สวนลุมรอบที่สิบ

เวลาจะทดลองอุปกรณ์กล้องต่างๆก็ต้องหาที่ถ่ายภาพเล่นเอาไว้ถ่ายภาพทดสอบ สวนลุมเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ได้รับการเลือกอยู่เป็นประจำ มีต้นไม้ มีดอกไม้ มีน้ำ มีเรือ มีเด็กๆ มีที่จอดรถง่ายดายไม่เสียตังค์ มีที่กินอาหารอยู่ฝั่งตรงกันข้ามหรือสวนลุมไนท์บราซ่า มาใช้บริการสวนลุมทีไรก็จะได้ภาพกลับไปชุดหนึ่ง ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนไปไปที่อื่น อาจจะเป็นเพราะที่อื่นยังไม่มีความครบครันแบบนี้ก็เป็นได้ ที่สำคัญก็คือ มันไม่ไกลจากบ้าน ถ้าเหนื่อยอยากกลับบ้านมันก็ไม่นานมาก

ภาพนี้ใช้กล้อง eos5d    ของเพื่อนยืมมาลอง ใช้เลนส์ของตัวเอง 35f2 ซึ่งเป็นเลนส์ตัวโปรด ภาพที่ได้ก็ออกมาตามที่คิด กล้องดี เลนส์ดี คนถ่ายภาพก็ทำงานง่าย

มองฟ้าไม่เห็นความฝัน

มองฟ้าไม่เห็นความฝัน มองมาตั้งนานไม่เห็นเป็นจริง
ได้แต่มองมองมองไม่ไหวติง ไม่วิ่งไม่ทำไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เว็บขายภาพก้าวที่หนึ่ง

เกือบปีที่ผ่านมากับการทำเว็บแบบจ้างคนอื่นทำให้ ผมเขียนโฟลชาร์จ โปรแกรมเมอร์ก็ทำตามสั่ง ตอนนี้ก็เสร็จแต่ไม่สมบูรณ์ เสร็จไปตามสั่งที่ควรเสร็จ แต่การพัฒนาเว็บก็คงต้องค่อยๆทำกันต่อไป สิบเดือนพอดีเลยกับเว็บตัวนี้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการใส่รูปเข้าไปในระบบ ตอนนี้แหละที่เป็นนรกของจริง

เวลาจ้างใครทำงานให้ เราจะรู้ว่าเขาทำอะไรได้และเราต้องการอะไรจากเขา เราพอจะปล่อยงานให้เขาทำระดับไหน อย่างไร และเมื่อมีการจ้างงานเกิดขึ้นก็หมายความว่าเราเชื่อแล้วว่าเขาทำได้ งานการพัฒนาโปรแกรมบนเว็บก็เป็นงานประเภทที่เชื่อใจ เชื่อว่าเขาทำตามสั่งได้ ตอนนี้ก็เสร็จสิ้นแล้ว หน้าตาอาจจะดูไม่ดีอย่างเว็บเมืองนอกเขา แต่มันก็เป็นแค่หน้าตา ส่ิงสำคัญยิ่งกว่าหน้าตาก็คือรูปแบบการทำงานหรือฟังค์ชั่น ซึ่งคนรับจ้างก็ทำได้ตามสิ่งข้อกำหนด อะไรที่ไม่ดี ไม่เวิร์ค ไม่เข้าท่า เป็นสิ่งที่เกิดมาจากไอเดียการออกแบบของผมเองที่ยังไม่ดี ยังไม่โปร ยังไม่มีประสบการณ์ในเว็บประเภทนี้

งานต่อไปก็เป็นการใส่รูปเข้าระบบ งานนี้จะจ้างใครมาทำได้ จะเชื่อใจใครว่าเขาจะใส่คีย์เวิร์ดแบบที่เราต้องการ จะใส่คีย์เวิร์ดแบบฉลาดๆ ผมอาจจะไม่ได้ฉลาดมากกว่าคนอื่นๆ แต่ผมเป็นคนที่เคยค้นหาภาพด้วยคีย์เวิร์ดจำนวนหนึ่ง และรู้ว่าคีย์เวิร์ดที่ดีจะต้องเป็นอย่างไร แล้วลูกจ้างคนต่อไปที่จะจ้างมาทำมันจะรู้แบบเราได้ยังไง คงต้องทำเอง และนี่แหละ นรกกำลังเริ่มต้น

