วิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลที่ดีที่สุด

ถ้ามีคลิปลับส่วนตัวเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ในมือถือ วิธีรักษาความลับที่ดีที่สุดก็คือทำให้มันตายไปซะ ถ้าเป็นสิ่งของก็ตามวิดีโอเลย แต่ถ้าเป็นคนล่ะ……

ทดสอบโพสท์จากที่บ้าน 23jan2009

อันนี้เป็นส่วนข้อความ

รูปลิงค์มาจากที่อื่น

การถ่ายไฟให้เป็นแฉก

เทคนิคการถ่ายไฟให้เป็นแฉกคือต้องใช้ขาตั้งกล้อง และรูรับแสงแคบๆ เวลาที่แสงเดินทางผ่านช่องเล็กๆ แสงจะค่อยๆฟุ้งออกเมื่อผ่านช่องแคบเหล่านั้น ถ้าช่องแคบเป็นรูปทรงหลายเหลี่ยม แสงที่ฟุ้งก็จะมีแฉกเท่ากับจำนวนเหลืื่ยมที่มันวิ่งผ่าน จำนวนเหลี่ยมในเลนส์แต่ละตัวอาจจะเป็น 5 เหลี่ยม 6 7 8 เหลี่ยม แล้วแต่การออกแบบ

อวดรูปตัวเอง

กล้อง eos350 เลนส์ 85/1.8 ตอนเย็นๆแสงน้อยๆ  บรรยากาศสนามหญ้าโล่งๆ

ถ่ายเล่น เย็นวันอาทิตย์ กับเลนส์ 85/1.8

ภาพสาวในเวลาเย็นๆ  แดดแทบไม่มีแล้ว  ใช้เลนส์ 85/1.8  เปิดรูรับแสงกว้างสุดเลยได้สปีดที่ค่อนข้างสูง  ถ่ายภาพเป็น Raw แล้วเอาไปแปลงเป็น JPG ด้วยโปรแกรม photoshop CS2 เลือกค่า Vignet หรือ ขอบภาพดำเยอะๆให้ภาพดูตรงกลางเด่นๆ

“ความสุขของกระทิ” หนังสือขายดีใช่ว่าจะเป็นหนังที่ดี

“ความสุขของกระทิ” หนังสือรางวัลซีไรท์ ยอดขายเยอะ พิมพ์ซ้ำยี่สิบกว่ารอบ  แต่ไม่รู้ว่ารอบละกี่เล่ม  มีคนเอามาทำเป็นหนัง  เลือกดารานักแสดงดูดี  โปรโมทแล้วน่าจะสนุก  ก็เลยตามไปดู  แล้วก็พบกว่า เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตที่ผมอยากจะเดินออกจากโรงตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง

 

หนังสือเป็นแนวพรรณา  บรรยายถึงความสวยงามของชีวิต  บรรยายถึงความสงบสุข ความสุขทางจิตใจ  แต่ตัวหนังไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่ล่องลอยเหล่านั้นออกมาให้เห็นได้  หนังเลยมีแต่ภาพที่แทบจะไม่มีสารจากหนังสือเลย  อรรถรสจากหนังสือ กับภาพยนต์เป็นคนละแบบกัน  คนทำหนังเรื่องนี้คงไม่เข้าใจ  แต่ถ้าคนทำหนังเข้าใจ  คนออกทุนคงไม่เข้าใจ  หนังสือสามารถจะปล่อยให้คนอ่านหยุดอยู่กับหน้าใดหน้าหนึ่งได้เป็นชั่วโมง นานเท่านานเท่าที่อยากจะจินตนาการ  แต่ภาพยนต์ไม่ใช่แบบนั้น  การจะปล่อยให้ภาพแต่ละช่วงถ่ายทอดอะไรบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นของหนังกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ  ยิ่งพยายามเก็บรายละเอียดตามหนังสือมากเท่าไหร่ ความง่วงยิ่งเข้ามาแทนที่มากเท่านั้น  

 

