เมื่อวานได้ไปดูละครเวทีเรื่อง “ข้างหลังภาพ” ซึ่งเป็นนิยายรักรุ่นสงครามโลก ไปดูที่โรงละคร รัชดาลัย ถ้าสะกดผิดก็ขออภัยด้วย เพราะคนตั้งชื่อสถานที่คิดชื่อยากๆเอง คนที่อยากเขียนถึงก็ไม่ค่อยแม่นเรื่องภาษา เตรียมตัวอย่างมากสำหรับการดูละครเรื่องนี้ เพราะเป็นวันศุกร์ที่ต้องไปติดต่องานหลายที่ ธุระสุดท้ายของวันอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิิติ์ในงานท่องเที่ยว ทำงาน เดินเล่น จนห้าโมงเย็นก็ออกจากศูนย์ประชุมฯ ใช้เวลาเดินทางไปถนนรัชดาประมาณสองชั่วโมงสิบห้านาที ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ไม่น่าเชื่อเลยว่ารถจะติดได้ขนาดนี้
ละครเวทีครั้งนี้ได้รับบัตรมาจากธนาคารสองใบ เลยได้ชวนแฟนไปดูด้วยกัน เนื้อเรื่องก็เคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง นิยายเรื่องนี้ถูกนำมาทำเป็นหนังหลายครั้ง สูจิบัตรที่แจกในงานก็มีประวัติคร่าวๆให้อ่าน มีเรื่องราวของงานเบื้องหลังให้ดู สิ่งที่น่าสนใจของการดูละครครั้งนี้คือ มันเป็นการดูละครเวทีครั้งแรกของผม ซึ่งตื่นเต้นเล็กน้อย เคยคิดว่าละครเวทีคงไม่แตกต่างไปจากการดูโชว์ในโทรทัศน์ พวกรายการเล่นตลก หรือเดี่ยวไมโครโฟนของโน๊ตอุดม แต่ก็ผิดคาด เทคนิคการเปลี่ยนฉาก การสร้างสรรฉากต่างๆเต็มไปด้วยความพิสดาร สร้างน้ำตกจริงๆบนเวที ลวดสลิงและล้อเลื่อนถูกใช้งานเต็มไปหมด ทุกอย่างถูกออกแบบและจัดวางอย่างปราณีต ตำแหน่งและมุมมองเป็นไปตามองค์ประกอบภาพที่ควรจะเป็น การเปลี่ยนฉาก การเลื่อนแต่ละครั้งมีระเบียบแบบแผน การผสมผสานวิธีการใช้แสง ใช้ภาพนิ่ง ใช้ภาพเคลื่อนไหว ใช้ควัน ใช้ฉากหมุนไปหมุนมาดูน่าทึ่ง เห็นการทำงานแล้วก็ยอมรับว่าถ้าค่าบัตรราคาสองพัน หรือสามพันก็ถือว่าสมราคา ไม่คิดว่าละครเวทีมันจะเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าละครเวทีที่อื่นๆจะทำได้แบบนี้เป็นมาตรฐานหรือไม่ ถ้ามันเป็นอย่างนี้ทั้งหมดก็แสดงว่าผมเป็นไดโนเสาตัวจริง
ตัวนิยายเป็นเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นผิดที่ ผิดเวลา รักกันในวันที่ไม่สามารถรักกันได้ น่าสงสารตัวละคร ในชีวิตจริงคงมีความรักแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย แต่เรื่องจริงมันมีทางออกไปในรูปแบบของการมีกิ๊ก มีชู้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่น่าเลียนแบบเลย ผมดูเรื่องนี้แล้วไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเหมือนคนข้างๆที่ร้องไห้ยังกับว่าเกิดขึ้นกับตัวเอง หรือจะเป็นเพราะว่าผมมัวแต่พยายามฟังเพลง จนลืมดูละคร ก็มันเป็นละครเพลงนี่นา เลยเพ่งไปกับเนื้อเพลงเยอะไปหน่อย
วลีจากนิยายเท่ห์ดีเหมือนกัน “ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก”
