ทดลองใช้ Eos 1000d

กล้อง eos 1000d เป็นกล้องรุ่นเล็กสุดประหยัดสุด แนะนำให้เพื่อนซื้อ ความละเอียดสิบล้านพิกเซล พร้อมฟังค์ชั่นไลฟ์วิว ที่ทำให้เห็นภาพก่อนถ่าย ใช้งานได้ง่ายๆเหมือนกล้องรุ่นเล็กๆทั่วไป พอได้ของมาก็ขอลองเล่นนิดหน่อย เลนส์แถมเป็นเลนส์ 18-55is มีระบบกันมือสั่น ลองเล่นโหมดไลฟ์วิว สปีดต่ำๆ ภาพชัดอย่างไม่น่าเชื่อ ระบบกันสั่นนี่มันมีประโยชน์ต่อวงการถ่ายภาพจริงๆเลย


ภาพนี้ใช้โหมดไลฟ์วิว โปรแกรม P รูรับแสง 5.6 ความไวชัตเตอร์ 0.8 วินาที ไม่น่าเชื่อว่าถือด้วยมือเปล่ายังได้ภาพชัด


ภาพนี้ใช้กล้องวางแนบพื้นโต๊ะ ใช้โหมดไลฟ์วิวช่วยโฟกัส โหมด P เหมือนเดิม ให้กล้องเลือก iso ให้ พอถ่ายเสร็จก็ดูข้อมูลการถ่าย กล้องรายงานว่า f5.6 สปีด 1/30 วินาที iso800

สองภาพที่ยกตัวอย่างมานี้ ถ้าเป็นยุคของกล้องฟิล์มและเลนส์โบราณ  คงต้องอาศัยขาตั้งกล้องและการก้มๆเงยๆจนปวดหลังเท่านั้นถึงจะได้ภาพออกมาอย่างที่เห็น  ถ้ามีโอกาสจะเอากล้องตัวนี้ไปถ่ายตอนกลางวันแสงสวยๆ และถ่ายคนสวยๆบ้าง เพราะกฏข้อที่หนึ่งของการถ่ายภาพให้สวยคือต้องถ่ายของสวยๆ

เทคโนโลยีช่วยให้การถ่ายภาพลดข้อผิดพลาดลงไปได้เยอะมาก  สิ่งที่เหลือนอกเหนือจากนี้คือการพัฒนามุมมองทางศิลปะ  หรือจินตนาการของคนถ่ายเท่านั้นเองว่าจะคิดอะไร และเลือกใช้อุปกรณ์อย่างไรเพื่อทำงานให้ได้ตามใจนึก

ความผิดพลาดที่น่าดู

ประมาณปี คศ 2004 ผมยังคงไม่ได้ใช้กล้องดิจิทัลใดๆ  และยังสนุกกับการหัดถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ  นอกจากงานภาพขาวดำที่ผมพยายามเรียนรู้จนเข้าใจกระบวนการแล้ว  การถ่ายภาพด้วยฟิล์มใหญ่ขนาด 6x6cm ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของผม  เพราะการถ่ายภาพแฟชั่นในระดับอาชีพจะใช้ฟิล์มประเภทนี้เสมอ  แต่ผมไม่มีเงินพอจะซื้อกล้องแพงๆเหล่านั้นได้  เพราะต้องจ่ายเกือบแสน  แต่ผมก็ดั้นด้นไปหากล้องเก่าโบราณมาเล่นจนได้  

 