ผมดูสารคดีชีวิตสัตว์โลกของเนชัลแนลจีโอกราฟิค  ยังรู้สึกดีกว่าดูกระทิบนจอ  เพราะมีความงาม ความสงบ และความเป็นไปของชีวิตเหมือนกัน  แต่ไม่มีความง่วงและความน่าเบื่อมาแทรกซึมอย่างหนังเรื่องนี้  บางทีหนังเรื่องนี้อาจจะให้บทเรียนคนสร้างหนังว่า  หนังสือขายดีใช่ว่าจะเป็นหนังที่ดี

เที่ยวเมืองโบราณ กับ ถ่ายนกที่บางปู

เมืองโบราณยุคปรับปรุงใหม่ รถวิ่งได้ครึ่งเดียว อีกครึ่งต้องเดิน หรือใช้จักรยานเท่านั้น เราก็เลยได้ดูของแค่ครึ่งเดียวเพราะขี้เกียจเดิน ถ้าจะไปให้ทั่วคงต้องใช้เวลาทั้งวัน ออกจากเมืองโบราณไปต่อบางปู ไปถ่ายนกนางนวล ถ่ายยากมาก ครึ่งชั่วโมงแรกสติแตก ไม่ได้ภาพเลย แทบหมดความพยายาม แต่พอเหนื่อย ได้แต่มองนกบิน เริ่มมองเห็นว่าจะถ่ายอย่างไร เริ่มเรียนรู้วิถีการบิน เริ่มรู้จังหวะ แล้วก็เริ่มได้ภาพ

ทดลองใช้กล้อง Panasonic Lumix LX3 ภาค2

หลังจากที่ได้ยินข่าวลือว่ากล้อง panasonic LX3 เป็นกล้องที่มีความสามารถดีเด่นในหลายๆด้าน โดยเฉพาะมันเป็นกล้องคอมแพ็คที่ใช้เลนส์มุมกว้าง 24/f2 ซึ่งเป็นของไลก้า เซ็นเซอร์รับภาพที่ใหญ่กว่ากล้องคอมแพ็คของค่ายอื่นเล็กน้อยทำให้มีสัญญาณรบกวนหรือ noise ต่ำกว่าชาวบ้านในระดับเดียวกัน และยิ่งเห็นภาพตัวอย่างว่าภาพขาวดำจากกล้องตัวนี้ให้ภาพที่สวยที่สุด สวยกว่าโหมดภาพสีเสียอีก เลยทำให้สนใจและในที่สุดก็ยุเพื่อนซื้อจนได้ แล้วก็เอามาลองถ่ายเล่นชุดใหญ่



โหมดภาพที่ใช้งานสำหรับลองเล่นในครั้งนี้จะมีสองแบบ คือ Vibrant ซึ่งให้สีฉูดฉาด และโหมด dynamic bw ซึ่งให้ภาพขาวดำแบบดุเดือดถูกใจคนเคยเล่นขาวดำ เท่าที่ลอง ภาพโหมด vibrant จะให้สีอิ่มตัวสูงมาก เทียบได้กับเอาภาพสีจืดมาเพิ่ม saturate ในคอมพิวเตอร์ให้มันฉูดฉาด กล้องตัวนี้ทำได้ดี และทำให้ทันทีที่ถ่าย ผมคิดว่ามันช่วยลดเวลาการแต่งภาพลงไปเยอะเลย ปกติผมก็ไม่ค่อยนิยมจะนั่งแต่งภาพอยู่แล้วเพราะความขี้เกียจ ถ้าได้ภาพสีสวยๆสดๆจากกล้องเลยมันก็คงดีไม่น้อย แล้ว LX3 ก็ทำได้ดีเกินหน้าเกินตาจริงๆ หลายๆภาพถ้าวางองค์ประกอบดีๆ มันก็ดูไม่แตกต่างไปจาก DSLR ที่ตั้งใจถ่ายและตั้งใจ process ให้ภาพสีสด น้องพานาตัวนี้บอกว่า “พี่ไม่ต้องน้องทำเอง”