Eos30

กล้อง canon รุ่น eos30 เคยเป็นกล้องประจำตัวช่วยกันทำมาหากินมานานแสนนาน ใช้รับงานถ่ายภาพมาเยอะ จนกระทั่งยุคดิจิทัลครองเมือง ไม่มีคนใช้ฟิล์มกับงานพิธีอีกต่อไป กล้องตัวนี้เลยไม่ได้ถูกหยิบใช้อีกเลย

หยิบออกมาดูก็รู้สึกดี จำได้ว่ากล้องมันตอบสนองการใช้งานได้เคยมือแบบไหน ทุกวันนี้ไม่มีกล้องดิจิทัลที่ให้ความรู้สึกแบบนี้เลย กล้อง Eos5D ที่เป็นดิจิทัลดีๆ เป็นที่อยากได้ของช่างภาพทั่วโลกก็ยังไม่เข้าข่ายให้ความรู้สึกเหมือนกล้องฟิล์มตัวนี้ หรือเป็นเพราะผมยังไม่ได้เป็นเจ้าของ Eos 5D จริงๆ เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมาก หยิบ 5D ของเพื่อนมาลองใช้ เอามาพกติดตัวหลายวัน รู้สึกว่ามันเป็นของแพงต้องระวังมากกว่าจะเป็นกล้องติดตัวช่วยสร้างสรรค์ภาพ ความรู้สึกแบบนี้อาจจะต้องใช้เงินเกือบแสน เพื่อซื้อตัวและสร้างความคุ้นเคยให้เหมือนเป็นเครืิ่องมือสร้างงานมากกว่าจะเป็นของแพงต้องระวัง…

imac

คอมพิวเตอร์รุ่น imac ความเร็ว 450 Mhz ออกมาขายเมื่อปี ค.ศ. 2001 ตอนนั้นยังไม่เคยได้ใช้งานแมคอินทอช ดูในหนังสือก็รู้สึกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์พวกนี้มันหน้าตาสวยดี ชาวบ้านชาวช่องเขาลือกันว่าต้องทำงานกราฟิคถึงจะต้องใช้แมค ตอนนั้นผมเป็นโปรแกรมเมอร์ก็เลยไม่ได้คิดต่อว่าจะเปลี่ยนไปใช้แมคอินทอชดีไหม

หลายปีต่อมาได้ไปหยิบจับและทดลองใช้เครื่องแมคอินทอชในจุฬาฯ ห้องคอมพิวเตอร์ของคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางภาพมีแมคอินทอชให้ใช้เต็มไปหมด แต่ละเครื่องก็สีสันน่ารักน่าใช้ เลยรู้ว่าแมคอินทอชมันก็เป็นคอมพิวเตอร์ธรรมดา ใช้กับงานทั่วไป ทำเอกสาร และเล่นอินเทอเน็ตได้เหมือนกัน พอทำงานมาได้หลายปี มัวแต่ไปหมกมุ่นอยู่กับการทำงานและการถ่ายภาพ ลืมที่จะสนใจเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ วันดีคืนดีเปิดดูเว็บขายของมือสอง เห็นประกาศขายเครื่องแมคอินทอชเต็มไปหมด ราคาก็ถูกดี ของที่เคยราคาหกหมื่น ขายเป็นมือสองอยู่สี่พัน ผมก็เลยไปซื้อมาทดลองใช้ แม้ว่าจะดูล้าสมัยไปบ้าง ความเร็วจะน้อยไปบ้างเมื่อเทียบกับงานในปัจจุบัน แต่งานพื้นฐานอย่างการพิมพ์ข้อความ การดูหนัง การฟังเพลงมันก็ทำได้ไม่มีปัญหาอะไร แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก ทดลองใช้แล้วก็ชอบ เลยพาลเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คประจำตัวเป็นแมคอินทอชด้วยเหมือนกัน แล้วก็มีเครื่องแมคอื่นๆตามเข้ามาอยู่ในบ้านอีกมากมาย

imac สีแดงตัวนี้คือแมคอินทอชตัวแรกที่ซื้อมาลองใช้ และปัจจุบันมันก็ถูกใช้งานอยู่ในห้องนอน เอาไว้เปิดเพลง เอาไว้ดูรูป ดูหนัง เอาไว้เล่นเน็ตเวลาขี้เกียจหยิบโน๊ตบุ๊ค เอาไว้ฟังรายการวิทยุทางเน็ตซึ่งพักหลังๆจะฟังวิทยุผ่านเน็ตบ่อยมาก เพราะว่ามันมีแนวเพลงที่ชอบเยอะ และไม่ค่อยพูดมาก ฟังเพลินๆแล้วมีความสุขมากกว่าคลืื่นวิทยุคนไทยจัดที่มีแต่ขายของเล่นเกมส์ปัญญาอ่อน.

