที เข็มความร้อนค่อยๆลงมาที่ 75% ผมเลยสตาร์ทรถอีกครั้งหนึ่ง แล้วเรียบถอยออกจากช่องจ่ายเงิน ขับออกไปด้านข้างที่เป็นช่องสำหรับรถน้ำหนักเกิน แล้วเอารถไปหลบไว้ข้างทาง ดับเครื่องเปิดฝากระโปรงดู

มีรอยแตกให้เห็นที่ด้านบนของหม้อน้ำ ดูรอบๆ และด้านในของฝากระโปรงเห็นเป็นคราบเปียกน้ำ ก็เลยรู้ว่า ระเบิดแน่นอน ผมหาวิธีต่อว่าต้องทำยังไง ขับไม่ได้แล้ว ต้องลากอย่างเดียว ลากไปอู่ซ่อมรถทั่วไปดีกว่า คงถูกกว่าเข้าศูนย์ เพราะผมก็เคยใช้บริการอู่ซ่อมรถในซอยแห่งหนึ่ง เขาเคยซ่อมให้ผมในราคาแค่เจ๊ดพันบาท จากราคาเดิมที่ศูนย์บริการเคยแจ้งราคาสี่หมื่น

ผมนึกขึ้นได้ว่าผมเป็นสมาชิกบางจากแก๊สโซฮอลล์คลับ ซึ่งได้สิทธิพิเศษอยู่หลายอย่าง นอกจากส่วนลดค่าน้ำมันแล้วยังได้บริการให้ความช่วยเหลือซ่อมรถและลากจูงฟรีตลอด 24 ชม. เลยลองโทรแจ้งดู ผลก็คือ มีรถลากมาถึงผมภายในครึ่งชั่วโมง ผมเลยให้ลากไปที่อู่ซ่อมรถเจ้าเดิม

ที่อู่ซ่อมรถ ผมแจ้งอาการเสีย และแจ้งเปลี่ยนอะไหล่อย่างอื่นที่ผมนึกได้ว่ามันเริ่มมีปัญหา และให้เขาตรวจดูอย่างอื่นด้วยว่ามีอะไรต้องเปลี่ยนรึยัง วันรุ่งขึ้นตอนบ่าย อู่โทรมาแจ้งรายการซ่อมดังนี้

เปลี่ยนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ ประเก็นน้ำมันเกียร์ น้ำยาหม้อน้ำต้องเติมใหม่ ซ่อมฝาหม้อน้ำที่แตกเปลี่ยนให้เป็นทองแดง สายพาน 3 เส้นที่เริ่มหย่อน ยางหุ้มเพลาเปลี่ยนสองข้าง ยางรองแท่นเครื่องทั้งชุด(ใช้ของมือสอง) แร็คพวงมาลัยเพาเวอร์(ใช้ของมือสอง) ตั้งศูนย์ถ่วงล้ออีกครั้ง ทั้งหมด 12060 บาท

ผ่านไปสองวันซ่อมเสร็จ ค่าใช้จ่ายรวม 12460 บาท เร็วดีเหมือนกัน

ถ่ายรูปคู่จัดเอง ถ่ายเอง

ไปเดินเล่นสวนรถไฟเป็นครั้งที่สี่ในรอบปี คราวนี้ไปกับแฟน เนื่องจากตลอดเวลาที่คบกันไม่ค่อยได้ถ่ายรูปร่วมกันเลย ก็เลยหาโอกาสถ่ายกันเองบ้าง สวนรถไฟคือคำตอบที่ดีที่สุดที่นึกออก ไปขี่จักรยานเล่น หาของกินนิดหน่อย แล้วก็สอนเรื่องการวัดแสงให้ ไม่รู้ว่าคนเรียนจะอยากเรียนรึเปล่า แต่ก็สอนสิ่งที่ควรรู้

แล้วก็ถ่ายภาพกันเล่นๆสนุกๆ อาศัยขาตั้งกล้องและตั้งเวลาถ่ายเอา ไม่ได้เอารีโมทติดตัวไปด้วย เลยเหนื่อยหน่อย ผมเองไม่ค่อยชอบรูปถ่ายคู่แบบตอแหลหลอกลวง พวกเก๊กหล่อเก๊กสวย ทำเหมือนพระเอกนางเอกมิวสิคแบบนั้นไม่ถนัดเลย ชอบภาพคู่ที่ดูนิ่งๆหน่อย หรือไม่ก็เอาฮาๆไปเลยก็ได้ เลยได้ภาพออกมาแนวนี้

แล้วก็แบบนี้เลย ขำดี