เลนส์ไลก้า 24/f2.8 สำหรับใช้กับกล้อง M6 ซึ่งเป็นกล้องระดับดาวค้างฟ้า ต้องจ่ายค่าตัวให้เลนส์สักหกหมื่นเห็นจะได้ ใครอยากได้แต่เงินน้อย เอามาหมื่นหก ได้เลนส์ได้กล้อง ได้เที่ยวทันที ไม่ต้องซื้อไลก้าตัวเต็มแล้วหมดเงินเที่ยว เลนส์ 24/f2 (ดีกว่า 2.8)ประสิทธิภาพสูง ไวแสง ทำให้เราสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี แถมกล้องยังมีระบบป้องกันมือสั่น ช่วยโยกเลนส์ ทำให้ภาพคมชัดแม้ความไวชัตเตอร์จะต่ำเกินมือมนุษย์จะถือให้นิ่งได้ บางภาพผมถ่ายที่ความเร็วชัตเตอร์ 1/8 ยังได้ภาพชัดอยู่เลย

เวลาผมใช้กล้อง LX3 ตัวนี้ ผมมักจะตั้งรูรับแสงไว้ที่ f2 เอากว้างสุดไว้ก่อน iso อยู่ที่ 100-200 แล้วแต่สถานการณ์ เลนส์สว่าง f กว้างๆ พร้อมกับระบบกันมือสั่นทำให้ถ่ายภาพได้แทบทุกสภาพแสง ถ่ายกลางคืนได้เหมือนตาเห็น แล้วที่สำคัญคือ มันวัดแสงไม่พลาดเลย ผมถ่ายภาพวัตถุสีขาวๆ หรือ สถานที่มีทั้งแดดส่องและร่มเงา ก็ให้ภาพที่สว่างพอดี ไม่ได้มีภาพมืดไป หรือสว่างไปเหมือนตอนที่ใช้ DSLR คิดไปแล้วมันเป็นกล้อง point and shoot จริงๆ คือมันง่ายต่อการยกมาถ่ายทันทีทันใด ไม่ต้องคิดมาก

หากจะให้เทียบกับ DSLR ผมคงจะต้องบอกว่า DSLR ให้คุณภาพที่ดีกว่า แต่ว่าต้องจ่ายเยอะกว่า และต้องใช้สมองเยอะกว่าด้วย ถ้าไม่อยากคิด ไม่อยากเรียนรู้ ไม่อยากจ่ายเพิ่มลองหันมาใช้ LX3 ดูก็เป็นคำตอบที่ดีเหมือนกันนะ บางภาพผมว่ามันทำได้ดีกว่า DSLR เสียอีก

ทดลองใช้กล้อง Panasonic Lumix LX3 ภาค1

กล้องดิจิทัลที่ได้ข่าวมาสักพักแล้วว่าคุณภาพดี พอเพื่อนจะซื้อก็เลยยุให้ซื้อไปซะเลย พาเพื่อนไปซื้อที่ร้าน ไปทดสอบ ไปลองเล่นด้วยตัวเอง ภาพที่ได้สวยมาก เลนส์มุมกว้าง 24 มม. ทำให้ถ่ายภาพต่างๆได้ง่ายไม่ต้องถอยเยอะ รูรับแสง f2 เป็นขนาดรูรับแสงที่ถือว่ากว้างมาก ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี แถมกล้องยังมีระบบกันมือสั่นอีกต่างหาก ทั้งมุมกว้าง ทั้งรูรับแสงกว้าง ทำให้ไม่ต้องใช้ iso สูงๆ สัญญาณรบกวนก็จะน้อย ถ่ายเล่นมาหลายภาพเลย


ภาพนี้ถ่ายที่ร้านกล้อง ทดสอบก่อนซื้อ


ได้กล้องแล้วก็ไปดูกระเป๋ากล้อง เพราะร้านไม่ได้มีของแถมให้


ซื้อเรียบร้อยก็ไปกินเอ็มเค


ถ่ายเล่นๆเลนส์มุมกว้าง 24มม.