ส่งของ

งานใบปลิวยอดเยอะ ส่งไกล ทีแรกก็นัดรถรับจ้างเอาไว้ แต่ว่าผนตก รถรับจ้างไม่มีที่กันฝน เลยต้องไปส่งเอง ก็เลยขนขึ้นรถเก๋ง ใส่ของเต็มเบาะหลัง และกระโปรงหลัง รถแอ่น หน้าเชิด แถมลืมเติมลมยางอีกต่างหาก ก็ขับจากบ้านฝั่งธนฯขึ้นทางด่วนแล้วไปส่งที่สนามบินดอนเมือง

ขับช้ามากขอบอก เพราะไม่ค่อยมั่นใจในสภาพรถ แต่ก็ขับไปเพลินๆ ฟังเพลง ฟังรายการวิทยุไปเรื่อยๆ ถึงที่หมายปลอดภัย จอดรถเสร็จ ก็ลงมาขน เห็นรถแอ่นๆเลยถ่ายภาพเก็บไว้ แต่ว่าภาพมันไม่ค่อยสื่อสักเท่าไหร่เลย ใช้มือถือถ่าย เพราะกล้องในรถก็เอาออกหมด ต้องเคลียร์พื้นที่ให้ใบปลิวทั้งหลาย

ตอนบ่ายกลับมาโรงพิมพ์แล้วขนของไปส่งอีกรอบ คราวนี้ไปส่งที่สำนักงานใหญ่ของลูกค้า และไปส่งอีกบางส่วนที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ของอย่างเดียวส่งสามที่ บริการดีขนาดนี้เลยนะเนี่ย

ตอนค่ำก่อนกลับเข้าบ้านแวะเติมลมที่ปั๊มน้ำมัน วัดลมยางออกมาได้ 22 จะบ้าตาย ขับไปได้ยังไง เลยเติมให้เป็น 33 ทุกล้อ รถลื่นวิ่งฉิวเลย รถใครอืดๆลองเช็คลมยางดู เผื่อว่ามันจะซึมออกจนยางอ่อนเกินไปทำให้รถอืด

Polaroid PoGo

กล้องโพลารอยด์เป็นที่นิยมมาตลอดนับสิบปีก่อนที่ดิจิทัลจะครองเมือง หลังจากระบบดิจิทัลฆ่าฟิล์มจนขายไม่ค่อยได้ โพลารอยด์ก็ซบเซาตามกันไป จนในที่สุดบริษัทโพลารอยด์ก็ประกาศยุติการผลิตฟิล์มโพลารอยด์ ทำให้กล้องโพลารอยด์ในตลาดกลายเป็นเศษเหล็กไปทันที

แต่โพลารอยด์ก็ยังมีลมหายใจ และได้พยายามปรับตัวเองเพื่ออยู่ในยุคดิจิทัลให้ได้ นั่นเป็นทีี่มาของปริ๊นเตอร์ขนาดพกพา Polaroid PoGo ที่สามารถสั่งปริ๊นท์รูปขนาด 2×3 นิ้วได้ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆได้ทางบลูทูธ ทำให้การพิมพ์ภาพนอกสถานที่ทำได้สะดวกมากขึ้น เป็นก้าวแรกของโพลารอยด์ในโลกดิจิทัล

ตอนนี้ก็ยังมีข่่าวว่าโพลารอยด์กำลังผลิตกล้องดิจิทัลตัวใหม่ที่สามารถพิมพ์ภาพออกมาได้ทันที ทำให้ความสนุกของการถ่ายภาพแบบโพลารอยด์หวนกลับมาได้อีกครั้ง และครั้งนี้ก็อาจจะต่อเนื่องยาวนานเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะใครๆก็อยากได้รูปทันที

fix the door

ประตูที่ถูกชนได้รับการซ่อมแซมแล้วโดยช่างของบริษัทประกันภัย  ระหว่างที่ซ่อมนั้น  ผมเห็นว่าภาพช่างที่กำลังอ๊อคเหล็กน่าจะเป็นภาพที่สวย  ก็เลยไปหยิบกล้องมาถ่ายเอาไว้  ถ่ายไปหลายภาพเหมือนกัน  ช่างที่ทำงานอยู่อาจจะรู้สึกว่า  ไอ้นี่มันเป็นอะไร ถือเลนส์ตัวเท่าข้าวหลามมาส่องอยู่ได้