กล้องตัวนี้ใช้ฟิล์ม 6x6cm หรือฟิล์ม 120 (ตามที่ในวงการถ่ายภาพเขานิยมเรียกัน  ส่วนกล้องทั่วไปใช้ฟิล์มเล็กจะเรียกว่า 135)  การใช้งานกล้องโบราณตัวนี้จะมีโอกาสผิดพลาดสูง  ตั้งแต่การใส่ฟิล์ม  การเลื่อนฟิล์ม  และการเอาฟิล์มออกจากกล้อง  การถ่ายภาพแต่ละครั้งเมื่อถ่ายไปแล้วจะต้องหมุนฟิล์มให้เคลื่อนที่ไป  ฟิล์มส่วนที่ถ่ายไปแล้วจะขยับออกจากช่องรับภาพ  กล้องสมัยใหม่(สำหรับช่วงเวลานั้น)จะออกแบบให้ถ่ายแล้วง้างคานขึ้นชัดเตอร์เพื่อเลื่อนฟิล์ม  ถ้าไม่เลื่อนฟิล์ม ปุ่มชัดเตอร์จะกดไม่ลง  เป็นการออกแบบไม่ให้ถ่ายภาพซ้อนลงไปบนฟิล์มเดียวกัน  แต่กล้องโบราณที่ผมใช้  กลไกมันอยู่ตัวใครตัวมัน  หมายความว่า จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนฟิล์ม  ปุ่มชัตเตอร์ก็ยังคงทำงานได้เหมือนเดิม  ถ้าเราลืมเลื่อนฟิล์ม  แล้วกดชัตเตอร์ซ้ำลงไป  ภาพก็จะซ้อน  ตามรูปที่เห็นนี่แหละ  แต่ภาพนี้กลับกลายเป็นดี  ตอนถ่ายภาพแรก  ผมให้เพื่อนช่วยถ่ายให้  ผมเล็งองค์ประกอบให้เพื่อนดู แล้วก็ไปยืนในภาพ  ให้เพื่อนช่วยกดถ่ายภาพให้  จากนั้นก็เดินเล่นไปดูมุมอื่นๆในสวนสาธารณะ  แล้วผมก็ไปเจอภาพดอกไม้กลุ่มหนึ่งรู้สึกว่าน่าถ่ายเก็บไว้  ก็เลยเล็งดอกไม้แล้วถ่ายไปเลย  ตอนล้างฟิล์มออกมาถึงจะรู้ว่าภาพซ้อนกัน  สาเหตุที่ซ้อนก็เพราะถ้าผมเป็นคนถ่ายเอง  เมื่อกดชัตเตอร์ไปแล้วผมก็จะเลื่อนฟิล์มทันที  ภาพต่อไปจะได้ไม่ซ้อน  แต่พอให้เพื่อนช่วยถ่ายให้  เพื่อนไม่รู้เรื่องก็ถ่ายให้อย่างเดียว  ไม่ได้เลื่อนฟิล์มให้  ผมก็ลืมที่จะเลื่อนฟิล์มให้ทันทีที่ได้รับกล้องคืนจากเพื่อน  พอลืม  ก็นึกว่าได้ทำไปแล้ว  เจอเหตุการณ์หรือมุมสวยๆถัดไปก็ถ่ายไปทันที  มันก็ซ้อนด้วยประการฉะนี้….

  แต่ภาพนี้ก็เป็นภาพถ่ายตัวเองที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่หัดถ่ายรูปมา  อาจจะเพราะมันดูไม่ค่อยชัดเลยดูดีกว่าสภาพจริง ยังคงเก็บฟิล์มชิ้นนี้เอาไว้  กะว่าวันหนึ่งอาจจะเอาออกมาขยายติดฝาบ้าน

ตัวอย่างงานโปสการ์ด Candle in the Winter

ลูกค้าส่งไฟล์งานโปสการ์ดมาให้  จะสั่งพิมพ์ขนาด 5×7 นิ้ว  แต่ไฟล์ต้นฉบับมาใหญ่กว่า และไม่ได้สัดส่วน  ต้องมาปรับแต่งอีกหลายขั้นตอน    แถมข้อมูลด้านหลังก็ยังไม่พร้อม  ต้องมาทำเพิ่มเติมให้  งานด่วนแต่มาไม่ค่อยเรียบร้อย แก้ไขส่งให้ตรวจกันอีกสามรอบ ผ่านไปสามชั่วโมงจึงลงตัว พร้อมจัดพิมพ์ เร่งจริงๆเลย