กล้องตัวนี้ปรับไปถ่ายขาวดำได้สวยมาก


ถ่ายมาโครได้ใกล้มาก ซึ่งมักเป็นคุณสมบัติของกล้องคอมแพ็คสมัยนี้แทบทุกตัว


ภาพคร็อบหัวแหวน

ทุกภาพถ่ายจากกล้อง ก็อปปี้ลงเครื่อง ย่อขนาด ปรับ sharpen 1 ครั้ง ส่วนสีสันก็ไม่ได้ปรับอะไรเลย วันหลังจะยิืมมาเล่นใหม่ ไปหาที่ถ่ายตอนกลางวันสภาพแสงสวยๆ น่าจะได้ภาพที่ดีอีกเยอะ
กล้อง 15900 บาท ประกันร้าน เพราะของศูนย์ยังไม่มีขาย
แบตซื้อเพิ่มก้อนละ 1100 บาท ยี่ห้อ oska
เมมโมรี่ได้แถมจากร้าน 2G ซื้อเพิ่มอีก 8G ราคา 699 บาท
ไว้ได้ลองอีกครั้งจะมาโม้ต่อภาคสอง

ชะอำเหมือนบางแสน

วันสิ้นปีกับคนสิ้นคิด ไม่รู้จะไปไหนดี อยากจะไปหาแฟน แต่ไม่มีแฟนเป็นของตัวเอง อยากไปเที่ยวพิษณุโลกตามคำชวนของเพื่อนกลุ่มถ่ายรูป แต่ก็มีเพื่อนอีกขโยงขอติดรถไปด้วย เลยเบื่อไม่อยากขับรถหนักๆ กะไปคนเดียวไม่ต้องเอาใจใครทริปขึ้นเหนือเลยล่ม ไม่ไปดีกว่า สุดท้ายตอนเช้าวันเดินทางคิดใหม่ทำใหม่ ไปชะอำดีกว่า เลยนัดเพื่อนที่อยู่เพชรบุรีว่าจะไปเที่ยวชะอำ จะแวะไปรับ เพื่อนใจดีก็ยอมมาอยู่เป็นเพื่อน เลยได้ทริปใหม่ไปคนเดียวแต่กินกันสามคนอิ่มแบบหลากหลาย นั่งเตียงผ้าใบ ปลาหมึกลอยฟ้า กุ้งลอยฟ้า ทอดมันลอยฟ้า ส้มตำลอยฟ้า ทุกอย่างเรียกลงมาอยู่บนโต๊ะได้หมดเลย รวมไปถึงอาหารตามสั่ง กระเพาทะเลและต้มยำรวมมิตรน้ำใส รสแซบ อิ่มแล้วต่อด้วยไอติมวอลล์ ค่ำๆก็ส่งเพื่อนกลับบ้าน ขับรถกลับบ้านไปนั่งนับเลข รอเวลาปีใหม่

เดินเล่นปีใหม่ กับสถานที่ที่ยังไม่ถูกโปรโมท

ปีใหม่ไม่มีอะไรทำ เลยไปดูที่กับเพื่อนในราชบุรี ไปอำเภอสวนผึ้งซึ่งมีรีสอร์ทผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ญาตของเพื่อนก็ไปซื้อที่ดิน สปก.ไม่มีโฉนดเก็บไว้กับเขาเหมือนกัน ผมก็ตามไปดู ไม่คิดจะซื้อหรอกเพราะไม่ได้มีเงินทองเหลือใช้ขนาดนั้น และยังไม่คิดจะทำธุรกิจรีสอร์ทด้วย ไปดูเล่นๆ ไปดูที่จับจอง สภาพไม่ค่อยสวยเพราะยังไม่ได้รับการปรับปรุง แต่ก็มีแววที่จะเกิดเหมือนกัน เลยจากที่ดินของเพื่อนขึ้นไปอีกนิดเป็นอ่างเก็บน้ำ ยังไม่มีชื่อ ไปเห็นแล้วก็อึ้งเลย วิวสวยมากสำหรับการถ่ายรูป แต่ถ้าจะพักผ่อนหย่อนใจคงต้องคิดใหม่ เลยได้ภาพสวยกลับมานิดหน่อย

ของชำร่วยงานแต่งงาน ปาโกะกับน้องป๋วย

 

ของชำร่วยฉบับเร่งด่วนทำเองกับมือ  เอางานออกแบบของลูกค้าให้ปาโกะดูเป็นไอเดีย แล้วเปลี่ยนข้อมูลเป็นของเจ้าภาพซะเลย  สะดวกรวดเร็ว  อาจจะดูเหมือนลอก  แต่คิดว่าไม่ใช่  เพราะของชำร่วยประเภทอื่นๆก็เอาสินค้าสำเร็จมาติดชื่อเหมือนกัน