ภาพที่ถ่ายออกมาทีแรกผมวัดแสงพอดี  รายละเอียดต่างๆในภาพก็เห็นหมดทุกอย่าง  แต่ประกายไฟที่เห็นจะไม่ค่อยสวยเพราะสว่างมากเกินไป  ผมเลยตั้งค่าในกล้องให้วัดแสงอันเดอร์มากๆ  กะว่าให้แสงไฟที่จี้กับเหล็กจนลุกเป็นไฟนั้นมีความสว่างพอดี  แล้วมือคนกับหน้าคนที่อยู่ใกล้ๆเปลวไฟก็จะพอเห็นรายละเอียดบ้างเนื่องจากได้รับความสว่างจากเปลวไฟนั่นเอง  ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น  เป็นภาพที่จงใจถ่ายให้อันเดอร์มากๆ  ก็ดูดีกว่าภาพที่สว่างพอดีทั้งภาพ

under control

วันจันทร์ต้นสัปดาห์ ผมมีนัดจะต้องไปถ่ายรูปให้ลูกค้ารายหนึ่ง นัดไว้บ่ายโมง ตอนสายๆก็มีเหตุการณ์ให้วุ่นวาย ทำให้ผมจัดของได้ช้าลง นั่นก็คือมีรถขนกระดาษมาชนประตูบ้าน ทำให้เสาประตูขาดและใช้การไม่ได้ คนขับรถก็เลยเรียกประกัน ผมต้องอยู่รอคุยกับประกัน

กำหนดการเดิมคือผมต้องแวะไปบ้านเพื่อนเพื่อไปเอากล้องถ่ายภาพมาใช้ในงานถ่ายภาพ ซึ่งจริงๆผมก็มีสำรองตัวหนึ่ง แต่ก็อยากจะใช้ตัวเดิมซึ่งใช้งานประจำ เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามความเคยชิน ผมต้องเลื่อนเวลาออกเดินทางไปเพราะเรื่องรถชน แถมปลั๊กไฟพ่วงผมก็หยิบไปใช้งานในออฟฟิศ เลยไม่ได้ถอดออกมา ทำให้ต้องแวะห้างเพื่อซื้อของให้ครบก่อน

ทุกกำหนดการ และเรื่องที่ต้องทำก็ต้องเลื่อนออกไปอีกสองชั่วโมง ผมออกจากบ้านเที่ยง เพื่อไปเอากล้องที่บ้านเพื่อน และแวะห้างกลางทางกินข้าวกลางวัน และซื้อปลั๊กไฟ ดูเวลาอีกที ผมเลยเวลานัดไป 1 ชม. โทรไปบอกลูกค้าขอโทษกันตามมารยาท โชคดีที่ลูกค้าใจดี

การถ่ายรูปก็แสนจะเหนื่อย เพราะว่าเป็นการถ่ายที่มีหลายลักษณะ เดิมทีเข้าใจว่าจะถ่ายแค่คนอ้วนกับอาหารสองอย่าง ไปๆมาๆ ผมต้องไปถ่ายเครื่องมือแพทย์ ต้องไปถ่ายคนไข้กับพนักงานคุมเครื่อง ต้องถ่ายภาพติดบัตรให้พนักงาน ต้องถ่ายภาพคุณหมอหลายๆคนเพื่อใช้ทำโบรชัวร์ ทุกภาพที่พูดถึง ผมต้องยกไฟแฟรชไปมา ย้ายเข้า ย้ายออก ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้คุ้นเคยกับอุปกรณ์ไฟต่างๆรับรองว่ามีสติแตกแน่นอน เพราะขนาดผมเป็นเจ้าของอุปกรณ์เองและได้ออกแบบวิธีการหยิบ วิธีการเลือกใช้ไว้ในใจแล้ว บางทียังมึนเลย

บางภาพก็ถ่ายซ่อมเก็บไว้เผื่อได้ใช้

บางภาพเป็นภาพจัดถ่ายแบบต้องใช้เวลาและความคิดเยอะ แต่ผมก็ต้องถ่ายให้เสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที คุณภาพและองค์ประกอบก็ตามมีตามเกิด ไม่ดีเลิศ ไม่คาดหวัง

ภาพคนไข้กับพยาบาล

ภาพเครื่องมืออื่นๆ